“ทำไมกันล่ะ?” หลินจื้อซือพลันรู้สึกตกใจทันทีที่เสี่ยวเฉิงขอโทรศัพท์

“คิดว่าฉันจะเอาไปขายหรือยังไงล่ะ? ส่งมาก่อนเถอะ” เสี่ยวเฉิงพลับตอบกลับอย่างรีบเร่ง

ทันใดนั้น หลินจื้อซือก็หยิบโทรศัพท์สีชมพูออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เสี่ยวเฉิง

เสี่ยวเฉิงพลันกดปุ่มเปิดเครื่อง เขาเห็นสายที่ไม่ได้รับประมาณสิบสองสาย ทั้งหมดมาจากผู้จัดการแล้วก็พวกบอดี้การ์ดทั้งนั้น ทว่า เขาพลันกดโทรออกไปยังเบอร์ของเซินเหยา

“ไงจื้อซือ! เป็นยังไงบ้าง? ยังอยู่ดีใช่ไหม? ตอนนี้อย่าเพิ่งออกมานะ… ให้ตายเถอะ! แฟนคลับของเธอเล่นยืนล้อมคอนโดเอาไว้หมดเลย!” เซินเหยาพลันถามด้วยความกังวลผ่านทางโทรศัพท์

“ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?” เสี่ยวเฉิงรีบถามขึ้น

เซินเหยาพลันตกใจไปชั่วครู่ “ฉันออกมาได้แล้ว ตอนที่ออกมา หน่วยรักษาความปลอดภัยคิดว่าฉันเป็นหลินจื้อซือ พวกเขาก็เลยใช้เส้นทางอื่นเพื่อพาฉันออกมา”

“อ่า เยี่ยม ดีเลย งั้นตอนนี้เธอต้องวิ่งเข้ามาใหม่ แล้วก็ช่วยล่อพวกฝูงชนให้ห่างจากลิฟต์ด้วย”

“ฉันอีกแล้วเหรอ?” เซินเหยาแทบอยากจะตะโกนออกมาทันที “นายรู้ไหมว่าแฟนคลับของจื้อซือมันเยอะขนาดไหน? แล้วถ้าคนพวกนั้นจับได้แล้วเข้ามารุมเปลื้องผ้าฉันจนเปลือยล่ะ?”

“รอจนกว่าพวกเขาจะรู้ตัว จากนั้นเธอก็ถอดแว่นออกแล้วก็โชว์หน้าจริงไปเลย พวกเขาคงจะไม่สนใจเธอแน่นอน ไม่ต้องห่วง”

หลินจื้อซือเผยหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

ที่ปลายสายโทรศัพท์ เซินเหยาก็พลันรู้สึกว่าเสี่ยวเฉิงพูดถูก แต่ในไม่ช้า เธอก็กล่าวคำพูดขึ้นทันทีที่คิดได้ “เดี๋ยวก่อนสิ นายหมายความว่ายังไงกัน? นายว่าพวกเขาจะไม่ชื่นชอบหน้าตาของฉันงั้นเหรอ?! แล้วหน้าฉันมันไม่สวยตรงไหนกันล่ะ?! นายกำลังดูถูกฉันอยู่นะ! แล้วอีกอย่าง เชื่อไหมล่ะว่าฉันสามารถบอกพ่อให้ซื้อคอนโดทั้งตึกนี้แล้วก็เตะนายออกไปได้เลย?”

“ก็ได้ ก็ได้… ตอนนี้คิดถึงเรื่องช่วยเพื่อนของเธอก่อนเถอะ ส่วนเราเองก็จะคิดหาวิธีอื่นเพื่อที่จะออกไปจากที่นี่”

จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็รีบวางสาย ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงมองดูเบอร์โทรอีกหลายเบอร์ในโทรศัพท์มือถือ หลินจื้อซือก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ทว่า เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตามที่สัญญากันไว้ พวกเขาทั้งสองจะไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของกันและกัน และทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็รีบโทรออกหาหรานจิงทันที

“ว่าไง เสี่ยวเฉิง?” หรานจิงรับโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังแอบมองดูพวกนักข่าวอยู่

“เธออยู่ไหนกัน?”

“ตอนนี้อยู่ชั้นสาม ตอนที่ลิฟต์เปิด นักข่าวตั้งหลายสิบคนพุ่งเข้ามาหาฉัน แต่ยังโชคดีหน่อยดีฉันกดปิดลิฟต์ทัน ตอนนี้เลยกลับขึ้นมาได้” หรานจิงพลันตอบกลับ

“เธอต้องไปที่ลิฟต์อีกทีและรอฟังแผนการของฉันในนั้น อีกไม่นาน เซินเหยาจะล่อคนอีกกลุ่มไปอีกทาง แค่นั้นมันก็น่าจะพอแล้วแหละที่จะหลอกล่อพวกแฟนคลับไปได้ แต่สำหรับพวกนักข่าว ก็คงจะหลอกยากหน่อย เพราะแบบนี้แหละ ฉันเลยอยากให้เธอลงไปอีกรอบ จากนั้นก็รีบล่อทั้งแฟนคลับแล้วก็พวกนักข่าวไปด้วย”

หรานจิงพลันถอนหายใจ “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันก็ขอไว้อาลัยให้เซินเหยาเลยก็แล้วกัน นายโดนเธอฆ่าตายแน่!”

เสี่ยวเฉิงพลันพูดอะไรไม่ออก ระหว่างที่เขากำลังเผยยิ้มอย่างขมขื่น ประสาทการรับฟังของหูทั้งสองข้างก็สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ชั้นหนึ่ง

เซินเหยารีบวิ่งกลับมา และทันทีที่ประตูกระจกเปิดออก เธอก็แสร้งเผยท่าทีราวกับเป็นกังวลและมองซ้ายมองขวา จากนั้น เธอก็รีบวิ่งไปอีกทางพร้อมกับโยนหมวกลงพื้นเพื่อให้พวกแฟนคลับวิ่งตาม

“เจ้าหญิงของพวกเรา! เธออยู่ตรงนั้น!” แฟนคลับบางคนพลันตะโกนออกมาและรีบวิ่งไล่ตามเซินเหยาไป และทันทีที่คนหนึ่งเริ่มวิ่ง ฝูงชนที่เหลือก็รีบวิ่งตามออกไปด้วยความตื่นเต้น

จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็กล่าวคำพูดกับหรานจิงทางโทรศัพท์ “ถึงเวลาที่เธอต้องแสดงทักษะการแสดงออกมาหน่อยแล้ว ลงไปชั้นล่างแล้วก็ลงมือเลย”

หรานจิงพลันรู้สึกลังเลเล็กน้อย “พวกนักข่าวคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เธอทั้งสวย แถมหุ่นก็พอกันกับหลินจื้อซือ ยังไงก็เถอะ เธอมีทั้งหมวกแล้วก็แว่นกันแดด ทั้งพวกนักข่าวแล้วก็แฟนคลับอาจจะคิดว่าเธอเป็นหลินจื้อซือก็ได้”

“ก็ได้” หรานจิงตอบกลับ จากนั้น เธอก็วิ่งไปยังลิฟต์ตรงหน้าและกดลงไปที่ชั้นหนึ่ง

ภายในชั้นหนึ่ง นักข่าวราวสองสามคนก็กำลังจะวิ่งไล่ตามพวกแฟนคลับไป แต่ทว่า พวกนักข่าวคนอื่นเองก็ถึงกับต้องวิ่งไปลากพวกเขากลับมา “พวกนายจะวิ่งไปไหนกัน? อุบายพวกนี้มันเก่าไปแล้ว ฉันเห็นมาเป็นร้อยครั้งพันครั้ง ทั้งหมดนี่ก็เป็นเหมือนสิ่งล่อใจพวกเรา ผู้หญิงที่วิ่งไปทางนั้นต้องไม่ใช่หลินจื้อซือแน่ เธอน่าจะเป็นแค่ผู้ช่วย ส่วนหลินจื้อซือตัวจริงก็น่าจะยังอยู่ที่ชั้นบน”

ในตอนนั้นเอง เหล่านักข่าวหน้าใหม่ก็พลันอุทานขึ้นมา “โห… มากประสบการณ์กันจังเลยนะ!”