บทที่ 99 ระดับรวมกายาขั้นหก โจวฝานกลับสำนัก

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 99 ระดับรวมกายาขั้นหก โจวฝานกลับสำนัก
แม้ว่าหยางเทียนตงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

นี่เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง หานเจวี๋ยไม่ใช่พ่อแม่เขาที่ต้องติดตามอยู่ทุกวัน

อีกอย่างหยางเทียนตงมีสายเลือดเทพปีศาจ ไม่ตายง่ายขนาดนั้นแน่

หานเจวี๋ยทะลวงระดับรวมกายาขั้นหกต่อ

เมื่อสำนักหยกพิสุทธิ์มีคนเวียนว่ายตายเกิดอย่างต่อเนื่อง ความคิดที่จะมุมานะฝึกบำเพ็ญของหานเจวี๋ยก็ยิ่งหนักแน่น

ไม่เพียงตนเองจะพากเพียรฝึกบำเพ็ญเท่านั้น ยังต้องเร่งรัดให้สิงเสวียนกับโม่จู๋ฝึกฝนไปพร้อมกัน ไม่อาจหย่อนยานได้

……

พริบตาเดียว เวลาเจ็ดปีก็ผ่านพ้นไป

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับรวมกายาขั้นหกสำเร็จ

บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนนับว่าเป็นสถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุดในต้าเยี่ยนแล้ว ต้นฝูงซังกับเถาน้ำเต้าพิภพเซียนล้วนสร้างพลังวิญญาณอยู่ตลอด

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงเรื่องของผู้อาวุโสสูงสุด จึงใช้พลังจิตตรวจสอบไปทางยอดเขาหยกวิเวก

เซียนซีเสวียนยังฝึกฝนอยู่ในตำหนักหยกวิเวก

ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ นางอยู่ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเก้าแล้ว นางสามารถทะลวงระดับเช่นนี้ได้ ต้องขอบคุณโอกาสวาสนาที่พบเจอด้านนอกก่อนหน้านี้

‘เซียนซีเสวียน ไม่สู้ย้ายมาที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน ข้าจะเปิดถ้ำเทวาสักแห่งให้ท่านเอง’

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงไปหาเซียนซีเสวียน

เซียนซีเสวียนลืมตาขึ้นมา บุคลิกของนางเหนือโลกีย์ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ใบหน้างดงามล่มเมืองไม่ได้ดูเย้ายวนเลย แต่เป็นความงามแบบที่ทำให้คนชมชอบอย่างบริสุทธิ์ใจ ราวกับนางเซียนบนสรวงสวรรค์

เซียนซีเสวียนขมวดคิ้วกล่าว “นั่นคือเขาของเจ้า ข้าไปคงไม่สะดวกกระมัง”

“ท่านคงทราบเรื่องของผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว ชีวิตนี้ข้าล้วนมุมานะฝึกบำเพ็ญ มีคนที่ใส่ใจอยู่ไม่มาก ท่านเซียนก็เป็นหนึ่งในนั้น ข้าหวังว่าจะได้ไปสู่มหามรรคาด้วยกันกับท่านเซียน ไม่อยากให้ในตอนสุดท้ายของการบำเพ็ญเพียรอันยาวนานเหลือเพียงข้าคนเดียว ต้องเดินต่อไปอย่างโดดเดี่ยว”

หากคนอื่นได้ยินคำพูดของหานเจวี๋ย จะต้องคิดว่าเขาหาเรื่องโดนตีแน่ แต่เซียนซีเสวียนรู้จักหานเจวี๋ยดี ตั้งแต่หานเจวี๋ยเข้าร่วมยอดเขาหยกวิเวก เขาก็มุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญมาตลอด ไม่เคยไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์เลยด้วยซ้ำ

เซียนซีเสวียนนึกถึงผู้อาวุโสสูงสุด หัวใจก็หนักอึ้งเล็กน้อย

แม้จะส่งศิษย์พี่ศิษย์น้องรุ่นเดียวกันจากไปไม่น้อยแล้ว แต่ว่าการจากไปของอาจารย์ก็ยังคงทำให้นางค่อนข้างปวดใจ

‘มาเถอะ หากไม่มีธุระใดข้าจะไม่รบกวนท่านเซียน’ หานเจวี๋ยกล่าวต่อ

เซียนซีเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตอบตกลง

หานเจวี๋ยให้นางเก็บของสักครู่แล้วตรงมาเลย ส่วนตนเองออกจากถ้ำไปเปิดถ้ำเทวาให้เซียนซีเสวียน ซึ่งอยู่ตรงเนินเขาไม่ไกลออกไป

สวินฉางอันกับไก่คุกรัตติกาลรู้สึกประหลาดใจ

“อาจารย์ ท่านจะเปิดถ้ำเทวาให้ข้าหรือ” สวินฉางอันถามด้วยความเกรงใจ

เขาเคยชินกับการอยู่ใต้ต้นฝูซังแล้ว

หานเจวี๋ยกลอกตาใส่เขาก่อนกล่าว “นี่คือถ้ำเทวาของเซียนซีเสวียน เซียนซีเสวียนเคยเป็นอาจารย์ของข้า ตอนนี้ก็เป็นสหายของข้า หากไม่มีเรื่องใดห้ามรบกวนการฝึกฝนของนาง เข้าใจหรือไม่”

สวินฉางอันเข้าใจในฉับพลัน เขาย่อมเคยได้ยินชื่อเซียนซีเสวียนมาแล้ว

ไก่คุกรัตติกาลถามว่า “เซียนซีเสวียนจะอยากกินท่านหรือไม่”

“เจ้าวอนหาเรื่องรึ”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก เมื่อก่อนไก่คุกรัตติกาลอาจจะไม่เข้าใจจริงๆ ทว่าตอนนี้ต้องเข้าใจแล้วแน่นอน แต่กลับกล้าหยอกล้อเขา!

ไก่คุกรัตติกาลตกใจจนตัวสั่น ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก

ไม่นานก็เปิดถ้ำเทวาสำเร็จ เซียนซีเสวียนก็เข้าไปอยู่ด้านในแล้ว

พอได้เห็นรูปโฉมของเซียนซีเสวียน สวินฉางอันสติหลุดลอยไปพักหนึ่ง

เขายิ่งหนักแน่นกับมรรคจิตของตนมากขึ้น

อาจารย์กล่าวไว้ไม่มีผิด ขอเพียงตบะแข็งแกร่ง ก็จะมีหญิงงามมาชอบตนเอง

ความจริงเชี่ยนเอ๋อร์ก็หน้าตาธรรมดา เขาไม่จำเป็นต้องเอาเป็นเอาตายเพื่อนางก็ได้

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด หลังจากสำเร็จวิชากระบี่บินไร้หัวใจขั้นสมบูรณ์แล้ว เวลาสวินฉางอันนึกถึงนางจะสงบมาก ไม่กระสับกระส่ายเหมือนแต่ก่อน

เมื่อเซียนซีเสวียนย้ายเข้ามา หานเจวี๋ยก็รู้สึกวางใจแล้ว

ส่วนโม่จู๋นั้นช่างเถอะ จากนี้ค่อยว่ากันอีกที

คุณสมบัติของนางโดดเด่น ยังไม่จำเป็นในตอนนี้ อีกอย่างนางกับสิงหงเสวียนไม่ค่อยถูกกันด้วย

ช่วงนี้สิงหงเสวียนออกเดินทางอีกแล้ว แต่มีหุ่นเชิดสวรรค์อยู่ หานเจวี๋ยจึงไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับนาง

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ด้านหนึ่งใช้หนังสือแห่งความโชคร้ายทำภารกิจประจำวัน อีกด้านก็ตรวจดูจดหมาย

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น โจวฝาน โม่ฟู่โฉว รวมทั้งหยางเทียนตงเริ่มแข่งกันโดนโจมตีอีกแล้ว

และก็มีบางคนได้รับโอกาสวาสนาไป

จุดที่คู่ควรให้กล่าวถึงก็คือ สำนักมารปีศาจถดถอยลงทุกวัน หานเจวี๋ยคิดว่าสำนักมารปีศาจใกล้จะล่มสลายแล้ว

ดาวโชคร้ายเกิดมีคุณสมบัติเทพตื่นขึ้น นั่นจะน่ากลัวเพียงใดกัน

สำนักมารปีศาจสามารถยืนหยัดมาได้นานเช่นนี้ ก็นับว่าสมกับชื่อสำนักใหญ่แล้ว!

……

ภายในหุบเขากว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง สุนัขปีศาจขนเงินตัวหนึ่งหมอบคลานอยู่กลางไหล่เขา ภายในหุบเขามีปีศาจประหลาดยึดครองอยู่จำนวนมาก แม้แต่ยอดเขาของทิวเขาที่อยู่รอบๆ ก็เป็นเช่นนี้

สุนัขปีศาจขนเงินตัวนี้ก็คือสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนั่นเอง

เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไม่ได้อ้วนท้วนเหมือนตอนยังเด็กแล้ว แต่กลับแข็งแรงบึกบึนมาก ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ร่างปีศาจดูงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้

ยามนี้ มันกำลังมองคนที่อยู่ตรงตีนเขาด้วยความเกียจคร้าน

หยางเทียนตง!

หยางเทียนตงมองสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นซึ่งอยู่บนที่สูงด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงกล่าว “สุนัขสวรรค์ พิจารณาแล้วได้ความว่าอย่างไร พวกเราร่วมมือกันสังหารพญาอสรพิษหยก ถึงตอนนั้นก็แบ่งอาณาเขตอย่างเท่าเทียมกัน”

นึกถึงในตอนแรก หยางเทียนตงเห็นสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นโตมากับตา ตอนนี้พลังของมันเหนือกว่าเขาไปแล้ว นี่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความต่างชั้นของสายเลือด

“เรียกข้าว่าพญาฮุ่นตุ้น” สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นหาวหวอดและพูดอย่างไม่ไยดี

หยางเทียนตงหงุดหงิดทันที “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะกลับไปหาอาจารย์!”

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นได้ยินก็พลันสั่นสะท้าน ขนบนร่างตั้งชันขึ้นมา จ้องมองหยางเทียนตงพร้อมกับพูดว่า “เจ้ายังมีหน้าไปหาเขาอยู่อีกหรือ เจ้ายังไม่กลับไปเลย ยังมีหน้ามาว่าข้าอีก?”

หยางเทียนตงกระอักกระอ่วน เขาไม่กล้ากลับไปพบหน้าหานเจวี๋ยจริงๆ

ตั้งแต่เป็นราชาปีศาจ เมล็ดพันธุ์ของอำนาจและความทะเยอทะยานก็เริ่มงอกเงยในใจเขา เขาไม่อาจพากเพียรฝึกบำเพ็ญได้อย่างแต่ก่อนอีก

“ดีร้ายอย่างไรพวกเราก็นับว่ามาจากที่เดียวกัน ควรจะช่วยเหลือกันและกัน ข้าได้ยินว่าเจ้าถูกราชาปีศาจตนอื่นตามล่าอยู่บ่อยๆ ลำบากทุกข์ทนเกินบรรยาย เจ้ากับข้าร่วมมือกันถึงจะชนะทั้งคู่!” หยางเทียนตงกล่าวอย่างจริงจัง

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นพูดด้วยความลังเล “พญาอสรพิษหยกแข็งแกร่งเกินไป ในสิบเขตเก้าราชวงศ์มีปีศาจไม่กี่ตัวที่เอาชนะมันได้”

หยางเทียนตงกล่าว “ข้ากลับไปเชิญราชาปีศาจเตี่ยนซู่ที่ต้าเยี่ยนมาได้ เขาเป็นถึงมารปีศาจหมื่นปี พลังลึกล้ำเกินหยั่งถึงเช่นกัน”

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนิ่งเงียบ

“พญาอสรพิษหยกกำลังขยายอำนาจอย่างบ้าคลั่ง ช้าเร็วอย่างไรก็จะรุกมาถึงเจ้าทางนี้แน่นอน สำนักไร้ลักษณ์เจ้าคงรู้จักกระมัง หลายปีมานี้สำนักไร้ลักษณ์ปิดล้อมกำราบเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ล้วนคอตกกลับไป ทว่าพญาอสรพิษหยกก็ถูกลดทอนพลังอยู่ตลอดเพราะเหตุนี้ด้วย นี่เป็นโอกาสของพวกเรา หากรอต่อไป ข้ากับเจ้าก็เป็นได้แค่สุนัขของเขาเท่านั้น!”

“หือ? นี่ดูถูกสุนัขหรือ”

“เป็นทาสของเขาก็ได้!”

“ไม่ได้ อาศัยแค่พวกเราไม่พอ เจ้าต้องเกลี้ยกล่อมราชาปีศาจตนอื่นอีก”

“ได้!”

……

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกับหยางเทียนตงกำลังทำอะไรอยู่ข้างนอก ตั้งแต่เซียนซีเสวียนย้ายเข้ามา ชีวิตของเขาก็มีความอภิรมย์ขึ้นมาบ้าง

ทุกๆ สองปี หานเจวี๋ยจะไปหาเซียนซีเสวียนเพื่อสนทนาเต๋า เซียนซีเสวียนก็ยินดีต้อนรับเขา อย่างไรเสียพวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

มรรควิถีของหานเจวี๋ยลึกซึ้งกว่าเซียนซีเสวียน แต่ความรอบรู้ของเซียนซีเสวียน หานเจวี๋ยยังห่างชั้นอีกไกล

เรื่องดำเนินไปเช่นนี้ จนเวลาล่วงเลยไปแปดปี

มู่หรงฉี่กลายเป็นศิษย์เอกฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว ด้วยพลังระดับรวมแก่นปราณที่แข็งแกร่งไร้คู่ต่อกร ไม่มีใครกล้าสงสัยในตัวเขาอีก

ในวันนี้

ท่ามกลางหมู่เขานอกสำนักหยกพิสุทธิ์ โจวฝาน โม่ฟู่โฉว และสตรีชุดม่วงแซ่เซวียนผู้นั้นกำลังเดินหน้าไปเรื่อยๆ

“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!”

โจวฝานตื่นเต้นจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

โม่ฟู่โฉวทอดถอนใจกล่าว “สำนักหยกพิสุทธิ์เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ”

พลังวิญญาณบนแม่น้ำภูเขาในแถบนี้หนาแน่นกว่าแต่ก่อนมาก กลางอากาศมีศิษย์หลายคนขี่กระบี่เหินเวหาเข้าๆ ออกๆ ดูไปแล้วแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย

สตรีชุดม่วงอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักหยกพิสุทธิ์มาก สิ่งที่อยากรู้ที่สุดก็คือคู่บำเพ็ญเพียรผู้นั้นของศิษย์พี่หญิงของนาง

“เจ้าไปหาศิษย์น้องโม่จู๋ ข้าไปหาหานเจวี๋ย ข้าอยากจะดูสักหน่อยว่าตอนนี้เขาร้ายกาจแค่ไหน” โจวฝานกล่าวอย่างคาดหวังรอคอย

……………………………………….