ตอนที่ 97 ถอยกลับไปตั้งหลัก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 97 ถอยกลับไปตั้งหลัก
อายุเพียงแค่นี้แต่กลับมีความทะเยอทะยาน มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ หากเวลาผ่านไปนานกว่านี้นางจะกลายเป็นบุคคลเช่นไรกัน

เซียวหรงเหยี่ยนอดนึกถึงมารดาของตัวเองขึ้นมามิได้ มือกำหยกจักจั่นแน่น

เขาไม่เคยดูหมิ่นสตรีนางใดเพียงเพราะความแตกต่างทางเพศ เขารู้มานานแล้วคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ฝีมือดี การวางแผนเป็นเลิศ การจิบชาร่วมกันในครั้งนี้ เซียวหรงเหยี่ยนไม่เพียงแต่ต้องมองคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ใหม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เลือดร้อนในใจของชายหนุ่มพลุ่งพล่าน หากมีคนเช่นนี้มาช่วยดูแลต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนต้องได้ครอบครองใต้หล้านี้อย่างแน่นอน

เซียวหรงเหยี่ยนยืดกายตรง ยกมือคาราวะหญิงสาว ท่าทางเคารพนอบน้อมกว่าตอนแรก “สิ่งที่คุณหนูใหญ่ไป๋กล่าวออกมา แม้ถ้อยคำจะเต็มไปด้วยการต่อสู้ฆ่าฟัน แต่กลับแฝงไปด้วยความเมตตากรุณา ข้าชื่นชมนับถือมากขอรับ…”

ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าได้ใจ รีบคาราวะเซียวหรงเหยี่ยนกลับ

ถ้อยคำที่กล่าวออกมาในวันนี้ ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยความจริงจังหนักแน่น เป็นการสื่อให้

เซียวหรงเหยี่ยนทราบเป็นนัยว่าตระกูลไป๋ปกป้องเพียงชาวบ้านของต้าจิ้น ไม่ได้ปกป้องราชวงศ์หลิน

ภายในศาลาเจ๋อหลิ่วบนเนินเขาทางทิศเหนือของเมืองหลวง เซียวหรงเหยี่ยนมองดูไป๋ชิงเหยียนนั่งรถม้าจากไป ความรู้สึกมากมายเอ่อล้นขึ้นในใจ

แม้คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้จะเป็นเพียงสตรี ทว่าจิตใจและความคิดล้ำหน้ากว่าบุรุษมากมายหลายคน

การได้จิบชาร่วมกันที่ศาลาเจ๋อหลิ่วในวันนี้ เซียวหรงเหยี่ยนแทบทนไม่ไหวที่จะชวนไป๋ชิงเหยียนมาร่วมมือกับต้าเยี่ยน

ทว่าต้าเยี่ยนในตอนนี้ ภายในไม่สงบสุข ภายนอกก็ยังไม่มั่นคง สูญเสียเมืองและทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ไปกว่าครึ่งแคว้น ต้องยกเมืองหลวงที่เคยเป็นของต้าเยี่ยนให้แก่ต้าจิ้นถึงรักษาแคว้นของตัวเองไว้ได้

แคว้นเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนที่มีจิตวิญญาณของผู้ปกครองแคว้น มีความสามารถในการออกรบจะยินดีลดตัวลงมาช่วยหรือไม่

“นายท่าน คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ทราบฐานะที่แท้จริงของนายท่านจริงๆ ด้วยขอรับ นางจะ…”

เซียวหรงเหยี่ยนกระชับเสื้อคลุมแน่น แววตาแฝงรอยยิ้ม เอ่ยขึ้น “ไม่หรอก มิต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว!”

คุณหนูใหญ่ไป๋ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเช่นนี้ นางไม่มีทางแทงข้างหลังเขาดังเช่นคนถ่อยเด็ดขาด เดิมทีการพบหน้ากันในวันนี้ เซียวหรงเหยี่ยนแค่อยากรู้จุดประสงค์ที่ไป๋ชิงเหยียนช่วยเหลือเขาเท่านั้น

บัดนี้ เมื่อรู้ว่าคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ไม่ได้ต้องการสิ่งใดจากเขา ชายหนุ่มกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

หากมีจุดประสงค์แอบแฝงคงดีกว่านี้ มีจุดประสงค์…จะได้ไปมาหาสู่กัน เมื่อไปมาหาสู่กันจะได้สร้างมิตรภาพ

“ลมแรงแล้ว กลับเถิด!” เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยขึ้น

“นายท่าน ปีนี้จวนเจิ้นกั๋วกงจัดพิธีศพ เทศกาลโคมไฟในปีนี้คงไม่ครึกครื้นสักเท่าใด พวกเราออกเดินทางก่อนกำหนดดีหรือไม่ขอรับ” ลูกน้องของเซียวหรงเหยี่ยนถามหยั่งเชิง

“ได้ กลับไปเก็บของเถิด…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวขึ้นช้าๆ “เมื่อเสร็จสิ้นพิธีศพของจวนเจิ้นกั๋วกง เราจะออกเดินทางทันที”

ภายในรถม้าที่สั่นคลอนไปมา ไป๋ชิงเหยียนหลับตาครุ่นคิดว่าภายภาคหน้าตระกูลไป๋ควรทำเช่นไรดี นางเริ่มมีแผนการในใจแล้ว

ถอยกลับไปตั้งหลัก ลอบสะสมกำลัง

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพ นาง ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถงจะแยกย้ายไปคนละทิศคนละทางเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือจะใช้ประโยชน์จากรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งเสบียงอาหารไปหนานเจียงที่ฉินซ่างจื้อทิ้งไว้ให้อย่างไรดีถึงจะทำให้เหลียงอ๋องที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด ไม่ยอมลงมือทำสิ่งใดเริ่มลงมือเสียที

เหลียงอ๋องเปรียบเสมือนแมลงป่องมีพิษที่แอบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเพื่อรอโอกาสลงมือ หากนางจัดการกับเหลียงอ๋องก่อนเดินทางไปหนานเจียงมิได้ นางไม่สบายใจ

ดูจากภายนอก จวนจงหย่งโหวไม่ได้ติดต่อกับเหลียงอ๋องสักเท่าใด ทว่าชาติที่แล้วไป๋ชิงเหยียนติดตามรับใช้ข้างกายเหลียงอ๋องย่อมรู้ดีว่าจงหย่งโหวและหลิวฮ่วนจางเป็นคนของเหลียงอ๋อง

บัดนี้จงหย่งโหวฉินเต๋อเจาติดคุก เหลียงอ๋องและหลิวฮ่วนจางจะร้อนใจหรือไม่…

รถม้าหยุดลงที่ประตูหลังของจวนเจิ้นกั๋วกง ชุนเถาประคองไป๋ชิงเหยียนลงจากรถม้า เฉินชิ่งเซิงเห็นเซียวรั่วไห่จูงรถม้าเดินจากไป ชายหนุ่มก้าวไปด้านหน้าอย่างรู้สึกผิด “คุณหนูใหญ่ ข้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายจึงจัดการไม่รอบคอบ คุณหนูใหญ่จึงต้องเข้าไปพัวพันกับเซียวเซียนเซิงผู้นั้น ต่อไปข้าจะระมัดระวังรอบคอบให้มากขึ้นขอรับ”

เฉินชิ่งเซิงเป็นคนฉลาดและมีความสามารถ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวทำให้เขาระมัดระวังตัวมากขึ้นถือเป็นเรื่องที่ดี เดิมทีไป๋ชิงเหยียนยังกลัวอยู่ว่าเฉินชิ่งเซิงจะเหลิงจนทำสิ่งใดเกินตัว

“มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เขาติดหนี้บุญคุณพวกเราอยู่หนึ่งครั้ง เพียงแค่มาขอบคุณเท่านั้น ไม่ถือว่าเข้ามาพัวพันหรอก!” ไป๋ชิงเหยียนยังคงพอใจในตัวเฉินชิ่งเซิงมาก “เจ้าจัดการเรื่องรายชื่อได้ดีมาก!”

“เรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นฝีมือของท่านฉินซ่างจื้อขอรับ ข้ามิกล้าอวดอ้าง” เฉินชิ่งเซิงถ่อมตัว

“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเจ้าจงติดตามรับใช้ข้างกายคุณหนูสาม ข้าจะสั่งให้พ่อบ้านเหาหาผู้ช่วยฝีมือดีให้เจ้า ทำเรื่องในภายภาคหน้าให้ดีแล้วรีบกลับมาพร้อมคุณหนูสาม!” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือชุนเถา “ชุนเถาจะได้ออกเรือนเสียที!”

ชุนเถาและเฉินชิ่งเซิงหน้าแดงก่ำ

ชุนเถาหลบสายตาอย่างเขินอาย สายตาของนางเหลือบเห็นถงหมัวมัวเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนพอดี

“คุณหนูใหญ่ ถงหมัวมัวมาเจ้าค่ะ…”

“เจ้าไปเถิด!” หญิงสาวกล่าวกับเฉินชิ่งเซิง

เฉินชิ่งเซิงทำความเคารพหญิงสาวพลางเดินจากไป

ถงหมัวมัวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน ทำความเคารพเสร็จจึงกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ หมัวมัวจากเรือนชิงหมิงมารายงานว่าสองท่านที่อาศัยอยู่ที่เรือนชิงหมิงเก็บเงินและของมีค่าที่ตั้งประดับในเรือนในของจวนเจิ้นกั๋วกงไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ได้ยินยายหวังจากโรงครัวกล่าวว่าพวกเขาเอาเนื้อแห้งไปอีกมากมาย ดูเหมือนว่าเตรียมจะหลบหนีเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเสวียนและมารดาของเขาเอาตัวรอดเก่งเสมอ ทุกคนต่างรับรู้ท่าทีที่ซิ่นอ๋องมีต่อตระกูลไป๋หลังจากกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้ดี ซิ่นอ๋องเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา เป็นคนที่อาจได้ครอบครองบัลลังก์สูงสุดนั่นเป็นคนต่อไป

วันนี้องค์หญิงใหญ่นำตระกูลไป๋ไปรวมตัวกันที่หน้าประตูวังเพื่อบีบให้ฮ่องเต้ประหารซิ่นอ๋อง ไป๋ชิงเสวียนเป็นคนฉลาดที่ไม่หลักแหลมสักเท่าไหร่ ย่อมหลบหนีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

“มิเป็นไรปล่อยพวกเขาไปเถิด ทำให้เป็นเรื่องใหญ่หน่อย ให้ทุกคนรับรู้ว่าสองแม่ลูกนั่นหลบหนีไปตอนที่ตระกูลไป๋ยังจัดพิธีศพอยู่” หญิงสาวครุ่นคิดจากนั้นกล่าวสำทับ “เรื่องนี้มอบให้หรู่ซยงทั้งสองของข้าจัดการเถิด พวกเขาเพิ่งมาถึงจวนเจิ้นกั๋วกง มอบหมายงานให้พวกเขาทำบ้างพวกเขาจะได้คุ้นชิน”

ถงหมัวมัวเข้าใจความหมายที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการสื่อในทันที เดิมทีสองพี่น้องเซียวรั่วไห่ คนหนึ่งเรียนรู้เรื่องการจัดการด้านการค้าอยู่กับผู้ดูแลใหญ่ซึ่งเป็นสินเดิมของต่งซื่อ อีกคนเรียนรู้เรื่องจัดการควบคุมคนอยู่กับหัวหน้าใหญ่ผู้ดูแลไร่นาซึ่งเป็นสินเดิมของต่งซื่อเช่นเดียวกัน เมื่อไป๋ชิงเหยียนแต่งงานออกเรือนทั้งสองคนจะได้ติดตามไป๋ชิงเหยียนไปตระกูลสามี กลายเป็นแขนซ้ายแขนขวาที่มีประโยชน์ที่สุดของไป๋ชิงเหยียน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยได้ติดต่อพบปะกับคนตระกูลไป๋สักเท่าใด

บัดนี้ตระกูลไป๋เผชิญกับปัญหาใหญ่ แม้ทั้งสองคนจะมีศักดิ์เป็นพี่ชายที่ดื่มนมร่วมเต้าเดียวกับ

ไป๋ชิงเหยียน ได้รับความเคารพนับถือจากบ่าวรับใช้และบ่าวเก่าแก่ที่ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋ ทว่าหากพวกเขาไม่สร้างผลงานอันใดเลยก็ยากที่จะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับตระกูลไป๋ได้

ถงหมัวมัวประคองไป๋ชิงเหยียน เมื่อสัมผัสโดนมือที่เย็นเฉียบของหญิงสาว ดวงตาของนางหรี่แคบลงทันที “คุณหนูใหญ่ออกไปข้างนอกมิได้นำเตาอุ่นมือไปด้วยหรือเจ้าคะ เหตุใดมือจึงได้เย็นเฉียบถึงเพียงนี้เจ้าคะ”

ถงหมัวมัวกล่าวพลางกุมมือของไป๋ชิงเหยียนไว้ หันไปดุชุนเถา “เกิดอันใดขึ้นกับเจ้ากันชุนเถา! ปกติเจ้าเป็นคนสุขุมละเอียดรอบคอบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณหนูใหญ่โดนความหนาวมิได้ เหตุใด…”

“หมัวมัว!” ไม่รอให้ถงหมัวมัวกล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนบีบมือถงหมัวมัวอย่างอ่อนโยน ก้าวขึ้นไปบนระเบียงทางเดิน “ข้ามิได้สั่งให้ชุนเถาเตรียมเตาอุ่นมือเอง ข้าจะทำตัวเป็นคนป่วยอ่อนแอเพียงเพราะกลัวความหนาวได้อย่างไรกัน เมื่อก่อนฝึกฝนร่างกายทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน ข้ายังผ่านมันมาได้เลย บัดนี้ข้าสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกอยู่ แค่มิได้พกเตาอุ่นมือเท่านั้น ข้าทนไหว ถงหมัวมัวกังวลมากเกินไปแล้ว”