ตอนที่ 140 จัดการ

ตอนที่ 140 จัดการ

เมื่อรู้สึกว่าร่างบางในอ้อมแขนเริ่มตัวแข็งทื่อ ฟู่ซวี่ตงก็เริ่มมีปฏิกิริยา เขาปล่อยตัวเสิ่นหรูฮวนทันที จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออกคลุมลงบนไหล่ของหล่อน “คุณใส่เสื้อผมไปก่อนเถอะ”

ได้ยินคำพูดนี้ เสิ่นหรูฮวนจึงก้มหน้ามอง ก่อนจะพบว่าเสื้อบนร่างตัวเองขาดไปนานแล้ว ถึงแม้จะไม่เผยให้เห็นส่วนสำคัญ แต่ก็เปิดเผยเนื้อหนังพอสมควร จึงรีบกระชับเสื้อคลุมทหารเข้ากับตัวทันที

ขณะที่เสิ่นหรูฮวนกำลังแต่งตัว ฟู่ซวี่ตงก็เดินตรงเข้าไปหาเจิ้งเต๋อข่าย เมื่อสักครู่เขาไม่ทันยั้งมือ จึงเผลอชกเข้าที่ปากของเจิ้งเต๋อข่ายจนบาดเจ็บอยู่กระทั่งตอนนี้ แต่หากย้อนกลับไปได้ เขาก็จะทำมันอยู่ดี

เสิ่นหรูฮวนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเดินเข้ามาเช่นกัน

หล่อนเห็นเจิ้งเต๋อข่ายกำลังสลบพร้อมทั้งเลือดกบปาก จึงหันไปเอ่ยถามฟู่ซวี่ตง “เขาคงไม่ตายหรอกใช่ไหมคะ?”

ถึงแม้หล่อนจะอยากให้เจิ้งเต๋อข่ายตาย ๆ ไปเสีย แต่ก็ทราบดีว่าฆ่าคนคงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนที่เดือดร้อนก็จะเป็นพวกเขาเอง

ฟู่ซวี่ตงได้ยินเช่นนี้ จึงเอ่ยขึ้นตามตรง “อย่าห่วงเลย มันไม่ตายหรอก”

เสิ่นหรูฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนที่ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความโกรธอีกครั้ง “เจิ้งเต๋อข่ายนี่สมควรตาย แต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉันมาหามู่หลาน เขาคงไม่ได้คอยสะกดรอยตามฉันมาตั้งแต่แรกหรอกใช่ไหม”

ฟู่ซวี่ตงคิดว่ามันค่อนข้างเป็นไปได้มาก

“บางทีมันอาจจะสะกดรอยตามคุณมาตลอดจริง ๆ ก็ได้ ถ้าผมรู้เร็วกว่านี้คงไม่ปล่อยมันแน่” เมื่อเอ่ยจนจบฟู่ซวี่ตงจึงก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วจับเจิ้งเต๋อข่ายขึ้นมามัดไว้ แต่ก็ไม่ลืมจะถามเสิ่นหรูฮวนเกี่ยวกับเรื่องนี้

“หรูฮวน คุณอยากจะจัดการกับเจิ้งเต๋อข่ายยังไง?”

เสิ่นหรูฮวนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ จึงเอ่ยพูดตามตรง “แน่นอนว่าต้องแจ้งตำรวจอยู่แล้ว ครั้งนี้ปล่อยเจิ้งเต๋อข่ายไปไม่ได้”

เมื่อได้ยินเสิ่นหรูฮวนเอ่ยเช่นนี้ ฟู่ซวี่ตงก็เอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าคุณแจ้งตำรวจ มันอาจจะกระทบกับชื่อเสียงของคุณนะ”

ถึงเสิ่นหรูฮวนจะไม่ได้เป็นอะไร แต่ผู้หญิงที่เจอเรื่องแบบนี้คงได้มีข่าวลืออันไม่พึงประสงค์แพร่ออกไปแน่นอน

หลังจากเสิ่นหรูฮวนได้ยินสิ่งนี้แล้วก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ได้สำคัญว่าคนอื่นจะมองฉันยังไง เจิ้งเต๋อข่ายทำแบบนี้เขาก็ควรจะโดนลงโทษไปตามนั้น”

ครั้ล่าสุดหล่อนโดนพวกค้ามนุษย์จับไป ถึงแม้จะไม่ได้ถูกข่มขืนก็ตาม แต่หลายคนก็ยังคิดว่าหล่อนโดนเช่นนั้น ดังนั้นครั้งนี้ก็คงมีคำพูดที่ไม่ถูกหูออกมาแน่นอน แต่ในเมื่อมันเคยเกิด หล่อนจึงไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว https://sg1-ts108.a2hosting.com:2083/cpsess9111897512/frontend/jupiter/index.html

ถึงแม้ว่าเสิ่นหรูฮวนจะคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญ แต่ฟู่ซวี่ตงกลับคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงหันมองเสิ่นหรูฮวนด้วยสายตาอ่อนโยน “หรูฮวน อย่าเพิ่งแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจเลย ลองปรึกษาพ่อกับแม่ของคุณดูก่อนว่าตกลงที่จะทำแบบนี้ไหม และพวกเรายังบอกเรื่องนี้กับพวกน้องสะใภ้ได้ด้วย ลองถามความเห็นของพวกเขาดูก่อน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นหรูฮวนก็ทราบได้ทันทีว่าฟู่ซวี่ตงกำลังเป็นห่วงตน จึงไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเอ่ย “ได้ ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่คุณบอกแล้วกัน”

เมื่อฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ทราบเรื่อง ทั้งสองก็ต่างรู้สึกตกใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเสิ่นหรูฮวน รีบเร่งไปหาหล่อนโดยเร็ว

หลังจากฉินมู่หลานมาถึงแล้วก็รีบคว้าตัวเสิ่นหรูฮวน แล้วสำรวจร่างกายทันที

“หรูฮวน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”

เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของฉินมู่หลาน เสิ่นหรูฮวนจึงรีบส่ายศีรษะทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่ฟู่ซวี่ตงมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ”

และในตอนนั้นเอง ฟู่ซวี่ตงก็กำลังพูดคุยกับเซี่ยเจ๋อหลี่ พลางเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายก็ชี้ไปที่เจิ้งเต๋อข่ายที่กำลังโดนมัดอยู่ตรงมุมห้องแล้วพูดขึ้น “อาหลี่ นายคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี ถึงเสิ่นหรูฮวนจะบอกว่าอยากแจ้งตำรวจ แต่ถ้าแจ้งตำรวจจริง ฉันกลัวว่าหล่อนจะมีข่าวลือไม่ดี”

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะแจ้งตำรวจทันที

ฟู่ซวี่ตงได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาก็สว่างขึ้น

“ใช่แล้ว ทำไมฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ พวกเราบอกทางฝั่งลุงเสิ่นก่อนก็ได้ แล้วถามความคิดเห็นของพวกเขาว่าจะเอาอย่างไรต่อ”

ทั้งสองคนได้ข้อสรุป จึงรู้สึกผ่อนคลายลงมาก

ฟู่ซวี่ตงเห็นว่าตอนนี้เจิ้งเต๋อข่ายยังไม่ตื่น จึงหันมองฉินมู่หลานด้วยความกังวล “น้องสะใภ้ ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่ จึงเผลอต่อยเจิ้งเต๋อข่ายจนหมดสติไป คุณช่วยตรวจดูหน่อยได้ไหม ว่าหมอนี่มันเป็นอะไรหรือเปล่า”

ฉินมู่หลานจับชีพจรของเจิ้งเต๋อข่าย จากนั้นก็หยิบขวดกระเบื้องอันเล็กออกมาหนึ่งขวด ก่อนจะยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของเจิ้งเต๋อข่าย หลังจากทำเช่นนั้น เธอก็ปรบมือ พลางเอ่ยขึ้น “เอาเถอะ ไม่เป็นไรแล้ว”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ คนอื่นก็พลอยโล่งใจไปด้วย

ฉินมู่หลานไม่คิดจะกลับตอนช่วงกลางคืน เธออยากจะอยู่กับเสิ่นหรูฮวนที่นี่

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ทราบก็ค่อนข้างกังวลนิดหน่อย แต่ในเมื่อภรรยาของเขาอยากอยู่จริง ๆ เขาก็จะอยู่ด้วย เลวร้ายหน่อยก็คงเป็นการต้องกระเสือกกระสนไปฐานทัพในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้

ฟู่ซวี่ตงทราบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะอยู่ต่อ จึงอยู่ด้วยเหมือนกัน

ฉินมู่หลานพาเสิ่นหรูฮวนเข้าห้อง แล้วนั่งลงด้วยกัน “หรูฮวน อยู่กับฉัน ถ้ามีอะไรก็พูดกับฉันได้นะ”

เสิ่นหรูฮวนได้ยินเช่นนี้ จึงรีบพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นทันที “ได้สิมู่หลาน ฉันเข้าใจแล้ว” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

มองจากภายนอกเสิ่นหรูฮวนก็ดูปกติดี ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ในความเป็นจริงคงจะมีอะไรค้างคาอยู่ในใจบ้าง อย่างการกลัวที่จะอยู่ตามลำพังนิดหน่อย

ฉินมู่หลานเห็นเสิ่นหรูฮวนเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดคุยกับเธอแทน “หรูฮวนของพวกเรากล้าหาญมากเลยนะ เจ๋งมากเลย”

เสิ่นหรูฮวนรู้สึกเขินอายนิดหน่อยกับคำกล่าวชม

“มู่หลาน ฉันไม่ได้กล้าหาญอย่างที่เธอบอกหรอก”

ฉินมู่หลานกล่าวพร้อมทั้งรอยยิ้ม “แบบนี้ก็กล้าหาญมากแล้ว”

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเจ่อหลี่ที่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกว่าเจิ้งเต๋อข่ายแอบเล็งเสิ่นหรูฮวนอยู่นานแล้ว เขาจึงถามโดยละเอียดอีกครั้ง แต่ไม่นานก็ได้รับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงขมวดคิ้วแล้วหันไปถามฟู่ซวี่ตง “ทำไมนายดูเหม่อจัง กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”

“ฉันกำลังคิด ว่าตกกลางคืนหรูฮวนจะนอนไม่หลับหรือเปล่า”

เมื่อเอ่ยคำพูดนี้จบ ฟู่ซวี่ตงก็นึกถึงสิ่งที่ตนเพิ่งเอ่ยออกมาได้ จึงรีบโบกมือแล้วกล่าวแก้ตัวทันที “ฉันไม่ใช่ ฉันเปล่า ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”

อาการปฏิเสธเป็นพัลวัน ทำให้คนอื่นคิดว่าเขากำลังผิดปกติทันที

ฟู่ซวี่ตงรีบหุบปากลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดเลยว่าตนจะเพิ่งเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

เซี่ยเจ๋อหลี่พูดพร้อมยกยิ้ม “นายปฏิเสธตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ พวกเรารู้กันหมดแล้ว”

หลังจากพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หันไปมองฟู่ซวี่ตงทันที ก่อนจะไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้ววนแล้วก็เอ่ยขึ้น “ครั้งก่อนครอบครัวนายก็คอยนัดดูตัวให้ตลอดไม่ใช่เหรอ ตระกูลเสิ่นเองก็อยากหาคู่ครองที่เหมาะสมให้กับหรูฮวนอยู่ตลอด ฉันคิดว่าพวกนายสองคนก็เหมาะกันมากนะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นสิ่งที่ยังคงค้างคาใจมาถึงปัจจุบัน กฎหมายไม่ได้คุ้มครองเหยื่อคดีข่มขืนเลย พอเกิดเรื่องแล้วจะไปฟ้องก็โดนมองว่าให้ท่าเองหรือเปล่า แต่งตัวยั่วเองหรือเปล่า สรุปคนทำผิดลอยตัว ไปมีครอบครัวมีลูกเมียเป็นปกติสุข ส่วนเหยื่อจมอยู่กับความผิดชีวิตพังทลาย ทั้งที่ชีวิตเขาไม่ควรเจออะไรแบบนี้

ไหหม่า(海馬)