บทที่ 103 มาออกกำลังกายสร้างความอบอุ่นกันเถอะ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

“แล้วต่อจากนี้ล่ะ?” หลานเสี่ยวถางรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ฟัง“หลังจากที่คุณได้รับการช่วยเหลือ เขาไม่ได้ทำอะไรคุณอีกใช่ไหม? เขาไม่กลัวคุณฟ้องเขาเรื่องพยายามฆ่าคุณเหรอ?”

“อันที่จริง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากผู้ช่วยให้รอดของผม หลังจากที่เขาช่วยผมขึ้นมา ผมก็ร้องไห้และบอกเขาว่าผมถูกพี่ชายแท้ผลักลงไปในน้ำ เขาฟังเรื่องทั้งหมดเขาก็ให้ข้อคิดบางอย่างแก้ผม ”

“เขาขอให้คุณแกล้งทำเป็นไม่รู้?” หลานเสี่ยวถางถาม

“ประมาณนั้นแหละ เขาบอกให้ผมแกล้งทำเป็นลืมเรื่องตกลงไปในน้ำ แล้วไปเผชิญหน้ากับพี่ชายของผมอย่างมีความสุข อย่าแสดงท่าทีความกลัวออกมา แม้ว่าพี่ชายของผมจะลองแกล้งถามก็ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ”

“แต่คุณไม่กลัวว่าเขาจะมาทำร้ายคุณอีกเหรอ?” หลานเสี่ยวถางได้ยินเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกว่าการต่อสู้ระหว่างคนรวยเป็นเหมือนมีดที่คอยที่แทงลับหลังอยู่ตลอดเวลา แม้แต่พี่น้องกันเองแท้ๆ ยังสามารถฆ่ากันได้ลงคอ!

“ผมเคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ผมแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ สงสัยน้อยลง” สือมูเฉินหัวเราะเยาะตัวเอง “แล้วเขาก็เอาหุ้นส่วนไปจากมือของผม ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้เดือดรู้ร้อนและปล่อยให้เขาเอาไป ต่อมาเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป เขาให้ตำแหน่งการทำงานเล็กๆ น้อยๆ แก่ผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นอย่างพวกคุณเห็นกันทุกวันนี้ ฉากแห่งความสามัคคีเพียงผิวเผิน”

ทันใดนั้นหลานเสี่ยวถางก็ตระหนักว่าสือมูเฉินมีภาพลักษณ์ที่ฉลาดและสุขุมนั้นได้รับการฝึกฝนในช่วงเวลาดังกล่าว!

เธออดไม่ได้ที่จะยื่นแขนอันเย็นเยียบไปโอบรอบคอของเขา

เธอไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเขาอย่างไร เพราะเธอไม่ได้มีส่วนร่วมในช่วงเวลามืดมนที่เขาเคยประสบมา

ตอนนี้เขาได้เดินออกมาจากช่วงเวลานั้นแล้ว แม้ว่าเรื่องในอดีตจะไม่ใช่ฝุ่นที่กลับคืนเป็นฝุ่น แต่มันก็มีรอยแผลเป็นในช่วงชีวิตของเขา

“เสี่ยวถาง ไม่เป็นไร” สือมูเฉินรู้สึกได้ว่าเธอกำลัังปลอบโยนเขา “ของทุกอย่างที่พ่อของผมเคยมอบให้ในอดีต ผมจะทวงคืนกลับมาทั้งหมด หนึ่งเดือนหลังจากนี้จะเป็นเวลาสำหรับการเปิดเผย! คุณแค่ยืนเคียงข้างผมและเป็นพยานร่วมกับผมก็พอ!”

“ได้ค่ะ!” หลานเสี่ยวถางพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง“ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ!”

สือมูเฉินโน้มศีรษะลงไปจูบที่ริมฝีปากของหลานเสี่ยวถาง

ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยความประกายแวววับ ในขณะนี้เธอรู้สึกอึ้งเล็กน้อยสือมูเฉินรวบเอวและคอของเธอไว้แน่น สือมูเฉินจูบลึกลงไปมากขึ้น

ทั้งสองคนถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกไปจนหมด ดังนั้นเมื่อพวกเขาจูบกันร่างของพวกเขาจึงแนบชิดจนเกือบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน สือมูเฉินรู้สึกถึงร่างกายที่อ่อนนุ่มในอ้อมแขนของเขา เขาได้กลืนน้ำลายไปสองครั้ง

ฝ่ามือของเขาสัมผัสเส้นผมของหลานเสี่ยวถาง ในความมืดประสาทสัมผัสทั้งหมดขยายใหญ่จนมองไม่เห็น

เขารู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น และหัวใจของเขาก็เต้นเร็วเหมือนกัน

ฝ่ามือกว้างสัมผัสลงบนหน้าอกอันอวบอิ่มของหลานเสี่ยวถาง และร่างกายของสือมูเฉินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหนึ่ง

หลานเสี่ยวถางรู้สึกถึงการตื่นตัวของสือมูเฉิน เธออดไม่ได้ที่จะถอนลมหายใจ แล้วผละออกจากริมฝีปากของเขา “พวกเราอยู่ข้างนอก…… ”

“เสี่ยวถาง คุณยังหนาวอยู่หรือเปล่า” สือมูเฉินถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

หลานเสี่ยวถางคิดว่าเขาจะใส่เสื้อผ้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงตอบอย่างรวดเร็วว่า “อืม หนาว ถ้าอย่างงั้น……”

ก่อนที่เธอจะพูดจบเธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทุ้มของสือมูเฉิน เขาพูดอย่างจริงจัง”การมีอะไรกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ดังนั้นพวกเรามาสร้างความอบอุ่นกันเถอะ”

“อา……” เมื่อรู้ตัวดูเหมือนมันจะสายไปซะแล้ว

หลานเสี่ยวถางนอนอยู่บนพื้นหญ้า แม้ว่ามันจะไม่เย็นแต่ก็ค่อนข้างแข็ง เธอไม่คุ้นเคยกับการสัมผัสแบบนี้

“ไม่สบายตัวเหรอ?” สือมูเฉินรู้สึกถึงปฏิกิริยาของหลานเสี่ยวถาง ดังนั้นเขาจึงจับเธอพลิกตัวอย่างกะทันหัน

เขานอนหงายบนพื้นหญ้า อุ้มเธอขึ้นมาวางบนร่างของเขา

“เสี่ยวถาง ลองขยับเอวดูสิ” สือมูเฉินพูดให้กำลังใจ

แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นกันอย่างชัดเจน แต่หลานเสี่ยวถางยังคงรู้สึกเขินอาย

เธอกัดริมฝีปาก “ฉันทำไม่เป็น……” หลังจากนั้นเธอพูดเสริมอีกว่า “ฉันหนาว ตัวเลยแข็งทื่อ”

“ตกลง งั้นผมจะขยับ” สือมูเฉินพูดจบก็จับเอวของหลานเสี่ยวถางด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วทันใดนั้นก็เริ่มขยับตัว

ต้องบอกว่าภายในไม่กี่วินาทีหลานเสี่ยวถางก็รู้สึกถึงความร้อนที่ไหลออกจากร่างกายของเธอ จากร่างกายที่หนาวสั่น กลับกลายเป็นว่าอบอุ่นขึ้นมาก

แค่เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก หน้าอกที่อวบอิ่มถูกสือมูเฉินจับไว้เต็มมือของเขา การหายใจของเขาเริ่มไม่เป็นจังหวะและท่วงท่าของเขาเริ่มเร็วขึ้น

เธอตัวสั่นเล็กน้อย หายใจแรง ฝ่ามือของเขาลูบไล้ผิวของเธอ ลมหายใจเริ่มหอบเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลานี้สายฟ้าฟาดลงมาบนท้องฟ้า และในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้สถานการณ์ในกระท่อมกองฟางเห็นทุกอย่างได้ละเอียดชัดเจน

หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าเลือดพุ่งไปที่สมองของเธอและกำลังจะรู้สึกเวียนหัว สือมูเฉินเริ่มออกความรุนแรงมากขึ้นซึ่งทำให้เธอกรีดร้องออกมาเบาๆ

เขาหัวเราะเบาๆ ปล่อยมือจากหน้าอกที่นุ่มนวลของเธอ แล้วยื่นแขนไปโอบแผ่นหลังของเธอแทน กอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา

ริมฝีปากของเขาสัมผัสไปที่ติ่งหูที่บอบบางของเธอ “เสี่ยวถาง ยังหนาวอยู่หรือเปล่า?”

ดูเหมือนว่ายกเว้นที่นิ้วเท้าที่ยังหนาวอยู่ แต่ทั่วทั้งร่างกายตอนนี้ไม่หนาวแล้ว

หลานเสี่ยวถางส่ายหัวโดยตระหนักว่าสือมูเฉินไม่สามารถมองเห็นได้ เธอเสริมด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่หนาวแล้วค่ะ”

สือมูเฉินหัวเราะอย่างมีความสุข”ถ้าอย่างนั้นช่วงที่นอนหลับ ถ้ารู้สึกหนาวก็บอกผมนะเราจะทำกันอีกครั้ง”

เพราะคำพูดที่โจ่งแจ้งทำให้หัวใจของหลานเสี่ยวถางเต้นผิดปกติ จากนั้นร่างกายของสือมูเฉินก็เร่งความเร็วถี่ขึ้น

ไม่รู้ว่าเวลานานแค่ไหนเธอรู้สึกว่าเขาเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนเธอจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว เธอกอดเขาแน่นมากยิ่งขึ้น

ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการปลดปล่อยในส่วนลึกของกันและกัน และทั้งสองไปถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน และใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากอาการกระตุกของร่างกาย

สือมูเฉินนอนลงและกอดหลานเสี่ยวถางแน่นในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “เสี่ยวถางนอนพักสักครู่ ถ้าหนาวอย่าลืมบอกผมนะ”

“โอเคค่ะ” เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา เห็นเพียงส่วนหลังและขาเท่านั้น เขาห้อมล้อมเธอด้วยความอบอุ่น และให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันในกระท่อมที่เรียบง่าย

สองนาทีต่อมาหลานเสี่ยวถางได้ยินการหายใจของสือมูเฉินสม่ำเสมอและยาว ดูเหมือนว่ามันจะลึกกว่าปกติมาก

ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักว่าสือมูเฉินได้ว่ายน้ำเป็นระยะทางไกลในวันนี้และทำกิจกรรมร่วมรักกับเธอเป็นเวลานาน เขาคงจะเหนื่อยน่าดู!

อย่างไรก็ตามแขนของเขายังคงโอบเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา โดยไม่มีการผ่อนปรนแม้แต่น้อย

เธอจำสิ่งที่เขาพูดกับเธอได้ในทันใด

เขาบอกว่าเธอเป็นภรรยาของเขาและเขามีหน้าที่ปกป้องเธอ

ในอดีตเธออยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

เมื่อโตขึ้นก็ต้องทำอะไรทุกอย่างเองทั้งหมด

เธอเป็นหวัดและมีไข้ 39องศา เธอเดินไปร้านขายยาเพื่อซื้อยาด้วยความยากลำบาก

เมื่อถูกคนรังแก เธอซ่อนตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

เมื่อต้องเผชิญกับอันตรายเธอคิดหาวิธีแก้ไขไม่ได้ ทำได้เพียงรอให้ความเจ็บปวดมาเยือน

อย่างไรก็ตามในตอนนี้มีคนบอกเธอว่าจะรับผิดชอบและปกป้องเธอเอง

ทำให้เธอรับรู้เป็นครั้งแรกว่าเธอก็สามารถได้รับความปกป้องจากคนอื่น

ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าโชคชะตาของเธอจะถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย เขาก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง

หลานเสี่ยวถางคิดถึงสิ่งนี้หัวใจที่เหมือนฟองน้ำที่แช่อยู่ในน้ำ บวมและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ แต่มันทำให้เธอยกริมฝีปากขึ้นด้วยใจ

เธอเงยหน้าขึ้นและแอบจูบที่มุมปากของสือมูเฉิน

เขาเหนื่อยมากและนอนหลับลึกเกินไปจนเขาไม่รับรู้อะไรเลย

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้นานเท่าไหร่ หลานเสี่ยวถางเริ่มรู้สึกง่วงและค่อยๆ ผล็อยหลับไป

เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้งหลานเสี่ยวถางก็พบว่าข้างนอกสว่างแล้ว เธอลืมตาและเห็นว่าเมื่อสือมูเฉินไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกลัวเล็กน้อย เธอรีบเรียกชื่อเขาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเธออ้าปากเธอจึงรู้ว่าคอของเธอแห้งมาก ความรู้สึกค่อยๆ ชัดเจนราวกับถูกไฟไหม้

เธอพยายามจะยกแขนขึ้น มันเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย แต่เธอรู้สึกว่าหัวของเธอหนักและร่างกายของเธอเจ็บปวด

ความรู้สึกนี้แม้จะมีไม่บ่อย แต่ก็ไม่ได้ไม่คุ้นเคย

เธอเป็นหวัด ดูเหมือนจะมีไข้สูงด้วย!

หลานเสี่ยวถางพยายามลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ และพบว่าไม่มีอะไรนอกจากหญ้าเปียกในกระท่อม และไม่มีเสื้อผ้าที่พวกเขาโยนลงบนพื้นเมื่อวานนี้

หลานเสี่ยวถางงงงวยและต้องการจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่มีแรง เธอทำได้แค่ใช้เสียงแหบในลำคอในการพยายามอย่างหนักเพื่อเรียกชื่อสือมูเฉิน

เสียงของเธอเบามาก แต่เขาก็ได้ยินมันจากข้างนอก

สือมูเฉินก้าวเข้ามาโดยยังคงถือเสื้อผ้าไว้ในมือ

หลานเสี่ยวถางพบว่าพวกเขาทั้งคู่เปลือยกายและไม่สวมใส่อะไรเลย ในแสงแดดดูเหมือนว่าพวกเขาจะ……

เธอหลับตาอย่างรวดเร็ว “มูเฉิน ฉัน……”

“เสี่ยวถาง คุณเป็นไข้” สือมูเฉินพูดอย่างเร่งรีบ “โชคดีที่วันนี้อากาศโปร่งใสมากขึ้น และเสื้อผ้าของเราแทบแห้งหมดแล้ว คุณใส่มันแล้วผมจะพาคุณไปซื้อยา”

ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินไปที่หลานเสี่ยวถางนั่งลงและช่วยเธอใส่เสื้อผ้า

แม้ว่าเธอไม่เคยถูกใครใส่เสื้อผ้าให้แบบนี้ แต่เธอก็ไม่มีแรงจริงๆ หลานเสี่ยวถางพิงที่ร่างกายของสือมูเฉินปล่อยให้เขาใส่เสื้อผ้าให้เธอเหมือนเด็ก

เขาสวมใส่ให้เธอ จากนั้นก็สวมใส่ของเขาเองอย่างรวดเร็ว

หลังจากทำสิ่งนี้เสร็จแล้วสือมูเฉินก็นำแผ่นกระเบื้องจากด้านนอกที่มีน้ำใสอยู่ภายในเข้ามา”เสี่ยวถาง นี่คือน้ำแร่จากภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ คุณสามารถดื่มได้ชั่วคราว”

หลานเสี่ยวถางดื่มน้ำก็รู้สึกว่าลำคอสบายขึ้นเล็กน้อย แต่ร่างกายของเธออ่อนแอ

“เสี่ยวถาง มาเถอะ ยืนขึ้นด้วยตัวเอง” สือมูเฉินพูดพร้อมกับช่วยพยุงหลานเสี่ยวถางลุกขึ้นแล้วนั่งลงโดยหันหลังให้กับเธอ “ปีนขึ้นมาบนหลังผมได้เลย”

หลานเสี่ยวถางมองไปที่แผ่นหลังของสือมูเฉินทำให้เธอรู้สึกตื้นตันใจ

เมื่อเห็นเธอนิ่งไม่ไหวติง เขาจึงพูดว่า”ขึ้นมาเถอะ คุณเป็นไข้ คุณต้องไปหาหมอทันที!”

หลานเสี่ยวถางไม่รู้ว่ามีหมออยู่ที่ไหนบนภูเขาที่แห้งแล้ง อย่างไรก็ตามหลังจากฟังคำพูดของสือมูเฉินเธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขึ้นไปบนหลังของเขา ยื่นแขนไปโอบคอของเขาไว้

เขายืนขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยมีเธออยู่บนหลังของเขา แล้วเดินออกจากกระท่อม