บทที่ 99 ดอกกุหลาบ

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 99 ดอกกุหลาบ

หลังงานประมูลวัตถุโบราณสิ้นสุดลง หลังจากนั้นก็คืองานเลี้ยงช่วงค่ำ หลังงานเลี้ยงช่วงค่ำก็จะเป็นงานประมูลหินหยาบ

หินหยาบกับวัตถุโบราณ ขั้นของทั้งสองชนิดนี้ไม่เหมือนกัน เทียบกันได้กับกู่มู่สวีนที่เป็นปรมาจารย์วัตถุโบราณ ทว่าความรู้ความสามารถด้านหินหยาบนั้นกลับไม่กระจ่างนัก ความรู้ส่วนมากก็เป็นเพียงแค่หินหยกไม่กี่ประเภทเท่านั้น ทุก ๆ คนส่วนมาก ณ ที่แห่งนี้เองก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยที่จากไปแล้ว ทั้งก็มีคนหน้าใหม่เข้ามากันเยอะมากด้วยเหมือนกัน

ซูเคอย่อมอยู่ข้างกายมู่เซิ่งมาโดยตลอดอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

หลังได้เห็นมู่เซิ่งเล่นลูกไม้อวดฝีมือไปแล้ว ซูเคอก็ยิ่งมีท่าทีเคารพต่อเขามากยิ่งขึ้น

ในงานเลี้ยงช่วงค่ำ ซูเคอได้จัดแจงโต๊ะอาหารที่หรูหราที่สุดให้กับมู่เซิ่งมาหนึ่งโต๊ะแล้ว

“อาจารย์คะ คุณสุดยอดมากจริง ๆ ค่ะ แต่สุดท้ายแล้วคุณดูออกได้อย่างไรหรือคะว่าไม้นั่นคือไม้กฤษณา เห็น ๆ อยู่ว่ามันซ่อนอยู่ในม้วนภาพไม่ใช่หรือคะ แถมยังใช้ภาพผ้าห่อเอาไว้ด้วย เดิมทีก็แยกแยะไม่ออกเลยนะคะ” กู่ชิงเสวียนสบตามองมู่เซิ่งด้วยความสนใจระคนประหลาดใจเต็มใบหน้า

“ฉันก็แค่โชคดีเท่านั้น ถ้าให้กล่าวถึงความสามารถจริง ๆ แล้วละก็ เป็นท่านกู่ต่างหากที่ยอดเยี่ยม” มู่เซิ่งยกยิ้มพลางส่ายศีรษะ ก่อนจะกล่าวคำออกมา

“แคก ๆ”

สีหน้าของกู่มู่สวีนแดงระเรื่อทันที ตั้งแต่ต้นจนจบ ความสนใจของเขาล้วนอยู่บนม้วนภาพนั่นมาโดยตลอด หากไม่ใช่เพราะมู่เซิ่งตักเตือนแล้วละก็ เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจเจ้าไม้นี่เลย มู่เซิ่งกล่าวมาเช่นนี้ ทั้งก็ทำให้เขาหักหน้าแก่ ๆ

สัมผัสถึงความเก้อเขินของคุณปู่ได้ กู่ชิงเสวียนจึงอดที่จะหัวร่อออกมาไม่ได้

“พี่มู่ ผมคารวะพี่หนึ่งแก้วครับ อีกประเดี๋ยวถึงตอนเลือกหินหยาบแล้ว หวังว่าพี่จะสามารถออกความเห็นนิดหน่อยได้นะครับ ไม่ต้องเยอะมากหรอกครับ เอาแค่ให้ผมสามารถมีคำอธิบายให้กับพ่อผมได้สักหนึ่งอย่างก็พอแล้วละครับ” ซูเคอยกแก้วไวน์ขึ้นมา สบตามองไปยังมู่เซิ่งด้วยสีหน้าคาดหวังเฝ้ารอ

“ฉันจะพยายามให้สุดความสามารถก็แล้วกันนะ” มู่เซิ่งพยักหน้า ไม่ได้กล่าวคำมาก

“จริงสิ อาจารย์คะ กล่องไม้นั่นของคุณละคะ คงจะไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรเหมือนกันหรอกใช่ไหมคะ?”

กู่ชิงเสวียนจิบไวน์ไปหนึ่งอึก ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย จู่ ๆ ก็เอ่ยถามออกมา

มู่เซิ่งชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งทันที พูดตามตริง สัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นแม่นยำเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่ออกว่ารายละเอียดในกล่องคือสิ่งของอะไรกันแน่ก็ตาม ทว่าอ้างอิงจากการคาดเดาแล้ว ในกล่องไม้จะต้องซ่อนของล้ำค่าเป็นอย่างมากอย่างหนึ่งแน่นอน หากหยิบออกมาแล้วละก็ เกรงว่าจะทำให้ทั้งเจียงหนานต้องตกตะลึงเป็นแน่ มู่เซิ่งจึงกล่าวว่าไม่ทิ้งร่องรอยว่า “นี่เป็นแค่ของที่ฉันหยิบติดมือมา มีค่าไม่เป็นเงินไม่เท่าไหร่”

“เอาเถอะค่ะ”

กู่ชิงเสวียนเองก็ไม่ได้ไล่ตามมากเช่นเดียวกัน

หากมู่เซิ่งหยิบของล้ำค่าได้ทุกชิ้นอยู่ร่ำไป เช่นนั้นก็เป็นเรื่องประหลาดแล้วน่ะสิ

ช่วงเวลารับประทานข้าว กู่มู่สวีนได้รับโทรศัพท์หนึ่งสาย ทราบว่าหอเฉียนเป่าเกิดเรื่องราวขึ้นเล็กน้อย หลังกล่าวกับมู่เซิ่งไปหนึ่งเสียงก็ลุกขึ้นจากไปก่อนแล้ว

หลังดื่มไวน์ไปสามรอบ

“คุณหนูครับ มีคนส่งดอกกุหลาบให้คุณครับ”

ในตอนนั้นเอง มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหา

เขาถือดอกกุหลาบแดงสดอยู่ช่อหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหน้ากู่ชิงเสวียน โค้งคำนับพลางกล่าว

“ดอกไม้ใครส่งมาให้หรือ?”

ซูเคอขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที ภายใต้การสั่งสอนหลายต่อหลายครั้งของกู่ชิงเสวียน ซูเคอจึงนับถือและมองว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นดอกไม้ช่อนี้แล้ว ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือโมโห!

หมายความว่าอย่างไร?

พี่ใหญ่ของตนเองยังอยู่ที่นี่ แต่ยังมีคนกล้าส่งดอกไม้ให้กับพี่สะใภ้ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?

“ใครให้คุณมาส่งดอกไม้กันคะ? ฉันไม่ต้องการค่ะ คืนกลับไปเลยค่ะ!”

กู่ชิงเสวียนกล่าวอย่างเย็นชา

“เป็นคุณผู้ชายท่านนั้นที่ส่งมาครับ เขาบอกว่าเป็นคนที่ตามจีบคุณครับ” พนักงานยังคงถือดอกไม้เอาไว้อยู่ กล่าวอย่างระมัดระวัง

ใบหน้าของซูเคอเย็นชาขึ้นทันที ก่อนจะสบตามองไปยังสถานที่ที่พนักงานได้กล่าวเอาไว้ เห็นเพียงแค่ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสูทดูดียืนอยู่ตรงนั้น ในมือของเขามีกุหลาบแบบเดียวกันอยู่หนึ่งดอก ก่อนจะเดินมุ่งหน้าตรงมาหากู่ชิงเสวียน

“ชิงเสวียน ไม่พบกันนานเลยนะครับ”

ชายหนุ่มกล่าว

“เสิ่นต้วนยู่ คุณมาทำบ้าอะไรที่นี่?”

ซูเคอเห็นชายหนุ่มคนนี้แล้ว จึงกล่าวอย่างเย็นยะเยือก

“ในฐานะที่เป็นผู้ตามจีบคุณหนูกู่ ทำไมผมจะมาที่นี่ไม่ได้? เพราะในเมื่อระยะนี้คุณก็ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ มาตลอด ทำไมครับ ไม่คิดอยากที่จะจีบคุณหนูกู่แล้วหรือครับ?” เสิ่นต้วนยู่เองก็เป็นสมาชิกของตระกูลร่ำรวยชั้นหนึ่งเช่นเดียวกัน ในตระกูลล้วนสนับสนุนให้เขาตามจีบกู่ชิงเสวียนกันทั้งนั้น ทั้งสองตระกูลใหญ่มีงานแต่งงานเพื่อนเชื่อมสัมพันธ์กันอยู่ ดังนั้นเมื่อเทียบกับซูเคอในช่วงเวลานี้แล้วนั้น จึงมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม

“คุณหนูกู่มีคนที่ชมชอบไปเรียบร้อยแล้วครับ นั่นก็คือพี่ใหญ่ของผม! ผมแนะนำว่าคุณอย่ามาทำลายความสนใจของเธอจะดีกว่า!” ซูเคอจ้องเขม็งไปยังเสิ่นต้วนยู่หนึ่งหนพลางกล่าว

“คุณนับถือพี่ใหญ่คนหนึ่งไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เสิ่นต้วนยู่อดที่จะหัวร่อไม่ได้

ก่อนหน้านี้ตอนที่แย่งชิงกู่ชิงเสวียนกันกับซูเคอ เขาเป็นคนที่หยิ่งทะนงเป็นอย่างมากเลยเชียวนะ เดิมทีก็ไม่ยอมถอยให้ แต่ผลสุดท้ายเพียงแค่ไม่พบหน้ากันช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่กลับปอดแหกเสียแล้วอย่างนั้นหรือ? แถมยังนำผู้หญิงที่ตามจีบให้กับพี่ใหญ่อีก?

สายตาของเขามองไปยังมู่เซิ่ง ผู้ที่อยู่ทางด้านหลังกำลังสวมใส่ชุดมีแบรนด์ปลอมเปลือกทั้งร่าง รูปโฉมสามัญธรรมดา เมื่อคิดได้ในทันทีแล้วว่าซูเคอกลับยอมรับคนพรรค์นี้เป็นพี่ใหญ่ ไม่นานนักในสายตาของเสิ่นต้วนยู่จึงมีความเหยียดหยามสายหนึ่งทันที

หลังพบว่าผู้ที่อยู่ทางด้านหลังกำลังจ้องมองตนเองอยู่ตลอด มู่เซิ่งเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปก่อน ก่อนจะกล่าวทักทายว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อว่ามู่เซิ่ง”

“มู่เซิ่งหรือ? ไอ้ลูกเขยขยะคนนั้นของตระกูลเจียง?” เสิ่นต้วนยู่พลันชะงักนิ่งไปทันที

ไอ้ขยะอันดับหนึ่งของตระกูลเจียง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบหน้าค่าตาของฝั่งตรงข้าม ทว่าหลังได้ยินชื่อเสียงเรียงนามแล้ว เสิ่นต้วนยู่จึงนึกออกได้ในช่วงแรกทันที

“เป็นผมเองครับ”

มู่เซิ่งพยักหน้าให้อย่างเย็นชา ไม่ได้สนใจอะไร

“เหอะ ๆ ที่แท้ก็เป็นคุณไอ้แมงดาคนนั้นสินะ ผมชื่อเสิ่นต้วนยู่ เป็นผู้สืบทอดของตระกูลเสิ่น!” ใบหน้าของเสิ่นต้วนยู่เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ กอบกุมมือของมู่เซิ่งจากตำแหน่งที่สูงกว่า ในช่วงเวลาที่กุมมือกันนั้นเอง เขาจึงแอบออกแรงบีบมือไปอย่างลับ ๆ

อาศัยเรี่ยวแรงสายนี้ของเขาแล้ว ย่อมต้องบีบให้มือที่ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ของไอ้ขยะนี้เจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมาได้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้นในวินาทีต่อมา สีหน้าของเสิ่นต้วนยู่พลันดุร้ายขึ้นมาทันที ราวกับว่าเขากำลังกุมอยู่บนคีมเหล็กเลยก็ไม่ปาน เรี่ยวแรงอันน่าสะพรึงพรั่งพรูออกมาจากปากเสือ ทำให้เขาเจ็บปวดจนร้องเสียงหลงออกมาทันที!

“คุณเสิ่น คุณเป็นอะไรไปหรือครับ?”

คนรับใช้ที่ยืนรออยู่ทางด้านข้างเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ดังนั้นจึงรีบส่งเสียงร้องถามออกมาทันที

มู่เซิ่งเองก็ปล่อยมือในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน นั่งลงบนตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความขบขันมองไปยังฝั่งตรงข้าม ราวกับว่าเรื่องเมื่อตะกี้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยก็ไม่ปาน

“ไม่มีอะไร”

เสิ่นต้วนยู่ซ่อนมือเอาไว้ที่แผ่นหลัง ทุ่มสุดพลังเพื่อกดข่มโทสะในใจ คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้ขยะตรงหน้าคนนี้กลับมีเรี่ยวแรงมหาศาลจนผู้คนตกตะลึง

แต่การมีแรงเยอะแล้วจะอย่างไร? การจีบผู้หญิงต้องอาศัยเงินทุน ตอนนี้คู่ต่อสู้เพียงคนเดียวที่อยู่ในสายตาของเขาได้นั้นก็มีเพียงซูเคอเท่านั้น แต่สุดท้ายไอ้หมอนี่กลับถูกไอ้ขยะคนหนึ่งทำให้ตกใจจนถอยทัพไปเสียแล้ว และตอนนี้เขากำลังตามจีบกู่ชิงเสวียนอยู่ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือหรอกหรือ?

“คุณเสิ่น งานหินหยาบจะเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ พวกเราขึ้นตึกไปเตรียมตัวกันไหมครับ?”

คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายเห็นสถานการณ์ที่ราวกับจะชักกระบี่กันออกมาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะเปิดปากเอ่ยถามในตอนนี้

“ไม่รีบร้อน เพราะช่วงเวลาในค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล!”

เสิ่นต้วนยู่กล่าวอย่างเยือกเย็น นัยน์ตาโทสะจ้องเขม็งไปบนร่างของมู่เซิ่งตลอดเวลา ในคำยังแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง

เขาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผม ก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวจากไป

“ถุย เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ!”

ซูเคอกำลังบันดาลโทสะเป็นอย่างมากอยู่ทางด้านหลัง จึงอดไม่ได้ที่จะก่นด่าออกมา

“พี่ใหญ่ครับ อย่าไปสนใจไอ้โง่นี่เลยครับ เขาก็เป็นแค่คนขี้ประจบตัวหนึ่งที่ตามจีบพี่สะใภ้มาตลอดแต่ก็จีบไม่ติด แถมยังไม่รู้จักยางอายด้วย”

“คนพรรค์นี้เองก็ทำได้แค่อาศัยพ่อเขาเท่านั้นเหมือนกัน แค่เปิดร้านแฟนไชน์หินหยกทั่วประเทศไปหลายร้าน หางก็ล้วนบินขึ้นฟ้าไปหมดแล้ว คิดอยากที่จะบีบบังคับพี่สะใภ้ใหญ่พวกเขามาร่วมมือกัน บอกว่าจะร่วมมือกันทำหินหยกโบราณอะไรสักอย่าง ถุยน่ะสิ ไม่เห็นเลยว่าเขาจะเหมาะสม!”

มู่เซิ่งยกยิ้มอย่างหมดคำจะกล่าว

เขาสามารถมองออกได้ว่าซูเคอกับเสิ่นต้วนยู่ทั้งสองคนนั้นมีสัมพันธ์ไม่ค่อยจะดีกันมากนัก ทว่าทั้งสองคนพุ่งเป้าเข้าใส่กันมานาน แต่ซูเคอก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย ด็เห็นได้ว่าเบื้องหลังของเสิ่นต้วนยู่ไม่ธรรมดา

“มู่เซิ่ง พวกเราไปกันเถอะค่ะ”

กู่ชิงเสวียนกล่าว สำหรับชายหนุ่มที่ไล่ตามจีบเธอครั้งแล้วครั้งเล่าคนนี้นั้น ภายในหัวใจของเธอรู้สึกก็รังเกียจเป็นอย่างมาก

“ได้ พวกเขาขึ้นตึกกันเถอะ”

มู่เซิ่งพยักหน้าขึ้นลง

เรื่องทะเลาะหึงหวงกันระหว่างคนหนุ่มสาวเหล่านี้ มู่เซิ่งไม่ได้สนใจ ทั้งก็ไม่อยากไปสนใจเสิ่นต้วนยู่

ทว่าหากเสิ่นต้วนยู่ต้องการที่จะทำให้ตนเองอับอายขายหน้าให้ได้แล้วละก็ ตัวเขากลับไม่ถือเลยที่จะสั่งสอนบทเรียนให้เขาได้ดูเสียหน่อยเหมือนกัน