ตอนที่ 140 บทที่ 7 ตอนที่ 24

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่7 ตอนที่ 24

ไอริสและคนอื่นๆต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นลิซ่าผมสีเพลิงที่ยืนอยู่โดยไร้ซึ่งบาดแผล

 

 

 

「เอ่อ…ไม่เป็นไรนะ?」

 

 

 

「อืม ขอบคุณที่ช่วยไว้นะ……」

 

 

 

ไอริสอดไม่ได้ที่จะตอบกลับสั้นๆ เพื่อขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ

 

บรรยากาศอันอ่อนไหวไหลเวียนระหว่างทั้งสอง เท่าที่ลิซ่ากังวล ผู้หญิงผมดำคนนี้ก็เป็นคนที่เจ้าปัญหาพอๆกับตัวเธอและเป็นคนที่ใกล้ชิดกับโนโซมุที่สุดในตอนนี้

 

แม้ว่าไอริสจะเลิกหึงหวงแล้วก็ตาม แต่เธอยังคงรู้สึกว่าเป็นหนี้ลิซ่าที่ไปทำร้ายเธอตอนช่วงที่เธอช็อค

 

ทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากัน ก็เลยคุยกันไม่ถูก

 

ตอนนี้ไม่มีเวลาให้กังวลเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว

 

 

 

「「ก๊าซซซซซซซซ!」」

 

 

 

พร้อมกับเสียงคำรามของโนโซมุ พลังงานได้ถูกปลดปล่อยออกมา

 

เนื่องจากถูกขัดขวางทำให้โนโซมุยังคงจ้องมองไปยังซีน่าที่ถือมิคาเอลเอาไว้

 

 

 

「แย่แล้ว!」

 

 

 

ไอริสและคนอื่นๆเสียสมาธิเพราะลิซ่าที่เข้ามา โนโซมุเองก็รีบมุ่งหน้าไปหาซีน่า

 

มาร์ มิมูรุและฟีโอก้าวไปข้างหน้าทันที

 

ต่อมาก็มีลูกศรแสงจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับปิดกั้นหนทางของโนโซมุ

 

ฟู่มมมมมมมมมมมม ! ลูกศรแห่งแสงหมุนวนขึ้นไปจนเกิดพายุขึ้นขณะส่งเสียงคำรามอันแสบแก้วหู

 

ภายในไม่กี่วินาที กระสุนแสงจำนวนหลายร้อยหลายพันนัดก็ตกลงมาอย่างไม่เลือกฝ่ายทั้งโนโซมุและไอริส

 

 

 

「ว๊ายยยย!」

 

 

 

「ฮี้!」

 

 

 

มาร์และทั้งสามกระโดดไปข้างหน้าทันทีและถูกคลื่นกระแทกที่โหมกระหน่ำซัดกระเด็นไป

 

พวกเขาลอยขึ้นไปในอากาศและลงกับพื้นไปแทบเท้าของไอริส

 

 

 

「โอ้ย พ่อคุณแม่คุณจะประมาทเกินไปแล้วรึเปล่าเนี่ย……」

 

 

 

ซอนเน่ที่กำลังรักษาลิซ่าอยู่ก็ปรากฏตัวจากหลังพุ่มไม้

 

ข้างหลังยังมีทอมและโซเมียอยู่ด้วย

 

 

 

「อย่ามาพูดอะไรบ้าๆนะ ! ตาแก่นี่คิดจะฆ่าพวกเรารึไง!」

 

 

 

「บัดซบเอ้ย ! หางอันแสนสวยงามของฉันถูกเผา ! นี่มันทำร้ายทรัพย์สินส่วนตัวกันชัดๆเลยตาแก่~!」

 

 

 

「เฮ้อ….มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้นเลยนะ~」

 

 

 

มาร์และมิมูรุซึ่งปลิวมาตามสายลมบ่นกับซอนเน่

 

 

 

「ทุกคนปลอดภัยดีไหม?」

 

 

 

「พี่คะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? หนูจะช่วยรักษาแผลให้พี่เองนะ!」

 

 

 

「โซเมีย……」

 

 

 

โซเมียวิ่งเหยาะๆไปหาพี่สาวของเธอ แม้จะดูงุ่มง่ามแต่ก็ร่ายเวทย์ฟื้นฟูไว้แล้ว

 

หลังจากที่ไอริสและมาร์ถูก “ปืนใหญ่”ของโนโซมุก็ได้รับบาดแผลไปทั่วร่างกายจนได้แผลไปทั่วตัว

 

แสงจางๆส่องออกมาจากฝ่ามือของโซเมีย ห่อหุ้มร่างกายของทั้งสองและรักษาบาดแผล

 

อาจเป็นเพราะได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักด้วยแรงผลักดันจากโนโซมุ โซเมียนั้นได้พัฒนาความสามารถทางเวทย์ของเธอ

 

 

 

「ฟีโอเอ้ย เร็วๆหน่อยสิ ! พวกเราต้องร่ายเวทย์เสริมพลังให้กับไอริสนะ!」

 

 

 

「ฮึบ ! ว๊ากกกกกก….ปากข้าน้อยเหนียวไปหมดแล้ว….รสชาติแย่พอๆกับอาหารของมิมูรุเลย……」

 

 

 

「โม่ว หยาบคายจังเลยนะ ! ทอมน่ะชอบอาหารของฉันนะ! โดยทั่วไปแล้ว นายนั่นแหละที่กินแต่ก้อนหินเข้าไปในท้อง ดังนั้นกระเพาะเหล็กน่าดูเลยสินะ?」

 

 

 

「นังบ้านี่นะ……」

 

 

 

「ฟีโอ หยุดพล่ามได้แล้วน่า จะบ่นอะไรเอาไว้ที่หลัง มิมูรุ ถ้ายังพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง เดี๋ยวจับทำโทษซะเลยนี่」

 

 

 

「เอ๊ะ ลงโทษ!? ทอมจะทำอะไรกับเค้างั้นเหรอ……。บางทีจะทำเรื่องแบบนั้น งุ้ย หรือทำเรื่องอย่างว่า อุ้ย อิย๊าาาาาาาาาาาา!」

 

 

 

มิมูรุจินตนาการบ้าอะไรเนี่ยถึงได้นึกอะไรไปไกลขนาดนั้น? การที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บมันคงสะเทือนไปถึงสมองด้วยใช่ไหมเนี่ย

 

ฟีโอขมวดคิ้วจู่ๆก็เบือนหน้าหนีราวกับไม่พอใจ

 

 

 

「อาาา คนที่จะโทษเธอน่ะไม่ใช่เขาหรอกแต่น่าจะเป็นฟีโอมากกว่ามั้ง?」

 

 

 

「เอ๊ะ? อึ๋ย?」

 

 

 

「อ่าาาา! แกกก! หมายความว่าไงคิดจะพรากทอมไปจากฉันงั้นเหรอ!」

 

 

 

จู่ๆมิมูรุที่เขินอายก็แสดงความโกรธเกรี๊ยวให้ได้เห็น บีบคอฟีโอและยกร่างของเขาขึ้น

 

ตัวเธอยืนขึ้นตรง หางที่บอกว่าไหม้ก่อนหน้านี้กลับตั้งชูชัน

 

 

 

「หึ่ย ข้าน้อยทำอะไรผิดไปงั้นรึ?」

 

 

 

「ฟ่อวววววววววーーー! เงี๊ยว! เมี๊ยววววーーー!」

 

 

 

「เฮ้อพูดภาษาคนเหอะแม่คุณ……」

 

 

 

ดูเหมือนว่าหัวของเธอจะไร้ซึ่งสติไปแล้ว ไม่มีภาษามนุษย์หลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

 

ตะโกนอะไรสักอย่างที่เป็นภาษาแมว เผยเขี้ยวเล็บอันแหลมขมและฟันไปที่ฟีโอ

 

 

 

「นี่มันเหมือนกับตอนที่เธอเรื้อนเพราะเมาที่ร้านของมาร์……」

 

 

 

「ขออภัยอย่างยิ่ง ได้โปรดช่วยข้าน้อยด้วย ยัยแมวผู้บ้าคลั่งนี่จะฆ่าข้าน้อยแล้วววววววววววววว」

 

 

 

ชายหนุ่มจากเผ่าจิ้งจอกยกธงขาวอย่างเชื่อฟังขณะที่ทอมเริ่มบ่นเกี่ยวกับการกระทำอันไร้สาระของฟีโอ

 

 

 

「จะเลิกเล่นตัวได้รึยังฟีโอ อยากจะให้ช่วยควบคุมพลังเวทย์ของทิม่าโดยเร็วเพื่อเสริมพลังให้กับไอริส มิมูรุ เงียบปากหน่อยเหอะ」

 

 

 

「เหมียวเหมียว?」

 

 

 

เมื่อทอมลูบไล้คอของมิมูรุ มิมูรุก็โยนฟีโอออกไป และเริ่มถูร่างของเธอเข้ากับมือของทอม

 

 ฟีโอที่ถูกโยนออกมาก็ได้แต่ตะโกน「นังบ้านี่!」แต่มิมูรุไม่สนใจและยังคงอ้อนคนรักของเธอ

 

เหมือนกับแมวที่กำลังดมกัญชาแมวอยู่

 

ขณะเดียวกันซอนเน่ก็เดินผ่านไอริสอย่างช้าๆและจ้องมองไปที่พื้นที่ด้านหน้า

 

พายุค่อยๆจางลงและเผยให้เห็นโนโซมุ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

 

 

「ตาแก่……」

 

 

 

「ลองถามเด็กคนนั้นที่ลูบแมวเกี่ยวกับรายละเอียดหลังจากนี้ ตอนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง แม้ว่าข้าจะใช้พลังได้ไม่มากนัก แต่กับแค่คุมเด็กที่ไม่ได้สติข้าพอจะทำได้อยู่」

 

 

 

ซอนเน่และโนโซมุก้าวมาข้างหน้าและเผชิญหน้ากัน

 

โนโซมุยังคงจ้องมองไปยังมิคาเอล แต่ตอนนี้หันมาทางซอนเน่

 

 

 

「「ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!」」(TN:บอกตรงนะไม่ถนัดเรื่องเสียงคำรามเลยจริงๆ)

 

 

 

โนโซมุและเทียแมตส่งเสียงกรีดร้องแห่งความแค้นพุ่งตรงมาที่ซอนเน่

 

หลังจากที่พวกมิคาเอลปรากฏตัวต่อหน้าโนโซมุและเทียแมต ตอนนี้จุดเปลี่ยนความสนใจได้กลายเป็นที่ชัดเจน ข้อเท็จจริงนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตาแก่นี่ก็มีส่วนเกี่ยงข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้

 

 

 

「「โซเรียอา(ソールアーラ)ーーーーーーーー!」」

 

 

 

「แหมๆยังจะจำชื่อนั้นได้อีก ใช่แล้วข้าเองก็เป็นหนึ่งในศัตรูของเจ้าไงล่ะ ด้วยความโกรธแค้นหน้า จงหันดาบเข้าหาข้า」

 

 

 

พลังจำนวนมหาศาลถูกปลดปล่อยออกจากร่างของซอนเน่ ก่อตัวในรูปแบบ*มันดะละ(曼荼羅)วนรอบตัว ในเวลาเดียวกัน โนโซมุเองก็เปิดใช้งานก้าวพริบตาพร้อมกับเสียงคำรามและพยายามปิดช่องว่างด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว

 

(TN:*มันดะละ เป็นของฮินดู ซึ่งหมายถึงจักรวาลในภาษาฮินดู)

 

ลูกศรแห่งแสงก่อตัวขึ้นในอากาศ ซึ่งมากกว่าของอาเซลไปไกลโพ้น ถูกยิงตรงใส่โนโซมุ

 

และไม่ใช่เพียงครั้งเดียว มันก่อตัวขึ้นใหม่ในพริบตาและถูกยิงไปอีกสองสามครั้ง

 

ลูกศรแสงที่เข้าปกคลุมการมองเห็นถล่มการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน เหมือนกับสึนามิที่ถล่มลงมา

 

 

 

「「!?」」

 

 

 

โนโซมุกระโดดอย่างสุดกำลังและหลบการโจมตีครั้งแรกได้ แต่ชุดที่สองก็เข้ามาในพริบตาทันที

 

บางทีเมื่อรู้ว่าไม่มีที่จะให้หลบโนโซมุจึงตวัดดาบปัดป้องและสร้างคิบีบอัดที่คมดาบแต่ละครั้งเพื่อสะท้อนการโจมตีออกไป ขาของเขายึดติดกับพื้นจนแทบจะจมไปทั้งเท้า จากนั้นก็กระโดดออกมาในจังหวะที่ลูกศรเข้าปะทะกัน รีบออกจากระยะโจมตีอย่างรวดเร็ว

 

นอกจากนี้ยังรวมพลังไว้ที่มือซ้ายและกระแทกเข้ากับพื้นทันทีที่ลงจอด

 

 

 

「ฮึบ!」

 

 

 

 คิ“ระเบิดทำลายล้าง”

 

 

 

เทคนิคที่พยายามใช้ถล่มพวกไอริสและผองเพื่อนได้โจมตีใส่ซอนเน่จากใต้ฝ่าเท้า

 

อย่างไรก็ตาม ซอนเน่โบกมืออย่างรวดเร็วและสร้างบาเรียขึ้นมาทันใด

 

บาเรียเวทย์เข้าปะทะกับพลังคิอันล้นหลาม พลังงานที่เข้าปะทะกันทำให้คิแตกออกเป็นสองส่วนแยกพื้นดินตรงหน้าเขา

 

ในที่สุดบาเรียก็พังทลายลง และในเวลาเดียวกันพลังคิก็หายไป

 

พื้นดินรอบๆถูกขุดออกไปลึกราวสิบเมตร กลายเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดย่อม

 

ดินและทรายต่างตลบอบอวลไปทั่วทั้งพื้นที่ และซ่อนพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง

 

โนโซมุสามารถสร้างปล่องภูเขาไฟได้ด้วยการใช้พลังคิเพียวๆ หรือเป็นตาแก่ที่สามารถป้องกันพลังคิได้อย่างสมบูรณ์

 

ไม่มีทางที่โนโซมุจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ

 

 

 

「หึ!」

 

 

 

เมื่อฝุ่นจางลงโนโซมุปรากฏตัวจากด้านขวาของซอนเน่

 

คู่ต่อสู้นั้นเก่งกาจกว่าอาเซล หากคุมสถานการณ์ไม่ดีจะเป็นฝ่ายแย่เสียเอง แม้ว่าจะรีบร้อนเกินไปก็ทำได้แค่รักษาระยะ มันเป็นการทำเพื่อหวังผลไว้อยู่แล้ว

 

แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เลยนอกจากซอนเน่

 

 

 

「แม้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าภูติ ข้าก็สามารถมองการกระทำนั้นได้น่า」

 

 

 

เมื่อซอนเน่โบกสะบัดแขนขวาของเขา วงเวทย์จำนวนมากก่อตัวขึ้นและโนโซมุก็โดนโซ่แห่งแสงพุ่งเข้าจากทุกทิศทาง

 

โซ่นี้เป็นเพียงแค่เวทย์พันธนาการ ต่างจากบาเรียผนึกมังกรตรงที่ไม่มีผลใดๆโดยตรงต่อเทียแมต

 

ถึงกระนั้นการหยุดเคลื่อนไหวของโนโซมุก็ถือเป็นการชี้ชะตาของเขา โดยเฉพาะกับศัตรูที่สามารถโจมตีวงกว้างได้แบบซอนเน่

 

โนโซมุพยายามหลบโซ่แห่งแสงจากทุกทิศทาง ด้วย “ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ-”และก้าวไปข้างหน้าเพื่อเข้าหาซอนเน่

 

อย่างไรก็ตาม โซ่แห่งแสงนั้นเลื้อยตามมาเหมือนกับงูและค่อยๆเข้าใกล้โนโซมุจากด้านหลัง

 

นอกจากนี้ยังมีแรงระเบิดจำนวนมากต่อหน้าโนโซมุและมีหอกแห่งแสงหลายอันพุ่งออกมา

 

แม้ว่าจะคล้ายกับอาเซลที่ใช้ได้หลายรูปแบบ แต่ซอนเน่สามารถใช้เวทย์หลายประเภทในเวลาเดียวกันได้ นอกจากนี้จำนวนยังต่างกันลิบลับ

 

เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าอาเซล

 

หอกที่ยื่นออกมาจากพื้นดินขัดขวางเส้นทางของโนโซมุ

 

เส้นทางหลบหนีของโนโซมุถูกขัดขวางด้วยอุปสรรคมากมายทั้งหอกแสงจากด้านหน้าและพื้นดิน โซ่แห่งแสงที่ตามมาจากด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมีศรแห่งแสงตกลงมาจากฟากฟ้าที่พร้อมจะเป่าร่างของโนโซมุให้เป็นจุล

 

ลำแสงเข้ามาใกล้และขุดพื้นดินและต้นไม้พัดปลิวไปหลายเมตร

 

มันเป็นการโจมตีที่ไม่สามารถป้องกันได้ ไม่มีทางหนี และเป็นไปไม่ได้ที่ศัตรูจะใช้บาเรียได้ ใช่ เว้นแต่คู่ต่อสู้คือโนโซมุ

 

 

 

「「ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกห์!」」

 

 

 

ธาตุทั้งห้าปะทุออกมาจากร่างกายของโนโซมุ มันหมุนวนและไหลเวียนเข้าสู่ดาบของโนโซมุและย้อมคมดาบของโนโซมุด้วยสีสันอันหลากหลาย

 

นอกจากนี้โนโซมุยังอัดคิเข้าไปที่ดาบที่มีแสงทั้งห้ารวมกันอยู่และฟันมันออกไปด้านความเร็วแสง

 

ลำแสงเปล่งประกายห้าสี ลำแสงถูกตัดออกเป็นสองท่อนทำให้โซ่ที่เข้ามาจากด้านหลังนั้นหายไป

 

สิ่งที่เห็นจากอีกฝากของลำแสงที่ไหลไปด้านหลังโนโซมุคือร่างของชายชรายืนขมวดคิ้ว นอกจากนี้โนโซมุยังโดดเข้าไปในช่องว่างระหว่างลำแสง

 

หอกแสงที่ปิดกั้นทางด้านหน้าของโนโซมุและโซ่แห่งแสงที่เข้ามาใกล้ถูกลำแสงของซอนเน่สลัดจนหลุด

 

ในชั่วพริบตาโนโซมุปิดช่องว่างและฟันดาบลงเล็งไปที่หัวของซอนเน่

 

 

 

「ฮึบ!」

 

 

 

เมื่อซอนเน่ยกมือขึ้น ธาตุต้นกำเนิดที่ไหลออกมาจากร่างกายของเขาก่อตัวเป็นไม้เท้าแห่งแสง

 

โนโซมุเอาดาบของเขาเข้าปะทะไม้เท้าแห่งแสงของซอนเน่

 

ทันใดนั้นคลื่นกระแทกก็ถูกปลดปล่อยจากทุกทิศทาง

 

 

 

「「!?」」

 

 

 

「ฮึ่มมมมมมมมมมมมมม」

 

 

 

ซอนเน่รับการโจมตีอันแสนร้ายกาจของโนโซมุไว้ได้

 

ดวงตาของโนโซมุเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และทำสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

 

ซอนเน่ลดสะโพกลงแล้วหมุนไม้เท้าของเบาโยนร่างของโนโซมุขึ้นไปในอากาศขณะที่พลังยังคงไหลเวียนอยู่ด้านหลังเขา

 

นอกจากนี้ซอนเน่ชี้ปลายไม้เท้าไปที่โนโซมุซึ่งถูกซัดลอยขึ้นไปในอากาศ

 

โนโซมุบิดร่างกายของเขาและฟาดดาบกลับไปที่พื้นดิน กระสุนเวทย์เข้าปะทะคมดาบอีกครั้ง

 

ดาบของโนโซมุตัดผ่านกระสุนเวทย์ของซอนเน่และกระจายออก

 

 

 

「ฮึ่ม แบบนี้ก็ยังเอาไม่อยู่รึ」

 

 

 

หลังจากลงจอดแล้ว โนโซมุก็ยืนอยู่นิ่งๆ แต่ยังคงตื่นตัวและจ้องมองซอนเน่

 

ในขณะเดียวกันซอนเน่ก็ควงไม้เท้าอันเล็กๆด้วยท่าทางภาคภูมิใจ

 

 

 

「ตกใจล่ะสิ? ถึงกระนั้นข้าก็มีชีวิตอยู่มานับหมื่นปี ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อยที่ข้าเองก็เรียนรู้ทักษะต่างๆมาจากมนุษย์เหมือนกับที่เจ้าทำนั่นแหละ?」

 

 

 

เทคนิคดังกล่าวไม่ได้มาจากวิญญาณสูงส่งหรือสัต์วเดรัจฉาน แต่มันเป็นของมนุษย์

 

และมันดีที่สุด ในการต่อกรกับเทคนิคมนุษย์ด้วยกันเอง

 

หากถามว่าตัวเขามีชีวิตอยู่มาหมื่นปีซึ่งเฝ้าดูทวีปนี้ตั้งแต่สมัยโบราณ เรียกได้ว่าคงไม่แปลกที่เขาจะมีทักษะเหล่านี้ติดตัว

 

 

 

「「กัซซซซซซซซซซซซซซซ……」」

 

 

 

「เอาล่ะ พ่อหนุ่มจะลุยต่อไหม?」

 

 

 

ซอนเน่ถือไม้เท้าโดยคว่ำปลายลง ดูเหมือนศึกระยะประชิดจะดำเนินต่อไป

 

ระยะห่างระหว่างทั้งสองน้อยกว่าสิบเมตร โนโซมุสามารถย่นระยะภายในชั่วพริบตาก่อนที่ซอนเน่จะได้ร่ายเวทย์

 

แม้ว่าซอนเน่จะยิ้มให้กับโนโซมุ แต่เขาก็ระงับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจากตัวเขาไม่ได้เช่นกัน

 

 

 

“บาเรียผนึกมังกรกินชีพจรของโลกนี้มากเกินไปจนไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว ในสถานการณ์นี้ การกลับสู่ร่างเดิมเพื่อเผชิญหน้ากับเด็กคนนี้มีแต่จะทำให้แย่ลงเท่านั้น…ในตอนแรกคงจะไม่มีเวลาให้ข้าได้กลับสู่ร่างดั้งเดิมแน่นอน และข้าก็ไม่มีพลังมากพอที่จะฟื้นกลับร่างเดิมด้วย……”

 

 

 

ตอนนี้ซอนเน่มีปัจจัยที่เป็นข้อเสียเปรียบมากมาย ซึ่งทำให้ยากที่จะเข้าสู่ร่างดั้งเดิม

 

หนึ่ง คือไม่สามารถใช้บาเรียผนึกมังกรได้อีกแล้ว

 

เมื่ออาเซลเริ่มเคลื่อนไหว เทคนิคก่อนหน้านี้ของซอนเน่ถูกทำลายลง บาเรียผนึกมังกรยังกินชีพจรของโลกนี้มากเกินไป ทำให้ยากต่อการร่ายอีกครั้ง นี่เป็นข้อเสียประการหนึ่งของบาเรียผนึกมังกร ซึ่งโดนปัจจัยภายนอกรบกวนได้หลายรูปแบบ

 

ในตอนแรก ไม่มีทางที่บาเรียผนึกเทียแมตจะมีข้อบกพร่องใดๆ

 

อย่างที่สองตอนนี้เขาไม่สามารถแปลกร่างเป็ฯมังกรได้ นี่เป็นเพราะเขาได้สละส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณเพื่อปิดผนึกอาเซลซึ่งใช้พลังไปอย่างมาก

 

แม้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรจะมีพลังอันยิ่งใหญ่ แต่ความเป็นอยู่ของพวกเขานั้นผูกติดกับจิตวิญญาณ ร่างกายของมนุษย์นั้นมีขีดจำกัดในการใช้พลัง

 

และแม้กระทั่งการสร้างร่างกายใหม่เพื่อคืนร่างดั้งเดิม ยังต้องการพลังงานมากมายมากว่าเผ่าอื่นๆ ทำให้ต้องขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด

 

แม้ว่าจะกลับคืนสู่ร่างมังกรได้ แต่โนโซมุคนปัจจุบันที่ได้เห็นการคืนร่างของอาเซลคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นเป็นหนที่สอง

 

 

 

「ไม่มีปัญหากับขีดจำกัดสูงสุดที่ใช้ได้ภายในร่างนี้ แต่มันยากที่จะยับยั้งเจ้าเด็กเวรคนนี้……」

 

 

 

ข่าวดีก็คือว่าโนโซมุค่อนข้างล้าจากศึกหนักถึงสองรอบ

 

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะต่อสู้ได้เพราะยืมพลังของเทียแมต แต่ร่างกายพังไม่เป็นท่าแล้ว และมันเริ่มแสดงออกผ่านการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้า

 

ในความเป็นจริงความเร็วของเขาในตอนนี้เทียบไม่ได้กับตอนที่สู้กับมังกรแห่งความตาย

 

แต่ความจริงที่ว่าร่างกายของโนโซมุใกล้ถึงขีดจำกัดทำให้การต่อสู้นั้นง่ายขึ้น แต่ก็หมายความว่าเทียแมตเองก็ใกล้คืนชีพเสร็จสมบูรณ์

 

แม้ว่าจะเผชิญหน้ากันต่อไป โนโซมุก็ยังเสียเลือดออกจากร่างกายไปเรื่อยๆ ราวกับแสดงความจริงให้ได้เห็น

 

 

 

「ถึงกระนั้น หากเป็นเมื่อก่อน ร่างกายของเจ้าเด็กนี่คงพังทลายไปแล้ว ยังไงก็ตามตอนนี้เขาปรับตัวเข้ากับพลังของเทียแมตได้แล้ว และนั่นมันก็ช่างเป็นความเร็วที่น่าอัศจรรย์จริงๆ……」

 

 

 

「「ก๊ากกกกกกกกกกกกกก」」

 

 

 

「หึ! ตอนนี้มันยากมากที่จะดึงสติเขากลับมาเพราะความโกรธที่ถูกครอบงำงั้นรึ!」

 

 

 

โนโซมุเก็บดาบเข้าฝักแล้วพุ่งเข้าหาซอนเน่พร้อมกับเสียงคำราม

 

ระยะทางสิบเมตรเขาเข้ามาเพียงครึ่งวินาที และจับซอนเน่จนอยู่ในระยะโจมตีของเขา

 

เขาชักดาบออกจากฝักและฟันออกมา

 

“แฟนท่อม(คมดาบผ่ามายา)” ถูกปลดปล่อยออกมาปะทะกับแสงของไม้เท้าซอนเน่ที่ทำมาจากธาตุต้นกำเนิดถูกเฉือนออกไปเล็กน้อย และแสงเรืองรองสีขาวก็กระจัดกระจายไป TN:(ขี้เกียจแปลเป็นไทยมันยาว)

 

นอกจากนี้ โนโซมุยังยิงตอบโต้อย่างรวดเร็ว

 

ยังคงมี “แฟนท่อม -หวนคืน-”ถูกปล่อยมาจากทิศทางตรงกันข้ามเป้าหมายคือไม้เท้าของซอนเน่ มันถูกปล่อยออกมาอย่างแม่นยำไปยังตำแหน่งที่โจมตีใส่ก่อนหน้านี้ทุกประการ

 

แสงวูบวาบลอยออกมาจากไม้เท้าของซอนเน่ และในขณะเดียวกันก็ส่งเสียงดังสะท้าน

 

 

 

「อั่ก!?ท้ายที่สุดแล้วพลังของเขากับพลังของข้า มันวัดกันไม่ได้!」

 

 

 

แม้ว่าซอนเน่กับเทียแมตจะได้รับพลังวิญญาณมาจากแหล่งเดียวกัน แต่ทิศทางแห่งพลังกับตรงกันข้าม

 

เนื่องจากเทียแมตที่ได้พลังแห่งความโกลาหล แก่นแท้ของเทียแมตคือ “พลังแห่งการทำลายล้าง”

 

ในทางกลับกันพลังของซอนเน่คือพลังแห่ง “แสง” ที่เกิดจากการจัดระเบียบ ธรรมชาติแก่โลกใบนี้

 

ขณะที่พลังทั้งสองต้องปะทะกัน พลังของซอนเน่ก็ครอบคลุมพลังของเทียแมต และพลังของเทียแมตก็พยายามกลืนกินซอนเน่

 

หากเป็นมังกรเผ่าอื่น พลังของเทียแมตอาจจะโดนลบล้างได้ หากคิดเช่นนั้นก็จงคิดได้ว่าพลังของข้าเป็นพลังที่ “เข้ากันไม่ได้” กับพลังของเทียแมต

 

ซอนเน่รวบรวมพลังต้นกำเนิดอย่างรวดเร็วและซ่อมไม้เท้าที่เสียหาย

 

โนโซมุไม่พลาดโอกาสนี้

 

เขารีบเข้าโจมตีและปล่อยการโจมตีหลากหลายเพื่อพยายามสกัดกั้นการหลอมรวมใหม่อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ ยังเล็งไปที่ตำแหน่งเดิมของไม้เท้าที่แตกหัก เห็นได้ชัดว่าซอนเน่เริ่มที่จะลนลาน

 

นอกจากนี้หากจิตสำนึกของซอนเน่มุ่งเน้นไปที่ไม้เท้ามากเกินไปก็จะโดนเล็งไปที่คอแทน

 

 

 

「หนอยยยยยย!?」

 

 

 

ซอนเน่กระโดดถอยหลังและหลบดาบของโนโซมุที่พยายามตัดขาของเขา

 

ในครั้งนี้ เขาพยายามแยกซอนเน่ออกจากไม้เท้าด้วยการฟันจากด้านบน แน่นอนว่าเป้าหมายคือการทำลายไม้เท้าพร้อมกับฟันซอนเน่ให้ขาดเป็นสองท่อน

 

 

 

「หุหุ แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี๊ยว แต่ก็ “สุดยอด” เกินไปในฐานะคู่ต่อสู้!」

 

 

 

ซอนเน่ยิงกระสุนเวทย์ออกไปข้างหน้าโนโซมุ ทำให้เขาเสียสมาธิจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและฟันไม้เท้าแห่งแสง

 

แม้จะโดนกดดันจากความสามารถของโนโซมุ แต่ซอนเน่ก็ยืนหยัดต่อสู้ได้สมศักดิ์ศรี ซึ่งมากเกินพอสำหรับเขาที่จะ “เอาชนะ” ได้่

 

เพื่อตอบสนองต่อแสงที่โบกสะบัด โนโซมุจึงจับดาบในมืออีกครั้ง เสียงของดาบและไม้เท้าดังก้องไปทั่วป่าครั้งแล้วครั้งเล่า

 

—————————————————————————————–

「อัศจรรย์……」

 

 

 

มาร์และคนอื่นๆต่างดูการต่อสู้ระหว่างโนโซมุและซอนเน่ด้วยสีหน้าตกตะลึง

 

พวกเขาได้เห็นความสามารถของซอนเน่ในระหว่างเหตุการณ์ที่สู้กับเคน แต่เมื่อเผชิญหน้ากันตรงๆแบบนี้พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออก

 

ทอมก้าวไปข้างหน้าต่อมาร์และคนอื่นๆ

 

 

 

「ทุกคนฟังนะ หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พวกเราอาจจะเรียกสติโนโซมุคุงกลับมาได้」

 

 

 

「ถามจริง?」

 

 

 

「ใช่ ต้องบอกว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกมองว่าไม่สมเหตุสมผลหรืออาจจะไม่ใช่ยุทธวิธีที่ดีเพียงแค่เรายิงเวทย์ที่ทรงพลังใส่หน้าอกด้านซ้ายของเขาเพื่อทำให้หัวใจหยุดเต้น……」

 

 

 

「หะ!?」

 

 

 

ข้อเสนอของทอมนั้นง่ายมากและเนื้อหาก็ฟังดูไร้สาระ มาร์อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง

 

แท้จริงแล้วถ้าหยุดการเต้นของหัวใจและระบบเลือดหยุดไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกาย หมดสติระยะเวลาหนึ่ง แต่หากปล่อยนานเกินไปทั้งสองก็จะตาย

 

เป็นที่เข้าใจได้ว่าหากพิจารณาถึงผลกระทบต่อการช่วยชีวิต ดังนั้นจึงต้องใช้พลังเวทย์บริสุทธิ์ที่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อร่างกายของเขา

 

อย่างไรก็ตาม หากพลาดแม้แต่นิดเดียวก็เป็นการฆ่าโนโซมุไปโดยปริยาย

 

ไอริสและคนอื่นๆทำสีหน้าราวกับทรมานใจ

 

 

 

「ตามที่ชายชราคนนั้นได้ว่าไว้ เพื่อที่จะทำลายการหลอมรวมระหว่างโนโซมุและเทียแมต จำเป็นต้องทำให้เขาอยู่ในสภาวะช็อค」

 

 

 

「นั่นหมายความว่าจะไม่กลับมาจนกว่าจะไปถึงขั้นนั้นเลยงั้นเหรอ……」

 

 

 

「ใช่ แม้จะมีพันธสัญญากับซีน่าเข้าช่วย แต่หากไม่ทำถึงขั้นนั้นก็จะเรียกสติเขากลับมาไม่ได้ พวกเราจึงต้องบังคับให้พวกเขาแยกการหลอมรวมวิญญาณด้วยการทำให้เกิดอาการช็อคแก่ร่างกาย รู้ดีว่ามันเสี่ยงมากแต่……」

 

 

 

ไอริสจับมือของเธอขณะที่ตระหนักถึงความจริง

 

แม้จะเสี่ยงอันตรายจากการเดินผ่านน้ำแข็งบางๆ แต่โนโซมุก็รักษาสติไว้ได้ตลอด ตระหนักได้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นมหาศาลหากเขาถูกปัจจัยภายนอกรบกวน

 

ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นโนโซมุยังคงกวัดแกว่งดาบไม่หยุดแม้ร่างกายจะถึงขีดจำกัด

 

 

 

「……เอาล่ะ มาลุยกันเถอะค่ะ」

 

 

 

「เอาจริงงั้นเหรอ!?」

 

 

 

「นั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้ นอกจากนี้เวลาของเขากำลังจะหมดลงแล้ว」

 

 

 

คำพูดของทิม่าหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ และก็จับไม้เท้าบางๆไว้

 

สิ่งที่ไอริสพูดก็สมเหตุสมผล เวลาผ่านไปนานพอควรแล้ว ตั้งแต่โนโซมุปลดปล่อยพลัง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว

 

 

 

「แล้วจะอัดพลังเวทย์ใส่อกซ้ายของโนโซมุยังไงดีล่ะ?」

 

 

 

「มาร์และคนอื่นๆให้สนับสนุนแนวหน้าและกองหลังคอยซัพพอร์ต โดยพื้นฐานแล้ววิธีนี้จะเหมือนกับที่มาร์ทำก่อนหน้านี้」

 

 

 

ตอนนั้นลิซ่าที่ฟังอยู่เงียบๆก็พูดขึ้น

 

 

 

「ฉันจะลุยเอง ให้ฉันได้ช่วยเถอะ」

 

 

 

「ไม่เป็นไรใช่ไหม? อย่างเลวร้ายที่สุด ก็จะถูกโนโซมุฆ่านะ?」

 

 

 

「ฉันดูแลตัวเองได้ จริงๆแล้วฉันไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง แต่ฉันจะอยู่เฉยไม่ได้!」

 

 

 

ลิซ่าแสดงความรู้สึกของเธอขณะกำหมัดแน่นจนคิดว่ากระดูกในมืออาจจะหักได้

 

 

 

「ฉันถูกโนโซมุช่วยเอาไว้ ฉันได้รับความช่วยเหลือจากเขามาเสมอ ดังนั้นหากฉันหนีจากตรงนี้ ฉันจะไม่มีวันที่จะยืนหยัดต่อหน้าเขา ! ความรู้สึกของโนโซมุจะถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีอีกครั้ง ได้โปรด ให้ฉันทำมันด้วยเถอะขอร้องล่ะ……」

 

 

 

ลิซ่าก้มหัวขณะขอร้องทั้งน้ำตา

 

บางทีฉันอาจจะไม่สมควรอยู่ที่นี่เพราะฉันเป็นคนที่ทำร้ายเขามาตลอด

 

ถึงกระนั้นฉันก็ไม่อยากจะหนีไปจากที่นี่ ฉันอยากจะช่วยเขาเท่าที่เป็นไปได้

 

 

 

「ทอม……」

 

 

 

「รู้แล้วล่ะ เพราะชั้นเองก็คิดถึงตัวเธอเหมือนกัน ซีน่าพยายามทำให้คันธนูที่สายขาดกลับมาใช้ได้อีกครั้งที」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว」

 

 

 

「ฟีโอคุงขอให้ช่วยซ่อมแซมการควบคุมพลังเวทย์ทั้งหมด」

 

 

 

「ครับครับ เข้าใจแล้ว……」

 

 

 

ทอมและไอริสให้คำแนะนำอย่างรวดเร็ว และคนอื่นๆก็เริ่มการเคลื่อนไหว

 

ซีน่าตัดผมของเธอด้วยมีดเพื่อทดแทนเชือกที่ขาดไป มัดมันและเกี่ยวห่วงเชือกไว้ที่ด้านบนของคันชัก

 

ตรงกันข้ามกับรูปร่างหน้าตา ผมแข็งแรงและเป็นสื่อพลังเวทย์ที่ดี

 

นอกจากนี้แม้จะไม่มีนัยสำคัญเท่าหินเวทย์ แต่มันก็มีคุณสมบัติในการกักเก็บพลังเวทย์ของคนที่ขาดแคลน นั่นจึงเป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงมักจะไว้ผมยาวเพื่อกักเก็บพลังเวทย์ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

 

ในทางกลับกัน ทิม่าและคนอื่นๆที่มีพลังเวทย์เหลือล้นก็ไหวผมยาวประมาณไหล่เท่านั้น

 

ฟีโอหยิบยันต์ออกมาสี่ใบและสลักคาถาไว้บนนั้น

 

ขณะที่ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหว ลิซ่าและไอริสก็มองหน้ากัน

 

ไอริสอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เพราลึกเข้าไปในดวงตาที่สั่นเทาของลิซ่า ฉันเห็นแสงที่เปล่งประกายราวกับทับทิม

 

ความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าแม้จะมีความเสียใจรออยู่ คำสารภาพบาป และความสงสัยนั้น เพราะมีความคล้ายคลึงกับคนที่เธอรักสุดหัวใจอย่างน่าประหลาด

 

 

 

「ลิซ่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะขอให้ฟีโอและคนอื่นๆ ให้การสนับสนุนเธอเพราะเธอป้องกันตัวเองไม่ได้ในขณะที่ใช้พลังเวทย์ใช่ไหม」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากเลยนะ……」

 

 

 

「มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องขอบคุณเลย ฉันก็ปรารถนาให้เขากลับมาเหมือนกันนอกจากนี้……」

 

 

 

「นอกจากนี้……?」

 

 

 

「ไม่หรอก ไม่มีอะไร……」

 

 

 

ผมสีแดงของเธอปลิวไสวไปตามสายลมขณะที่เธอเอียงศีรษะ

 

จนเมื่อวันก่อนเธอเป็นเหมือนหอคอยบนผืนทรายที่พร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนี้เธอกลับมองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

 

มันเป็นความแข็งแกร่งที่เธอซ่อนไว้ในตัวเธอเองหรือเป็นเพราะอิทธิพลของเขาคนนั้น

 

น่าอิจฉาเหลือเกิน ไอริสกลืนคำพูดนั้นลงไปในลำคอ

 

ฉันตัดสินใจสลัดมันทิ้งไปชั่วคราว แทนที่จะมามัวรู้สึกอิจฉาสู้เอาเวลาไปคิดหาวิธีทำให้เขากลับมาได้ดีกว่า

 

ค่อยๆวางมือซ้ายลงบนอก

 

สิ่งที่ฉันจำได้คือคำพูดที่ฉันบอกโนโซมุในป่านั่น

 

 

 

“ฉันอยากจะอยู่เคียงข้างนาย และอยากให้นายอยู่เคียงข้างฉัน”

 

 

 

นั่นเป็นคำพูดที่มาจากใจ ฉันยืนยันความรู้สึกของตัวเอง ว่าฉันนั้นได้หลงรักเขาอย่างจริงจัง

 

อย่าจมอยู่กับความคิดแย่ๆที่มันคั่งค้างในใจอีกเลย

 

 

 

「เอาล่ะ ! ไอริส การเตรียมการเสร็จสิ้น!」

 

 

 

「ไปกันเถอะค่ะ!」

 

 

 

「อืม!」

 

 

 

ผมสีดำเงางามที่ปกคลุมยามราตรีพร้อมกับผมสีแดงเพลิงที่จะแผดเผาทุกสิ่ง

 

ด้วยเสียงตะโกนของทอม ทั้งสองก็ยืนข้างกันและวิ่งเข้าหามรสุมที่โหมกระหน่ำ

 

 

พิมพ์ผิด พิมพ์ตกตรงไหน ขออภัยไว้ก่อน

ไปละ