ตอนที่ 146 เมล็ดพืช

สามีข้า คือพรานป่า

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 146 เมล็ดพืช

“หยุนเคอ เจ้ากําลังทําอะไรอยู่? ขุดแปลงดินเยอะแยะจะปลูกอะไรหรือ?”

หยุนเคอยืนอยู่ตรงแปลงดิน ร่างกายเขาสูงใหญ่จนหยุนเถียนเถียนรู้สึกว่าดวงอาทิตย์ตรงหน้ากําลังถูกบดบัง!

“เจ้าชอบกินผักมิใช่หรือ? ข้าก็จะปลูกผักกินเองไง”

หลังจากกล่าวจบ เขาพลันรู้สึกประหม่าเกินกว่าจะสบตาอีกฝ่ายเช่นนี้จึงก้มศีรษะแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วแม้นางจะอยากกินผักแต่จะกินได้มากแค่ไหนเชียว?จําเป็นต้องรื้อหน้าดินเป็นไร่สองไร่เลยหรือ?

หยุนเคอไม่ได้กินยาผิดสําแดงมาใช่หรือไม่?

เฉินเฉินมองเห็นบรรยากาศที่คลุมเครือระหว่างทั้งคู่จึงอดไม่ได้ที่จะอึดอัด

ในที่สุดหยุนเถียนเถียนก็พูดขึ้น “ไปกันเถอะ มันเป็นที่ ดินของเขาเองเขาจะทําอะไรก็ได้!เข้าไปหาอะไรกินกันพวกเราหิวแล้ว!”

สองพี่น้องเดินเข้าไปในครัวคนหนึ่งกําลังก่อไฟอีกคนกําลังทําอาหารเป็นการร่วมมือกันอย่างขะมักเขม้น

หยุนเคอมองดูอยู่ไกลๆจากประตูไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาพลันรู้สึกอิจฉาเด็กน้อยขึ้นมา หรือว่าเมื่อเจ้าเด็กนั่นไปโรงเรียนเขาจะมีโอกาสได้ช่วยหญิงสาวทําอาหารด้วยกัน!?

หยุนเคอไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเขาเพ้อฝันมากขึ้นเรื่อยๆคงมีความสุขไม่น้อยหากได้ทําอาหารกับนาง

อาหารถูกจัดขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็วด้วยข้าวหอมและเนี้อตากแห้งนึ่ง มีถั่วจานเล็กและแตงกวาอีกหนึ่งชามในฤดูร้อนที่แผดเผาอาหารจานนี้ทําให้ยิ่งรู้สึกสดชื่นไม่น้อย!

หยุนเคอชื่นชอบเนื้อมาโดยตลอด แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสถั่วและแตงกวาอย่างจริงจัง

อ่า รสชาติดีจริง ๆ! เหตุใดถึงไม่เคยทานอาหารจานนี้ในเมืองหลวงมาก่อน?

หยุนเถียนเถียนมองดูคนสามคนที่รับประทานอาหารอย่างเงียบๆบรรยากาศค่อนข้างขะมุกขมัว

ดังนั้นนางจึงพยายามทําลายความอึมครึม“พี่ใหญ่หยุนเจ้าวางแผนจะปลูกผักชนิดใด?”

เป็นครั้งแรกที่หยุนเคอพูดขณะรับประทานอาหารโดยไม่ห่วงภาพพจน์“แค่ปลูกถั่วกับแตงกวาแบบนี้ก็ไม่เลว!”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าแม้ว่าตอนนี้จะพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปลูกถั่วและแตงกวาไปแล้วก็ตามแต่ถึงอย่างไรในฤดูใบไม้ร่วงถั่วและแตงกวาก็ไม่ได้ขาดแคลน!

“ดีเลย! แต่แค่สองอย่างในจานนี้เองหรือ?”

หยุนเคอหยุดมองหยุนเถียนเถียนด้วยสายตาจริงจัง “เจ้าปลูกอะไรก็ได้ที่เจ้าชอบ”

หยุนเถียนเถียนนิ่งเงียบ

“เช่นนั้นก็ปลูกบ้างเถิด!”

หยุนเสียนเถียนก้มศีรษะลงเพื่อทานอาหารขณะพูด

จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา!

ผ่านมานาน กินข้าวด้วยกันมามากกว่าหนึ่งหรือสองมื้อ!

หยุนเคอดูเหมือนจะไม่ชอบกินผัก เขาชอบกินเนื้อไม่ใช่หรือ? เมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มเปลี่ยนนิสัยการกิน?

ทันใดนั้น หยุนเถียนเถียนก็เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัยอย่างนั้นหมายความว่า ทั้งหมดนี้เพื่อนางไม่ใช่เพื่อตัวเขาเองนั่นเป็นเหตุผลที่เขากําลังเตรียมทําการเพาะปลูกใช่หรือไม่?

แต่เมื่อเห็นหยุนเคอกินถั่ว หยุนเถียนเถียนก็ปฏิเสธความคิดก่อนหน้านี้ของนางทันที

ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะค้นพบว่าผักสีเขียวนั้นอร่อยเขาจึงเปลี่ยนไป

แต่ชายผู้นี้จะปลูกผักได้หรือ?

หยุนเวียนเถียนคิดเช่นนั้นในใจอยู่สักพักจึงกล่าวคําออก“พี่ใหญ่หยุนเจ้าปลูกผักเป็นหรือ?”

หยุนเคอส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว และหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

แม้ว่าสถานะเดิมของเขาจะไม่เป็นที่โปรดปราน แต่เขาก็มีเกียรติเช่นกัน!เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าการเกษตรเหล่านี้ทําอ ย่างไร?

ต่อให้ตกต่ําจนกลายเป็นพรานป่าบนภูเขา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเกษตรในหมู่บ้านเท่าไหร่นัก!

หยุนเถียนเถียนก็เห็นอีกว่าหยุนเคอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยและเมื่อเขายื่นตะเกียบไปคืบผักมือของเขาก็แข็งเกร็งเล็กน้อย!

ดังนั้นจึงคิดอย่างมีน้ําใจแก่เขา “ช่างเถิด ข้าจะสอนเจ้าเอง!”

หยุนเคอรู้สึกดีขึ้นมาทันที หญิงผู้นี้ยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง

หลังมื้ออาหาร เฉินเฉินเก็บตัวอยู่ในห้องของเขาและเริ่มจัดของสําหรับไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้!

หยุนเคอไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แม้ว่าจะนั่งอยู่ที่ขอบโต๊ะแต่ดวงตาของเขาก็ยังคงมองตามหญิงสาวเดินไปเดินมารอบ

หยุนเถียนเถียนล้างจานและตะเกียบจากนั้นก็เดินออกไปที่ลานบ้าน

หยุนเคอรีบตามไปและถามขึ้น “เจ้าจะทําอะไร?”

“ในเมื่อท่านเตรียมที่ดินไปมากแล้ว แต่ที่บ้านไม่มีเมล็ดพืชเลยข้าคิดว่าน่าจะมีคนในหมู่บ้านที่เก็บไว้บ้างเลยจะไปขอแบ่งมามีอะไรหรือ?”

หยุนเคอรู้สึกวุ่ยวายใจกับตัวเองเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ก้มศีรษะลงและไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

เอาเถอะ แม้ว่าคนผู้นี้จะแปลกไปสักหน่อย แต่หยุนเวียนเถียนก็ไม่ได้คิดมากก่อนจะเดินออกจากประตูไปอย่างรวด เร็ว

แม้ว่าหลี่เสี่ยวเหอจะพูดง่าย แต่ว่าแม่สามีนางไม่ค่อยดีนักเช่นนั้นก็ไปหาจี้ชื่อดีกว่า

ในเวลานี้ จีชื่อเพิ่งกลับจากทุ่งนา กินข้าวเสร็จก็วางแผนว่าจะพักสักหน่อยก่อนจะออกไปตัดฟื้น

นางก็เหมือนคนอื่นในหมู่บ้านและหยุนเถียนก็ให้ความสําคัญกับฟื้นของครอบครัวนางเสมอ

ตอนที่หยุนเถียนเถียนเดินเข้ามานั้น เฉินผิงเหอกําลังล้างหน้าอยู่

“ลุงใหญ่!”

เฉินผิงเหอหันขวับตามเสียง ” เถียนเถียน! เจ้ามาทําอะไรที่บ้านลุงหรือ?”

หลานสาวคนนี้มักรู้สึกว่าชีวิตตนต่ําต้อยเสมออีกทั้งเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น เฉินผิงเหอไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะรับมือกับหลานสาวตัวน้อยนี้อย่างไร

“หยุนเคอขุดแปลงดินหลังสวน ข้าจึงมาดูว่าลุงพอจะมีเมล็ดพืชบ้างหรือไม่?ปลูกเองน่าจะดีกว่าต้อ งคอยแลกเปลี่ยนอาหารกับชาวบ้านตลอดเวลามันไม่ค่อยสะดวกนัก”

เฉินผิงเหอยิ้ม “ถ้าเจ้าอยากกินผักก็แค่มาที่บ้านลุงเหตุใดต้องไปแลกเปลี่ยนอาหาร? ก็แค่ผักที่กินกันในบ้านเท่านั้น ลุงจะให้เจ้าไม่ได้เชียวหรือ?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอ่อน “บ้านของท่านลุงเองก็มีคนมากมายแปลงผักเล็กๆนั้นไม่เพียงพอหรอกหลานไม่อยากรบกวนอย่างไรเสียที่ดินก็ถูกขุดไปแล้วเหตุใดไม่แบ่งเมล์ ดพันธ์ให้ข้าขอแค่ที่มีจะเป็นผักชนิดใดก็ไม่สําคัญ”

“เรื่องเล็กน้อย ป้าสะใภ้ใหญ่ของเจ้ามักจะเตรียมไว้เพื่อเสมอแม้จะรู้ว่าบ้านของนางมีที่ดินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเดี๋ยวข้าหาให้เจ้าเอาไปได้หมดเลย!ว่าแต่… เจ้ากินข้าว มาหรือยัง?”

“กินมาแล้วเจ้าค่ะ!”

เฉินผิงเหอเปิดประตูเสียงดังและตะโกนเข้าไปในห้องครัว”จี้หง! จี้หง!”

นางจีรีบวิ่งออกไป “ตะโกนอะไร? ตะโกนหาวิญญาณหรือ!”

เฉินผิงเหอรู้สึกอับอายต่อหน้าหลานสาวหน้าแก่ๆของเขาแดงขึ้น!

“ดูเจ้าสิ! น่าอายอะไรเช่นนี้ หลานสาวของข้าต้องการเมล็ดพันธุ์ผักในบ้านพวกเรายังมีเหลืออีกมากหรือไม่? เอามันออกมาให้นางเถิด”

เมื่อเห็นหยุนเสียนเถียน นางงี้ก็รู้สึกอับอายจึงระงับอารมณ์ฉุนเฉียวของตนและพูดด้วยรอยยิ้ม ” เถียนเถียน!เจ้ากินข้าวหรือยัง? หากยังไม่ได้กินก็มากินที่บ้านป้า!”

“ป้าใหญ่! ข้ากินแล้ว ท่านไม่ขออะไรอย่างอื่นเลยหรือ?”

จี้ชื่อพูดอย่างจริงใจ “มันก็แค่เมล็ดพืชที่ไม่จําเป็นไม่คุ้มที่จะต้องจ่ายเงินเจ้าเอาไปทั้งหมดได้เลย”

จี้ชื่อกล่าวขณะหันหลังเข้าไปในห้องพื้นข้าง ๆ