จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 104

” ตัวบัดซบฉินเทียน รับความตายซะ!” หยางเปียวคําราม

หยางคุนที่อยู่อีกด้านหนึ่งแสยะยิ้มเย็น บรรยากาศรอบตัวเขาพลันเย็นยะเยือกลงราวกับจะมีสิ่งชั่วร้ายปรากฏกาย พลังปราณสีดําถูกเขารวบรวมไว้ในฝ่ามือ สะบัดแขนเสื้อเบาๆคราหนึ่ง ปราณสีดํานั้นก็แพร่กระจายไป อากาศบริเวณที่ถูกปราณสีดําแพร่ผ่านพลันเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนรุนแรง ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ใกล้เคียงล้วนเที่ยวเฉาลงทันควัน

“พิษ!”

ฉินเหลียนหน้าแปรเปลี่ยน นางพลันประสานท่ามือเป็นดอกบัว “เคล็ดพุทธะ เครื่องรางชําระล้าง…”

เครื่องรางชิ้นหนึ่งถูกโยนขึ้นฟ้าก่อนจะมีหยาดฝนตกลงมาชําระล้างปราณทมิฬ

หัวใจของหยางคุนบีบรัด แต่ปากก็ยังส่งเสียงหัวเราะออกไป “ศิษย์นิกายจิงซิน?”

สายตาพลันจับจ้องมองฉินเหลียนก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ดูชั่วช้าออกมา “ว่ากันว่านิกายจิ งซินล้วนเต็มไปด้วยหมู่มวลดอกไม้งาม เรื่องนี้นับว่าไม่ผิดจริงๆ นางงามน้อย เจ้าต้องการร่วมรักกับข้าหรือไม่? ฮ่าๆ… ”

ฉินเหลียนเดือดดาลแล้ว ขณะที่นางกําลังจะลงมือ นางก็พบว่าฉินเทียนที่เคยอยู่ด้านข้างได้หายตัวไป พริบตาถัดมาการโจมตีของฉันเทียนก็บรรลุถึงเบื้องหน้าหยางคุนแล้ว

หยางคุนส่งเสียงหัวเราะพลางแปลงกายเป็นหมอกดําหลบหลีกไป “จุ๊ๆ นี่มันอะไรกัน หรือ นางเป็นผู้หญิงของเจ้า?”

“แม่นาง ความรักนวลสงวนตัวของเจ้ามันมันไปอยู่ที่ไหนกัน? ในเมื่อเจ้าไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจล่ะ”

“วิญญาณร้ายจงปรากฏ…”

หยางคุนแค่นเสียงก่อนที่กระโหลกเปื้อนเลือดสามกะโหลกจะปรากฏขึ้นมา กะโหลกเหล่านี้ล้วนอันแน่นไปด้วยพลังงานชั่วร้ายพร้อมส่งเสียงชวนขนหัวลุกออกมาตลอดเวลา กะโหลกทั้งสามพุ่งปราดเข้าใส่ฉินเหลียนอย่างรวดเร็ว

สํานักยินชาน สํานักที่เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งคนตาย กะโหลกศีรษะทั้งสามนี้ล้วนกลั่นขึ้นจากกะโหลกศีรษะของผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณ พวกมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตอนที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่เลย

เห็นฉินเหลียนถูกหยามเกียรติอีกครั้ง ฉินเทียนก็ไม่อาจสะกดอดกลั้นอีกต่อไป “มีพลังกระจ้อยร่อยแค่นี้ก็ยังกล้านําออกมา เจ้าคงยังไม่รู้ว่าสวรรค์นั้นสูงเพียงใด”

เทียบกับพลังชั่วร้ายที่ปีศาจเก้าสวรรค์มีแล้ว พลังชั่วร้ายของหยางคุนก็ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ฉินเทียนไม่ให้ค่าพลังระดับนี้แม้แต่น้อย

“เทียนน้อย ให้ข้าจัดการเขาเอง” ฉินเหลียนกล่าวอย่างสงบเยือกเย็น นางพอมีความ เข้าใจเกี่ยวกับสํานักยินชานอยู่บ้าง เผชิญหน้ากับพลังที่มีแนวทางชั่วร้ายแบบนี้ เคล็ดพุทธะของนิกายจิงซินนับว่าเหมาะที่จะจัดการที่สุด นอกจากนั้นนางย่อมต้องการให้ฉุนเทียนเก็บออมพลังเอา

“บัวแห่งพุทธะ…”

ดอกบัวเจ็ดกลีบสองดอกก่อขึ้นในร่างกายของนางก่อนจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเปล่งแสงออกมา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาแฝงไว้ด้วยพลังที่บริสุทธิ์ พลังชั่วร้ายของหยางคุนค่อยๆถูกสะกดข่มลง

เมื่อกะโหลกเลือดทั้งสามเริ่มเสียเปรียบ ใบหน้าของหยางคุนก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดก่อนจะตะโกนออกมา “คิดไม่ถึงว่านางจะฝึกวิชาบัวแห่งพุทธะของนิกายจิงซินด้วย ดูเหมือนศักดิ์ฐานะของนางในนิกายจิงซินจะไม่ต่ำทราม ผู้ที่ช่วยฉันเทียนออกไปสมควรเป็นนางเอง หากไม่จัดการนางเสียแต่เนิ่นๆคงกลายเป็นเภทภัยไม่สิ้นสุด”

จากนั้นหยางคุนก็ตะโกนออกมา “พี่ใหญ่ ฆ่าเจ้าสารเลวนั่นก่อน”

หยางเปียวรอคํานี้มานานแล้ว กระดูกของเขาลั่นเกรียวกราว กล้ามเนื้อทั่วร่างขยายตัวขึ้น ที่ด้านหลังของเขาพลันปรากฏเงาร่างของผู้พิทักษ์วัชระที่มีใบหน้าดุร้ายขึ้น ในฝ่ามือถือไว้ด้วยประคําสีเลือดพวงหนึ่ง มือทั้งสิบประนมไว้กลางอกพร้อมกล่าวคําออกมาด้วยเสียงไร้อารมณ์ ”อามิตตาพุทธ

ผู้พิทักษ์วัชระ!

ครืน………

หยางเปียวในเวลาพุ่งทะยานออกไปราวกับโคถูก ทุกก้าวที่เหยียบลงพื้นจะเกิดเป็นแผ่นดินไหวขึ้นคราหนึ่ง แผ่นหินที่รองรับล้วนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยศิษย์สายในของสํานักคลั่งสังหารล้วนฝึกฝนในเต๋าแห่งการฆ่า ใช้การฆ่าเพื่อยกระดับฝีมือ

“เต๋าแห่งการฆ่า?”

“บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง”

พื้นที่แถบนั้นสว่างวาบขึ้นคราหนึ่ง

สายฟ้าจากสวรรค์ลากผ่าลง ที่ด้านหลังของฉันเทียนปรากฏร่างของเทพดุร้ายโบราณ เมื่อจุติแล้วก็ไม่รอช้า เทพดุร้ายพลันโจมตีไปทางหยางเปียว

หากเทียบกันในด้านเต๋แห่งการฆ่าแล้ว ฉินเทียนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่แพ้ผู้ใด

พลังปราณหลั่งไหลจากจุกตันเถียน ควบแน่นกลายเป็นขวานขึ้นเล่มหนึ่ง ขวานนั้นผ่าฟันลงพร้อมบังเกิดแสงสีม่วงตรงไปยังร่างของหยางเปียว

“หึหึหึ” หยางคุนแสยะยิ้ม “ทุกอย่างเป็นไปดังคาด”

ทันใดนั้น จู่ๆกะโหลกเลือดที่แต่เดิมมีอยู่สามพลันเพิ่มขึ้นเป็นหก กะโหลกเหล่านั้นพลันอ้าปากพุ่งพรวดไปทางฉินเทียน

“หาที่ตาย”

” พลังมังกรพิสุทธิ์ พลังไร้ลักษณ์ ทลาย…”

เคล็ดวิชามังกรฟ้านับเป็นดาวข่มของสิ่งชั่วร้าย พลังงานไร้ลักษณ์ได้ก่อตัวขึ้นกลายเป็นมังกรครามพุ่งเข้ากัดกินกะโหลกทั้งสามจนพวกมันหวีดร้องออกมา

“ระเบิด!”

บึ้ม บึ้ม บึ้ม.

ใบหน้าของฉินเทียนฉายแววฆ่าฟันยามที่มองไปยังหยางคุน ” พลังชั่วร้ายของเจ้าก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่”

กล่าวจบ ฉินเทียนก็ปล่อยมาวมาวที่เข้าสู่ร่างต่อสู้ทันที่ออกมา มาวมาวพลันกระโจน เข้ารับมือกับหยางเปียวอย่างรู้งาน

เพลิงปราณสีม่วงลุกโชนในมือของฉันเทียนก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นหอกสีดําอมม่วงด้ามหนึ่ง ฉินเทียนฉีกยิ้มเย็นก่อนกู่ร้อง พลังของคชสารโบราณถูกรั้งรวมไปไว้ที่สองมือ ทั่วร่างยังพลังมังกรฟ้าคลี่คลุมกายอีกชั้นหนึ่ง ฉินเทียนที่ตอนนี้มีพลังเปี่ยมล้นพลันทะยานร่างออกไปพร้อมกับหอกในมือ

หยางคุนหน้าเปลี่ยนสี เหงื่อกาศเริ่มหลั่งไหลไม่หยุด

กระทั่งกะโหลกของผู้บ่มเพาะระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณก็ยังไม่อาจทําอย่างไรต่อฉุนเทียน นั่นมันทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเก็บซ่อนไว้เชียวนะ!

เมื่อเห็นร่างของฉันเทียนหายวับไป หัวใจของเขาก็ดิ่งวูบ เวลานั้นเขาจึงกรีดร้องออกไปสุดเสียง “พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย!”

“ช่วยเจ้า?” ในพริบตาถัดมา ฉินเทียนก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหยางคุน “สายไปแล้ว”

หอกในมือพลันพุ่งทะลวงร่างของหยางคุนอย่างไม่รีรอ

ฉั๊วะ…

“เกราะวิญญาณ?” ฉินเทียนยิ้มยินดี เขาเก็บหอกกลับไป ก่อนจะบีบกะโหลกศีรษะของหยางคุน จากนั้นจึงหันไปมองดูการต่อสู้ระหว่างมาวมาวและหยางเปียว เขาแค่นเสียงคําหนึ่ง

“ตาย!”

“น้องสี่!”

หยางเปียวกรีดร้อง ความโกรธแค้นได้ผลักดันให้ทั่วร่างของเขาปูดโปนราวกับมีตะ ขาบวิ่งพล่านอยู่ในเส้นเลือด

ความตายของหยางคุนทําให้ฉินเทียนได้รับสิ่งของมาไม่น้อย หากแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาตรวจดู

“รายต่อไปคือเจ้า หยางเปียว…..”