จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 102

ตึง……..

ร่างของกิ้งก่ายักษ์ทรุดลงกับพื้น

ฉินเทียนที่ยืนอยู่ด้านข้างร่างขนาดใหญ่นั้นพลันกล่าวขึ้นอย่างโมโห ”มาวมาว ทําอะไรของเจ้าน่ะ? แบบนั้นเจ้าอาจตายได้เลยนะ”

กิ้งก่าศิลา สัตว์อสูรระดับห้าได้ปล่อยการโจมตีอันทรงพลังออกมา แต่มาวมาวก็ยังยืนอยู่ในระยะโจมตีของมันอย่างมึนงง หากไม่ใช่เพราะฉินเทียนลงมือได้เร็วพอ มาวมาวเวลานี้ก็คงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว คิดถึงจังหวะหวาดเสียวที่เกิดขึ้น ในใจของฉันเทียนก็กลัวขึ้นมาดังนั้นเขาจึงโมโห

วันนี้เจ้านี่เป็นอะไรไป? เผชิญกับอันตรายถึงขีดสุดกลับยังไม่หนี เป็นไปได้ไหมว่าสัตว์อสูรเองก็มีวันนั้นของเดือน? ฉินเทียนไม่เข้าใจเลยจริงๆ ปกติเจ้านี่จะร่าเริงตลอดทั้งวันไฉนวันนี้เอาแต่ เหม่อลอย

มาวมาวครางหงิงพลางคอตกอย่างรู้สึกผิด

มันเองก็ต้องการจะหลบการโจมตีนั้น แต่จู่ๆพลังอันท่วมท้นก็ปรากฏขึ้นมาจนทําให้มัน ร่างแข็งที่อ

สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้

มาวมาวเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เมื่อรู้ว่าฉันเทียนเป็นห่วงมันก็แสดงท่าทางขอโทษออกมา

“เหะๆ..”

จู่ๆเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นในจิตใจของฉินเทียน

ฉินเทียนตกใจ เขารีบเพ่งสมาธิไปตรวจดูที่จุดตันเถียนก่อนจะพบว่าตัวอ่อนปีศาจได้ตื่นขึ้นมา แล้วทารกนั้นส่งเสียงหัวเราะพลางกลิ้งตัวไปมาอย่างชอบใจ เห็นดังนั้นฉันเทียนก็ฉุกคิดถึงท่าทางแปลกๆของมาวมาวขึ้นมา ” หรือเป็นฝีมือของเจ้า?”

ตัวอ่อนปีศาจหน้ามุ่ยลง มันสบตาเขาก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบไม่กล้าสบตา จากนั้นไม่นาน พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็ปะทุออกมาที่ตามมายังมีพลังชั่วร้ายอันเข้มข้นด้วย

บึม!

ร่างของมาวมาวพลันเปลี่ยนเข้าโหมดต่อสู้ และล่อให้พวกสัตว์อสูรที่ซุ่มซ่อนอยู่โดยปรากฏตัวออกมา

เห็นแบบนี้ ตัวอ่อนปีศาจก็หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจอีกครั้ง

”ยังสร้างปัญหาไม่พออีกเหรอ?” ฉินเทียนถามอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทําไมมาวมาวถึงมีสภาพเช่นนั้น ที่แท้เป็นฝีมือของตัวอ่อนปีศาจนี่เอง คิดถึงตรงนี้เขาก็เปิดหน้าระบบขึ้นมาเพื่อดูทักษะของตัวอ่อนปีศาจ ค่าความชํานาญของทักษะควบคุมได้เปลี่ยนไป

สําหรับเรื่องนี้ ฉินเทียนไม่แปลกใจอะไร

สิ่งที่ทําให้เขาแปลกใจจริงๆก็คือค่าสถานะ “ระดับเพิ่มเป็นห้า และพลังชีวิตก็มีห้าหมื่น

“ติ๊ง!”

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นคราหนึ่ง ฉินเทียนกวาดสายตามองไปและก็ต้องตกตะลึง ระดับของตัวอ่อนปีศาจเพิ่มขึ้นเป็นหก และพลังชีวิตก็เปลี่ยนเป็นหกหมื่นหน่วย ที่น่าตกตะลึงกว่านั้นก็คือ “ทักษะควบคุม” ได้เปลี่ยนเป็น ทักษะควบคุมขั้นสูง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ฉินเทียนหมดคําพูด ความเร็วในการเพิ่มระดับนี้ออกจะน่ากลัวเกินไป แล้วเขาว่าระดับความเร็วในการเพิ่มระดับของเขานั้นผิดปกติแล้ว แต่เมื่อนํามาเทียบกับของตัวอ่อนปีศาจ ความเร็วของเขาก็ไม่นับเป็นอย่างไรเลย ในเวลาไม่ถึงสองวัน จากศูนย์เพิ่มขึ้นเป็นหกอัตราเร็วเช่นนี้ช่างเกินจินตนาการผู้คนนัก

มาวมาวติดตามเขามาก็หลายปีแล้ว ยังมีระดับเพียงหกเท่านั้น ทว่าตัวอ่อนปีศาจกลับมาถึงระดับหกได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ความสามารถแบบนี้มันไม่ท้าทายสวรรค์เกินไปหน่อยหรือ?

” ทารกปีศาจดูดกลืนแก่นโลหิตพันอสูร 1 หยด เหลือแก่นโลหิตพันอสูร 6 หยด…”

“เอ๊ะ?”

ได้ยินระบบแจ้งเตือน ฉินเทียนตรวจดูตัวอ่อนปีศาจอีกครั้ง ในมือของตัวอ่อนปีศาจมีแก่นโลหิตพันอสูรอยู่ ทารกน้อยส่งแก่นโลหิตนั้นเข้าปากก่อนจะกลืนลงไป จากนั้นร่างกายของทารกก็เปล่งแสงสีแดงออกมา ร่างกายของทารกขยายขนาดขึ้น และแสงสีแดงก็แผ่จากร่างอยู่จางๆ :

“ทักษะควบคุมขั้นสูง!” ฉินเทียนอึ้ง แก่นโลหิตสิบหยดลดลงเหลือหกหยดตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจทราบ

ตัวอ่อนปีศาจสะดุ้งโหยงยามที่ฉินเทียนเผลอหลุดปากโพล่งออกมา

ฉินเทียนไม่สนใจแล้ว เขาใช้ห้วงคิดเพื่อที่จะดึงตัวอ่อนปีศาจออกมายังที่โล่งเบื้องหน้า แต่ระบบกลับแจ้งเตือนขึ้นว่า ระดับต่ำกว่าเงื่อนไข ไม่สามารถเรียกออกมา”

“บัดซบ!” ฉินเทียนสบถอย่างหัวเสีย ” หากเจ้ากล้าสร้างปัญหาอีกล่ะก็ข้าจะโยนแก่นโลหิตพันอสูรทิ้ง แล้วมาดูกันว่าเจ้าจะกินอะไร!”

” แอ้…”

ตัวอ่อนปีศาจส่งเสียงโหวกเหวกเป็นการประท้วงที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งนี่สร้างความรําคาญอย่างยิ่ง

แต่ฉินเทียนในเวลานี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะประนีประนอมแต่อย่างใด แม้ตัวอ่อนปีศาจจะเป็นแค่ทารก แต่เขาก็ไม่อาจประมาทรูปลักษณ์ภายนอกนี้ได้ ทารกผู้นี้เฉลียวฉลาดยิ่ง “ร้องอีกสิ แล้วข้าจะโยนแก่นโลหิตทิ้งทันที อย่าคิดว่ามีทักษะควบคุมแล้วจะควบคุมทุกเรื่องราวได้ ข้ายังมีวิธีจัดการเจ้าอีกเยอะ”

กล่าวจบ ฉินเทียนก็เรียกแก่นโลหิตพันอสูรออกมาเดาะเล่น

นี่เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน!

ตัวอ่อนปีศาจหยุดร้องทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขาหันไปจ้องฉุนเทียนพลางเบะปากจะร้องไห้ เผยท่าทางที่น่าสงสารออกมา

“เห้ย! รู้อยู่แล้วว่าเจ้าและมาวมาวมันประเภทเดียวกัน!” ฉินเทียนคิดขึ้นในใจก่อนที่น้ำเสียงของเขาจะอ่อนลง “ครั้งหน้า ควบคุมได้เฉพาะสิ่งที่ข้าให้เจ้าควบคุม เข้าใจหรือไม่?”

ใบหน้าของฉินเทียนเผยรอยยิ้มที่หากให้มาวมาวมาเห็นคงตกใจจนหางสู่

ภายในตันเถียน ทารกน้อยรีบพยักหน้าพลางสะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่รังแก นี่ทําให้ฉันเทียนเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา แต่ครั้งนี้เขาจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด มาวมาวเกือบตายก็เพราะตัวอ่อนปีศาจ หากไม่เข้มงวดเสียบ้างปัญหาคงเกิดขึ้นอีกไม่รู้จบ

“ดีมาก หากเจ้าทําตัวดีๆ ในอนาคตแก่นโลหิตที่เจ้าได้รับจะบริสุทธิ์กว่านี้” ฉินเทียนยิ้มกล่าว

ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของทารกก็เริ่มเบิกบานพร้อมดวงตาเป็นประกาย

แม้แก่นโลหิตพันอสูรจะบริสุทธิ์อย่างมาก แต่พลังที่มันกักเก็บอยู่ไม่ได้มีอย่างไม่หมดไม่สิ้น ครั้งแรกที่ตัวอ่อนปีศาจใช้ทักษะควบคุมก็เพื่อหาอาหารด้วยความหิว และเขาก็พบกับหยดโลหิตที่กักเก็บพลังมหาศาลเอาไว้ ทว่าทักษะควบคุมที่มียังไม่พอจะจัดการได้ยินฉินเทียนบอกแบบนั้น ทารกน้อยก็คิดถึงหยดโลหิตหยดนั้นและตื่นเต้นขึ้นมา

หยดโลหิตหยดนั้นก็คือโชคชิ้นใหญ่ที่ได้มาจากราชาซากศพ เป็นแก่นโลหิตของปีศาจบรรพกาล พลังที่กักเก็บไว้ย่อมสูงล้ํากว่าหยดโลหิตของปีศาจทั่วไปหลายเท่า ซึ่งนี่ก็สร้างความเย้ายวนใจ ให้กับตัวอ่อนปีศาจอย่างสูง

หากแต่ฉินเทียนกลับไม่รู้ถึงเรื่องนี้

ตัวอ่อนปีศาจซึ่งทําตัวว่านอนสอนง่ายทําให้ฉันเทียนปลาบปลื้มใจมาก ”ทักษะควบคุมขั้นสูงกระทั่งสามารถควบคุมสัตวอสูรระดับหก ฮ่าๆ..อนาคตของข้าสดใสแล้ว”

“โฮก!”

มาวมาวคํารามใส่ท้องฟ้าอย่างโมโห การถูกปั่นหัวราวกับเป็นตัวโง่งมได้สะกิดสัญชาตญาณอันดุร้ายของมันขึ้นมา มันวิ่งไปหยุดอยู่ด้านหน้าของฉินเทียนก่อนจะแสดงท่าที่ท้าทายราวกับจะพูดว่า “ออกมาซะเจ้าสารเลว คอยดูว่าบิดาจะฆ่าเจ้าอย่างไร? ออกมา

ฉินเทียนหัวเราะ เขาไม่เห็นมาวมาวโมโหขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เจอกับงูเขียวย กษ์ซึ่งเป็นสัตว์อสูรระดับหกก็ยังไม่มีท่าทางแบบนี้

” ครั้งนี้แล้วกันไปเถอะมาวมาว ข้าจัดการเขาไปแล้ว” ฉินเทียนหยุดหัวเราะและแปลงสภาพเป็นผู้ไกล่เกลี่ย มาวมาวย่อมไม่อาจเป็นคู่มือของตัวอ่อนปีศาจ ขนาดตัวอ่อนปีศาจยังปรากฏกายออกมาไม่ได้ก็ยังแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว มาวมาวเอาชนะไม่ได้เลย

ตึง ตึง ตึง…….

มาวมาววิ่งไปยังเนินเขาก่อนจะทุบตีอย่างดุร้ายจนเนินเขาหายไปครึ่งหนึ่งราวกับเป็นการข่มขู่ตัวอ่อนปีศาจว่า ”บิดาแข็งแกร่งมากๆนะเฟ้ย!”

“ฮ่าๆ…”

” หากเจ้าไม่มีไม้ตายใดอีก เช่นนั้นคงถึงคราวตายของเจ้าแล้ว หยางฮง…”

ภายในถ้ำ หยาดเหงื่อไหลหยดย้อยลงจากหน้าผากของฉินเหลียน

พลังปราณของนางกําลังปั่นป่วน

ความร้อนแผ่กําจายจากร่างกายนางก่อนจะตามติดมาด้วยกลิ่นอายอันแข็งกร้าว

ทะลวงผ่าน!

นางทะลวงผ่านมาถึงระดับแปดขั้นกลั่นวิญญาณแล้ว

เส้นทางแห่งการบ่มเพาะนั้นดําเนินไปตามโชคชะตาของแต่ละบุคคล ถึงเวลาทะลวงผ่านก็ทะลวงผ่าน สิ่งนี้ไม่อาจฝืนบังคับได้ มิเช่นนั้นหากเกิดการบาดเจ็บขึ้นมาก็จะส่งผลถึงการบ่มเพาะในอนาคต ยิ่งกว่านั้นยังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ฉินเหลียนทราบถึงสิ่งเหล่านี้ดี

แต่นางนั้นโง่งม ทั้งยังโง่งมถึงที่สุด

ระดับพลังของนางยังอยู่ห่างจากระดับแปดอีกไกล แต่มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทําให้นางต้องฝืนทะลวงผ่านเช่นนี้ นางต้องแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะปกป้องฉุนเทียนให้ได้แล้ว นางยอมเสี่ยงกระทั่งชีวิตตัวเอง

” ฟูฟู………….”

เสียงหอบหายใจอย่างหนักดังออกมาจากปากนางเปลือกตาของนางเปิดออกเผยให้เห็นแววตาเป็นประกาย ” ทะลวงผ่านแล้ว…”