วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ออสตินสร้างปัญหาในการล่าเซธ ภายในห้องที่มีผู้หญิง 4 คนอยู่ แต่ละคนนั้นต่างทรงพลัง, งดงาม และมีออร่าที่ท่วมท้น แต่ละคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งหันหน้าเข้าหากัน หนึ่งในนั้นมีผมยาวสีดำและดวงตาสีดำเข้ม ใบหน้างดงามมีออร่าสง่างาม

ซึ่งแตกต่างจากตัวตนปกติของเธอที่ปัจจุบันเธอไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้าใดๆ เอเลเนอร์มองผู้หญิงที่คุ้นเคยที่กำลังนั่งอยู่รอบตัวก่อนจะพูดขึ้น

“เห้อออ…..ทำไมเธอถึงเรียกประชุมหล่ะนาเรีย? เธอก็รู้ว่าตอนนี้พวกเราต่างกำลังยุ่งกันหมด”

ผู้หญิงที่เอเลนอร์พูดด้วยมีผมสีดำและสีน้ำตาลผสมผสานกับดวงตาสีพีชเป็นประกายซึ่งดูเหมือนจะมีภูมิปัญญาอันลึกซึ้ง ร่างกายเซ็กซี่ของเธอถูกซ่อนไว้ด้วยชุดจอมเวทย์ เธอคือ นาเรีย วิลเลียนเนีย หัวหน้าคนปัจจุบันของหอคอยจอมเวทย์และเป็นหนึ่งใน จอมเวทย์ชั้นนำของโลก แถมเธอยังเป็นอาจารย์ของมิร่าอีกด้วย

“โอ้วว ใจเย็นสิเอเลนอร์ เธอไม่ต้องแข็งกระด้างเสมอไปก็ได้ หลังจากที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกศิษย์ของเธอทำ ฉันต้องบอกเลยว่ามันน่าอิจฉานิดหน่อยเลยนะ ลูกศิษย์ของเธอดูเหมือนจะทำให้เรื่องนักธนูถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาเรีย เอเลนอร์ก็ไม่ได้มีท่าทางอะไรออกมาภายนอก แต่ภายในเธอกำลังดีใจและมีความสุขอยู่ เมื่อนึกถึงใบหน้าคนรักของเธอก็ทำให้เธอรู้สึกกระชุ่มกระชวยใจ แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้พบกันตลอดเวลา แต่ก็ยังติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว

เอเลนอร์ไม่เคยคิดว่าการตกหลุมรักใครซักคนมันจะดีขนาดนี้เลย เมื่อใดก็ตามที่เธออยู่คนเดียวภาพของออสตินดูเหมือนจะเติมเต็มหัวใจและความคิดของเธอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเคยกังวลเกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่หอมหวานกว่าเดิมในตอนที่เธอนึกถึงเขา

ความคิดของเธอเกี่ยวกับเขาเพิ่มขึ้นทุกวันแม้ว่าเธอจะอยู่ห่างจากเขาก็ตามและเมื่อใดก็ตามที่เขาติดต่อเธอช้า จิตใจของเธอก็มักจะยุ่งเหยิง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่เธอต้องพบเจอกับอารมณ์ที่หลากหลายพร้อมกัน

ยิ่งกว่านั้นในตอนที่เธอได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำให้ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นด้วยความกระตือรือร้นและภาคภูมิใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอถึงกับแอบสั่งวิดีโอที่บันทึกภาพของเขาเอาไว้ด้วย โดยวางแผนที่จะดูพวกมันในยามว่าง

“แน่นอนอยู่แล้วลูกศิษย์ของฉันเก่งที่สุด”

แม้ว่าเอเลนอร์จะพยายามวางตัวเป็นกลาง แต่ใบหน้าของเธอก็ยกยิ้มอย่างน่ารักโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อเห็นแบบท่าทางของเธอผู้หญิงที่เหลือในห้องก็ประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้เห็นเอเลนอร์ยิ้มอย่างอิ่มอกอิ่มใจแบบนี้ ปกติเอเลนอร์มักจะยิ้มเสแสร้งบนใบหน้าของเธอเสมอ

“ดูเหมือนเธอจะหวงเขามากเลยนะ”

คนที่พูดครั้งนี้อายุ 12 ปี ไม่สิ จะเหมาะสมกว่าถ้าจะบอกว่าเธอดูเหมือนเด็กอายุ 12 ปี ร่างกายของผู้หญิงตัวเล็กกระทัดรัดคนนี้มีผมสีพีชและดวงตาสีแดงเพลิง ใบหน้าของเธอคือนิยามของคำว่าน่ารัก

นัยน์ตาของเด็กสาวดูเปล่งประกายด้วยสติปัญญาขณะที่เธอมองเอเลนอร์อย่างซุกซน แต่ในไม่ช้าเธอก็สะดุ้งเมื่อเห็นดวงตาเย็นชาของเอเลนอร์

“ซีช่า เธออย่าได้กล้าแม้แต่คิดที่จะทำอะไรเขาหล่ะ มิฉะนั้น ฉันจะยิงธนูใส่ร่างเธอแน่”

“ใจเย็นก่อน…อึ๊ก….เป็นไรกันพวกเธอทำเสียงดังขนาดนี้….อึ๊ก….พวกเธอกำลังปั่นป่วนหัวฉันอยู่…..อึ๊ก”

คนที่พูดตอนนี้เป็นผู้หญิงที่มีผมสีทองและดวงตาสีทองสว่าง ใบหน้าของเธอสวยงามในขณะที่ร่างกายของเธอเรียวและกระชับ เธอสวมเครื่องป้องกันและดาบที่เอวของเธอ มีท่าทางเมามายในดวงตาของเธอ

“เห้อออ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะวัลเลเซีย? เห็นแก่พระเจ้าที่ให้เธอเป็นนักบุญแห่งดาบ อย่างน้อยก็ทำตัวให้เหมาะสมหน่อยสิ เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ผู้คนกำลังเรียกเธอว่านักบุญขี้เมาหน่ะ?”

นาเรียพูดพร้อมกุมหัวของเธอ

“หืม? ทำไมฉันต้องสนใจด้วย….อึ๊ก….ว่าอะไรที่คนอื่น…อึ๊ก….คิดเกี่ยวกับฉัน?”

“อุ๊ค…เธอนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

นาเรียทำได้เพียงส่ายหัวเมื่อมองดูการชุมนุมครั้งนี้ คนในห้องนี้เป็นหนึ่งในจักรพรรดิหญิงเพียงไม่กี่คน แต่สองคนก็มีนิสัยไม่ดีต่อกัน ในขณะที่อีกคนเมาหัวราน้ำ นาเรียทำได้เพียงส่ายหัวขณะที่เธอเริ่มเข้าสู่ประเด็นที่จริงจังมากขึ้น

“ยังไงก็เถอะที่ฉันเรียกพวกเธอทุกคนนั้นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของสาธารณรัฐคอร์รัปชั่น”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาเรีย ทุกคนในห้องก็เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที ในไม่ช้าใบหน้าที่ดูขี้เมาของวัลเลเซียก็หายไป

“เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อได้ยินคำถามของวัลเลเซีย นาเรียก็พูดต่อ

“ฉันไม่รู้อะไรมากนัก แต่พวกเธอคงสังเกตเห็นเหตุการณ์ความไม่สงบหลายครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาใช่ไหม?”

ไม่มีใครพูดอะไร แต่พวกเธอทั้งหมดต่างก็พยักหน้ากัน 

นาเรียพูดต่อ

“ฉันได้รับการติดต่อจากจักรพรรดิที่เก่าแก่กว่ามากแล้ว หนึ่งในนั้นได้ทำการทำนายและคาดการณ์ว่าโลกแห่งเลือดอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้ แต่จะต้องมีการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในอนาคต”

“เราควรทำอะไรกัน?”

เอเลนอร์ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ไม่ต้องทำอะไร”

“ห้ะ?”

อีกสามคนมีปฏิกิริยาประหลาดใจกับคำตอบของนาเรียก่อนที่เธอจะอธิบาย

“ตอนนี้เราควรสงบสติอารมณ์ ศัตรูของเราอยู่ในเงาในขณะที่เราอยู่ในแสงสว่างและยังมีคนอื่นๆ ที่ทำงานเพื่อผู้คนซึ่งดีกว่าเรามาก สำหรับตอนนี้เราเพียงแค่ต้องรอช่วงเวลาที่เหมาะสม”

ขณะที่นาเรียกำลังให้คำแนะนำเฉพาะพวกเธออยู่ ในที่ซึ่งห่างออกไปในห้องมืดอีกห้องหนึ่ง มีร่าง 8 ร่างกำลังนั่งอยู่ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นใครเนื่องจากมีเสื้อคลุมสีเข้มคลุมร่างอยู่

“ใช่เขาไหม?”

เสียงหนึ่งพูดขึ้นจากคนทั้งแปด เสียงของเขาแหบพร่าจนทำให้ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถระบุเสียงของเขาได้

“ใช่ เขาคือคนๆ นั้น เราต้องทำการปล้นครั้งนี้”

อีกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“เป็นเรื่องดีที่เราพบเขาเร็วขนาดนี้ ถ้าช้ากว่านี้ ปัญหาอาจจะตามมามากกว่านี้”

“แน่นอนว่าเขาต้องถูกนำออกมา เจ้าสามารถใช้ตัวประกันสำคัญคนหนึ่งในสถาบันได้ แต่งานนี้ต้องทำให้เสร็จ”

“ถือว่าเรียบร้อย”

หลังจากที่คนสุดท้ายพูดจบ เขาก็มองไปที่รูปของเด็กชายที่อยู่ตรงกลางโต๊ะและรูปนั้นเป็นของออสติน!

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต