ตอนที่ 155 ไล่ตามหนึ่งความฝัน

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 155 – ไล่ตามหนึ่งความฝัน

 

นับถอยหลัง 44:00:00

สถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002         

บนยอดเขาอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากหน้าผาชิงซานไปหนึ่งพันกว่าเมตร   

“คิดถึงจริง ๆ” หลี่ซูถงเอ่ยอย่างทอดถอนในค่ำคืนมืดมิด “คิด ๆ ไปแล้วครั้งก่อนที่ฉันปีนหน้าผาชิงซานก็สามสิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นฉันกับศิษย์พี่ต่างก็กลั้นหายใจ อยากเห็นว่าใครจะทิ้งชื่อไว้สูงกว่า”

ธรรมเนียมของอัศวินคือ การปีนหน้าผาชิงซาน ตอนที่หมดกำลังพักผ่อนครั้งแรกจะต้องสลักชื่อของตนเองไว้ตรงนั้น 

ผลคือศิษย์พี่ทิ้งชื่อที่ 212 เมตร หลี่ซูถงทิ้งไว้ที่ 367 เมตร 

หลังกลับมาเขาก็อวดกับศิษย์พี่ไปรอบใหญ่ ผลคือถูกศิษย์พี่ทุบตีไปรอบใหญ่

เวลานั้นเขายังไม่ใช่กึ่งเทพ แล้วก็ไม่ใช่ผู้นำอัศวินยุคปัจจุบันที่ใคร ๆ เคารพ ทว่าเป็นเพียงเด็กน้อยไม่ประสาที่เพิ่งเรียนวิธีการโกนหนวดเท่านั้น 

เวลานั้นเขายังมีแรงผลักดันที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หวั่น แล้วก็ยังมีความกล้าที่จะเดินหมากอย่างไม่เสียดาย   

ครั้งนี้ หลี่ซูถงไม่ได้บอกธรรมเนียมของอัศวินกับชิ่งเฉิน เพราะอยากดูว่านักเรียนคนนี้จะสลักชื่อเอาไว้ตรงไหน 

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาเหนือคาดนิดหน่อยคือ ชื่อของชิ่งเฉินไม่ได้สูงเลย แค่หนึ่งร้อยกว่าเมตร     

แต่หลี่ซูถงรู้สึกเสมอว่า การสลักชื่อลงไปอย่างนี้จึงมีความหมายยิ่งกว่า 

“นักเรียนที่ฉันรับมาไม่เลวเลยปะ” หลี่ซูถงโอ้อวดไปทางด้านข้าง “เผชิญกับลูกศรหน้าไม้ไร้ซึ่งความกลัว แล้วยังใช้การสลักชื่อแสดงการดูแคลนอย่างไร้เสียง ถ้าเกิดย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็อยากเลียนแบบเขาอย่างนี้ คิด ๆ แล้วก็ตื่นเต้น”

ด้านข้างของเขามีเหยี่ยวชิงซานที่สูงหกเมตรกว่าหนึ่งตัวยืนอยู่เงียบ ๆ 

ขนบนตัวเหยี่ยวชิงซานตัวนั้นใหญ่ราวกับมีด กรงเล็บทรงพลังเกาะแน่นบนหิน ใช้แรงนิดเดียว แม้แต่หินก็แตกหักไปอย่างกับเต้าหู้ 

เพียงแต่ในขณะนี้ เหยี่ยวชิงซานแหล่มองหลี่ซูถง ในแววตามีความเป็นมนุษย์เต็มเปี่ยม ท่าทางคล้ายดูถูกการโอ้อวดของอีกฝ่ายสุด ๆ: นั่นคือนักเรียนของนายร้ายกาจ ไม่ใช่นายร้ายกาจ 

หลี่ซูถงหัวเราะ “ทำไมยังไม่ยอมรับ นี่คือสายตาที่ฉันหานักเรียนมันดีไง! นายอย่าเห็นว่าฉันไม่ได้รับนักเรียนมาโดยตลอดนะ อันที่จริงฉันก็ทำตามหลักการเน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ รับผิดชอบต่อองค์กรอัศวิน!”

เหยี่ยวชิงซานกลอกตา: ไม่ใช่เวลาที่เหล่าจือจะไล่นายหนีไปทั่วภูเขา 

“บุรุษที่ดีไม่เอ่ยถึงความสำเร็จวันวาน” หลี่ซูถงกล่าว “ตอนนี้เราสองคนมาลองสู้กันสักตั้งไหมล่ะ จะทำให้นายหัวล้านเลย!”

เหยี่ยวชิงซานขยับร่างที่ใหญ่คลุมแผ่นฟ้าแผ่นดิน: เหล่าจือไม่ลดตัวไปเถียงกับนาย 

หลี่ซูถงหันสายตากลับไปบนร่างของชิ่งเฉินอย่างร่าเริง เพียงเห็นเด็กหนุ่มปีนขึ้นไปอย่างกับตุ๊กแก ยิ่งมายิ่งชำนาญ ยิ่งมายิ่งมั่นคง

ตั้งแต่ที่องค์กรอัศวินเริ่มต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรับสมาชิกใหม่ไม่ใช่ความสามารถ ทว่าเป็นนิสัย   

และนิสัยของเด็กหนุ่มชิ่งเฉินคนนี้ หลี่ซูถงรู้สึกว่ายังไงก็สามารถติดสามอันดับแรก 

“ครูดูสิครับ ผมหาผู้สืบทอดที่ดีมาก ๆ คนหนึ่งให้กับอัศวินของพวกเราได้จริง ๆ นะครับ” หลี่ซูถงเอ่ยด้วยอารมณ์ 

พูดจบ เขาลุกขึ้นเดินไปตามทางภูเขาที่อยู่ด้านหลัง เตรียมจะลงเขา

เหยี่ยวชิงซานร้องสองคำ: นายไม่ดูเหรอ นี่เพิ่งปีนได้ครึ่งเดียว

หลี่ซูถงโบกมือยิ้มเอ่ยโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมาว่า “อัศวินมีคำพูดเก่าแก่ว่า ฉันจะร่วมทางเป็นเพื่อนเขาไปพันลี้ จากนี้จะสายลมหิมะหรือแสงแดดฉันก็จะไม่ถามไถ่อีก”

……

ลมภูเขาหอบหนึ่งพัดมา เสื้อผ้าของชิ่งเฉินกระพือพึ่บพั่บ         

นิ้วมือของเด็กหนุ่มเกาะในรอยแตกของหน้าผาอย่างมั่นคงมีกำลัง เขาหันหน้ากลับไปมองดูทิวทัศน์ด้านหลัง สถานที่ต้องห้ามทั้งหมดอยู่ในสายตาเขา 

ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเทาแล้ว ที่ไกล ๆ ต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นยืนต้นอยู่ ยอดไม้ที่แผ่ออกไปหลายกิโลเมตรนั้นตระการตาเป็นพิเศษ ประดุจมีคนกำลังกระซิบกระซาบบทกวีเริ่มต้นของเทพนิยาย 

ชิ่งเฉินปีนขึ้นไปต่อ ผลไม้ขาวมหัศจรรย์ของสถานที่ต้องห้ามลูกนั้นซ่อมแซมร่างกายของเขาอย่างไม่ขาดตอน         

267 เมตร เจี่ยงเฟยเฟยเขียน 

312 เมตร หลี่หลิงหงเขียน 

321 เมตร หยางต๋าหว่าเขียน 

367 เมตร หลี่ซูถงเขียน 

ชิ่งเฉินไล่ตาม ‘รอยเท้า’ ของบรรพบุรุษสีขาว ๆ บนหน้าผา

บรรพบุรุษทุก ๆ คนใช้คำทักทายอันเป็นเอกลักษณ์เป็นเพื่อนเขาปีนขึ้นมาถึงตรงนี้     

เพียงแต่ยิ่งขึ้นไป ชื่อยิ่งน้อย         

ตอนที่ปีนมาถึงตรงนี้ ชิ่งเฉินสัมผัสได้ว่ากระแสอบอุ่นที่ผลไม้ขาวนำมาค่อย ๆ เลือนหายไปแล้ว         

เขารู้สึกว่ากำลังกายของตนเองเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ความเหนื่อยล้าก็บุกรุกเจตจำนงไม่หยุดหย่อน 

แต่ทว่า ในขณะนี้เอง     

411 เมตร ฉินเซิงเขียน 

ชิ่งเฉินจำได้ว่า นี่คือผู้นำอัศวินสักรุ่นที่บุกเบิกวิชาหายใจคนนั้น 

ในพริบตานั้น เขาเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา     

สถานที่ที่อัศวินรุ่นก่อนเหล่านี้ทิ้งชื่อเอาไว้ล้วนเป็นตอนที่กำลังจะเผชิญกับช่วงเขาที่อันตรายที่สุดบนเส้นทางปีนหน้าผา         

เหล่ารุ่นก่อนมาถึงที่นี่ก็จะหยุดพักผ่อน จากนั้นสลักชื่อลงไป

ตอนที่ผู้มาทีหลังทุกคนรู้สึกว่าตนเองหมดเรี่ยวแรงแล้ว ชื่อที่รุ่นก่อนเคยสลักไว้นั้นก็เหมือนกับเสียงให้กำลังใจ 

ชิ่งเฉินเม้มปากแล้วปีนขึ้นไปต่อ         

489 เมตร หยางเสี่ยวจิ่นเขียน 

ชิ่งเฉินมองตัวหนังสือเล็ก ๆ ที่มีความหมายนั้น กัดฟันเดินทางอีกครั้ง 

ในกล้ามเนื้อส่งเสียงโอดครวญสั่นเทา ในเจตจำนงสะท้อนไปด้วยการดิ้นรนอันเข้มข้น   

เขากัดฟันจนแทบจะหักแล้ว แต่จังหวะการปีนขึ้นไปยังไม่เคยหยุดลง         

ตอนที่เขานึกว่าข้างบนจะไม่มีชื่อปรากฏอีกแล้ว   

599 เมตร เริ่นเสี่ยวซู่เขียน 

……

ชิ่งเฉินเงยหน้าขึ้นไปอย่างตระหนัก ที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดของหน้าผาแล้ว 

แต่ถัดจากนั้นชิ่งเฉินก็ตะลึงไป เพราะว่าจุดสิ้นสุดของหน้าผาถึงกับเป็นขอบชะง่อนผาที่ยื่นออกมาหนึ่งก้อน 

ไม่มีที่ให้ยืมแรง 

นี่ไม่ใช่หน้าผาแนวตั้ง กล่าวอีกแบบหนึ่ง 599 เมตรก่อนเป็นแนวตั้งจริง ๆ แต่ว่าตรงนี้ไม่เหมือนกัน         

ก่อนหน้านี้ หลี่ซูถงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย     

ถ้าอยากขึ้นถึงยอด จะต้องกระโดดจากยอดเขานี้ 

ตรงนี้ไม่มีเส้นทางแล้ว เบื้องหน้าไม่มี “รอยเท้า” สีขาวอีก

กระแสอบอุ่นของผลไม้ขาวก็หายลับไปในที่สุด

เหล่าบรรพบุรุษเดินเป็นเพื่อนเขา 599 เมตร แต่หนึ่งเมตรสุดท้าย เป็นเส้นทางของตัวชิ่งเฉินเอง 

นับถอยหลัง 42:20:00 

เช้าตรู่ ตี 5 40 นาที     

กำลังมีแสงสีทองแผ่ขยายจากชั้นเมฆที่อยู่ด้านหลังเขา ชั้นเมฆเคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็วราวกับมหาสมุทรอันไพศาล 

ชิ่งเฉินเกาะรอยแยกของยอดเขา เพราะว่าลังเลนานเกินไป นิ้วของเขาเริ่มสั่นเทานิด ๆ 

เขานึกย้อนไปถึงพริบตาที่การนับถอยหลังปรากฏขึ้นบนท้องแขนตนเองครั้งแรก     

นึกย้อนถึงความเปล่าเปลี่ยวในห้องเล็ก ๆ มืด ๆ นึกย้อนถึงการยกก้อนหินขึ้นทุ่มสุดกำลังบนเขาเหล่าจวิน

เวลานี้

ชิ่งเฉินเห็นว่าข้างชื่อของคนที่ชื่อเริ่นเสี่ยวซู่ยังมีตัวอักษรเล็ก ๆ อยู่หนึ่งแถว : ชีวิตคนควรเป็นเหมือนเทียนไข เผาไหม้จากหัวจรดเท้า สว่างไสวตั้งแต่ต้นจนจบ 

เด็กหนุ่มหลับตาลง

ใช่แล้ว ถึงแม้ชีวิตคนยังเหลือหนึ่งวินาทีสุดท้าย ก็ต้องสว่างไสวตั้งแต่ต้นจนจบ! 

ชิ่งเฉินลืมตา ปะทุแรงกระโดดขึ้นไป 

ชีวิตที่ผ่านไป     

ชีวิตในอนาคต         

เกี่ยวพัน!     

ประสาน! 

นี่เป็นเส้นทางชีวิตที่เขาเลือกเอง         

เส้นทางที่ยาวที่สุดในบรรดาทางลัดทั้งมวลบนโลก 

ในเมื่อเป็นสิ่งที่ตนเองเลือก งั้นก็ไม่ต้องหันกลับ!     

ชีวิตที่เหลือ?     

ทุ่มไปที่ทางตรงหน้า! 

เด็กหนุ่มลอยอยู่กลางอากาศเหมือนเรียนการเหินบินเป็นครั้งแรก 

กลับเห็นว่าเขาที่อยู่กลางเวหายืดร่างกายของตนเองออกไปสุดตัว พริบตาถัดมา ฝ่ามืออันแข็งแรงของเด็กหนุ่มคว้าไปที่ขอบของหน้าผา! 

ชิ่งเฉินยิ้มแล้ว ยิ้มอย่างมีความสุข 

เขาได้ยินเสียงดังเปี๊ยะในร่างกายตนเอง กระดูกเริ่มลั่น กำลังกายที่เคยสูญเสียไปหวนคืนมาไม่หยุด พลังที่ไม่เคยครอบครองมาก่อนถาโถมเข้ามาราวกับทะเล!

เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงพลังที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง โลกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ชีวิตที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง! 

เขาใช้มือข้างเดียวห้อยอยู่บนขอบหน้าผาแล้วหันหน้ากลับไปมอง ด้านหลังพระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น!

ต้นไม้ยักษ์อันใหญ่โตตระการตาต้นรับแสงรุ่งอรุณ ราวกับกำลังต้อนรับชีวิตใหม่! 

ชิ่งเฉินมองดูทุกสิ่งนี้เงียบ ๆ ตอนที่เขาอยู่ในป่าไม้ของสถานที่ต้องห้าม ได้แต่เห็นยอดไม้ที่ปิดบังท้องฟ้า     

แต่มองไปจากตรงนี้ ยอดไม้อันหนาทึบทว่าเป็นระเบียบนั้นกลับคล้ายที่ราบอันไพศาล 

ชิ่งเฉินก้มลงมองเฉาเวยที่ยังเฝ้าดูอยู่ด้านล่าง 

ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันหกร้อยกว่าเมตร ร่างที่ยืนอยู่ของเฉาเวยจู่ ๆ เหมือนกับจะเล็กลงไปบ้าง เด็กหนุ่มทำท่าปาดคออย่างสงบนิ่ง จากนั้นพลิกตัวกระโดดขึ้นไปบนหน้าผา 

…………………………………….

คนที่อ่านภาคแรกคงจะเห็นชื่อที่คุ้น ๆ กันเยอะเลยนะคะ

ตอนที่ 156 – สลับบทบาท