ตอนที่ 208 ข้ารับรองว่าจะไม่รบกวนท่าน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 208 ข้ารับรองว่าจะไม่รบกวนท่าน

ไม่ว่าผู้เห็นเหตุการณ์จะคาดเดาอย่างไร สำหรับฉินหลิวซีแล้ว นี่เป็นการเล่นสนุกของเด็ก[1]เท่านั้น อย่างไรนางก็เพิ่งรักษาในเมืองหายไปหลายคน ลงเข็มอย่างไร แช่ไว้นานเพียงใด นางหลับตายังรักษาได้

ดังเช่นเด็กคนนี้ พลังหยินแทรกซึมเข้าในร่างกาย ทำให้พลังหยางไม่เพียงพอ ความผิดปกติของหยินและหยางทำให้เกิดความชั่วร้าย เอาพลังหยางกลับมาก็จบแล้ว

ส่วนมารสิงสู่น่ะหรือ

ไม่ได้มีมารสิงสู่ร่างกายอะไรทั้งนั้น อย่างมากก็เพียงเห็นสิ่งที่ไม่สะอาดในป่าวั่นไหว อย่างไรก็เป็นเพียงเด็กอายุห้าหกขวบ มีดวงตาบริสุทธิ์

มือข้างหนึ่งของฉินหลิวซีเท้าคางหลับไป มืออีกข้างสัมผัสจุดฝังเข็มที่ฝังเอาไว้ จนกระทั่งรู้สึกว่าจุดฝังเข็มอุ่นแล้ว มีพลังหยางกลับมาไหลเวียนตามปกติ นางจึงถอนเข็มขึ้น ลูบจุดกุ่ยซินเบาๆ เด็กคนนั้นก็กลับมาเป็นปกติ

“ท่านแม่” เขาขยี้ตา มองสตรีผู้นั้นก่อนจะเอ่ย “จะกลับบ้านหรือยัง ข้าหิวแล้ว”

ขณะที่เขาพูดท้องของเขาก็ดังขึ้นมา

เมื่อหญิงสาวเห็นว่าเขาดูปกติแล้วจึงส่งเสียง โอ้ ขึ้นมา กอดเขาพร้อมทั้งหอมแล้วหอมอีก เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “โก่วต้านเจ้าหายแล้ว โอ้ ดวงใจของข้า ทำข้าตกใจแล้ว”

เหล่าผู้แสวงบุญส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา เอ่ย “หายแล้วจริงๆ ไม่ได้บ้าแล้ว”

“นี่ไม่ได้ดื่มน้ำมนต์และไม่ได้ใช้ยันต์อยู่เย็นเป็นสุขด้วยซ้ำ เพียงฝังเข็มเท่านั้น เหมือนหมอในเมืองเลย”

“ใช่ นี่มันน่าทึ่งยิ่งนัก”

“เขาคือนักพรตอะไรนะ”

“ปู้ฉิว”

“ใช่ๆ เดี๋ยวข้าเองก็จะมาให้เขาตรวจ ข้าเจ็บคอมานานแล้ว”

ฉินหลิวซีสอดเข็มกลับเข้าไปในถุงผ้า หูก็ฟังการสนทนาที่ดังขึ้น สันหลังพลันเย็นวาบ ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นอีก

ตาเฒ่าชิงหย่วนนี่ ชั่วร้ายเสียจริง หาแต่เรื่องให้นาง

สตรีผู้นั้นพลันได้สติ พาลูกชายมาคำนับขอบคุณฉินหลิวซี “ขอบคุณท่านนักพรต ท่านเป็นเทพลงมาจุติจริงๆ น่าทึ่งมากเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องคำนับข้า มีใจก็เข้าไปจุดธูปเติมน้ำมันตะเกียงไหว้ปรมาจารย์ลัทธิเต๋า” ฉินหลิวซีชี้ไปยังบุตรชายของนาง เอ่ย “เขาอายุยังน้อย ป่าวั่นไหวต้นไม้หนาแน่นสูงใหญ่ ไม่มีแสงแดดส่องถึง ถึงมีก็ไม่เพียงพอ พลังหยินจึงมีมาก ต่อไปอย่าพาเขาเข้าไปอยู่นานนัก หลีกเลี่ยงพลังหยินเข้าไปในร่างกายเสีย ร่างกายเขาทนไม่ไหว”

“ข้าเคยเห็นผีแล้วจะไม่กลัวความมืดได้หรือ[2]เจ้าคะ คงไม่กล้าพาเขาเข้าไปอีกแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“นักพรตปู้ฉิวท่านนี้ เด็กคนนี้ไปถูกมารสิงสู่ที่ใดหรือไม่ ท่านมิได้ใช้น้ำมนต์หรือยันต์อยู่เย็นเป็นสุข ใช้เพียงเข็มรักษาหรือ” สตรีมีอายุที่ดูคล้ายคนรับใช้ของตระกูลใหญ่เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง

ฉินหลิวซีปรายตามองนาง เอ่ย “อาการสติฟั่นเฟือนจากร้อยมาร ในเมื่อป่วยก็ต้องรักษา เขาถูกรุกรานด้วยพลังงานหยินทำให้พลังหยางไม่พอถึงได้มีอาการป่วย คลายเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นเอาไว้ พลังหยางสามารถหมุนเวียนได้สะดวกก็พอแล้ว มิเช่นนั้นเจ้าอยากรักษาอย่างไร”

“เอ่อ สิ่งนี้…”

“ไม่ต้องใช้น้ำมนต์หรือ ข้าเคยเห็นป้าละลายขี้เถ้าจากธูปและผ้ายันต์ให้คนดื่มเพื่อรักษา”

“ในเมื่อป่วย หากอาศัยน้ำยันต์ก็รักษาให้หายได้ นั่นคงเพราะใช้ยาถูกอาการ หากท่านเชื่อเพียงนักต้มตุ๋นข้างทางว่าดื่มน้ำยันต์ก็จะหายได้ เช่นนั้นท่านคงเป็นคนโง่มีเงินเยอะ ดื่มไม่ตายช่างดวงดีนัก แต่จะต้องทนทุกข์แม้มีชีวิตอยู่เพียงครึ่งเดียวหรือไม่” ฉินหลิวซีเหลือบมองอู๋เหวยเล็กน้อย

อู๋เหวย “…”

ไม่ใช่สิ ข้ากลับตัวเป็นคนดีแล้ว ท่านมามองข้าทำไมกันเล่า หมายความเช่นไรกัน

“นักพรตปู้ฉิว อย่างไรท่านก็เป็นนักพรต ผ้ายันต์ของท่านรักษาอาการป่วยไม่ได้ ขายหน้าตนเองหรือไม่” สตรีมีอายุผู้นั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

ฉินหลิวซีเอ่ย “อารามชิงผิงคืออารามเต๋าที่เคร่งครัด นักพรตที่นี่ล้วนแล้วแต่ปฏิบัติตนเคร่งครัด ไม่ได้อาศัยการมัวเมา พวกท่านต้องการเครื่องรางเพื่อซื้อความอุ่นใจ แน่นอนว่าได้ สมดั่งใจปรารถนา ต้องการทำพิธีกราบไหว้ อารามของพวกเราก็ทำสิ่งนี้…”

“ยังมีหมอลัทธิเต๋า นักพรตปู้ฉิวของเราเก่งกาจมากอีกด้วย” ชิงหย่วนเอ่ยแทรก

ฉินหลิวซีมองไปที่เขา สายตาดุจคมมีด

เจ้ารีบหุบปากเถิด มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าจะอดสังหารเจ้าตัวหาเรื่องไม่ได้

ชิงหย่วนตัวแข็งทื่อ เจ้าว่าไยข้าจึงควบคุมปากนี้ไม่ได้นะ

ฉินหลิวซีเอ่ยกับสตรีมีอายุผู้นั้นต่อ “ต้องการอธิษฐานขอพร จะมีนักพรตเต๋าคอยแนะนำ ยังคงเอ่ยเช่นเดิม หากท่านเชื่อก็จะสมผล ไม่เชื่อก็ไม่สมผล อย่างเช่นท่านป้าผู้นี้ สวมเสื้อผ้าธรรมดาเพียงใด ก็ไม่อาจปิดบังบารมีของท่านได้ ท่านอยู่ในตระกูลร่ำรวยตระกูลใดกันเล่า”

สตรีผู้นั้นตื่นตระหนกอยู่ในใจ ยิ้มอายไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

ฉินหลิวซีไม่มองนางอีก เพียงมองไปยังมารดาของโก่วต้าน เอ่ย “โก่วต้านเด็กผู้นี้มีใบหน้าบริสุทธิ์ หากได้พบกับผู้สูงศักดิ์ ต่อไปจะประสบความสำเร็จอย่างมาก ปีหน้าวันเกิดอายุครบเจ็ดขวบ อย่าให้เขาอยู่ใกล้ริมน้ำคนเดียว หลังจากวันเกิดของเขาโชคร้ายจะกลายเป็นโชคดี ชีวิตของเขาจะดำเนินไปอย่างราบรื่น หากคงความดีนี้เอาไว้ เช่นนี้ท่านปรมาจารย์ลัทธิเต๋าก็จะปกป้องคุ้มครองเขา”

ใบหน้าของโก่วต้านมีรัศมีความสง่างามซ่อนอยู่ในหน้าผากของเขา ต้องเจริญรุ่งเรืองจึงจะมีเช่นนี้ได้ เขามีเคราะห์ในชีวิตช่วงอายุเจ็ดขวบ ผ่านไปแล้วก็จะดีเอง

ยิ่งไปกว่านั้นเขาอายุยังน้อย ใบหน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อยากรักษาความสูงศักดิ์นี้เอาไว้ ต้องเป็นคนดีและจิตใจดี ดังนั้นนางจึงเสริมประโยคหลัง

คนย่อมมีเหตุผล หากพวกเขามีใจใฝ่ในความดี ความชั่วร้ายไม่ใกล้ตัว แน่นอนย่อมมีโชคเป็นธรรมดา

สตรีผู้นั้นได้ยินก็ดีใจ โขกศีรษะคำนับ นึกถึงคำของฉินหลิวซี จึงเอ่ย “ขอบคุณท่านนักพรตที่อนุญาต ข้าจะไปคำนับท่านปรมาจารย์ลัทธิเต๋า จะขอยันต์อยู่เย็นเป็นสุขให้บุตรชายด้วย”

“ไปเถิด ต่อไปอย่าได้พาเด็กไปป่าวั่นไหวบ่อยนัก เขายังรับพลังหยินเหล่านั้นไม่ไหว”

อู๋เหวยรู้สึกสนใจ รีบพาหญิงสาวและโก่วต้านผู้นั้นเข้าไปจุดธูปในโถงใหญ่ เห็นหญิงสาวแต่งตัวไม่ได้เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน แต่นางมีใจกว้างเมื่อเติมน้ำมันตะเกียง ยังเพิ่มเงินไปอีกกว่าครึ่งตำลึงเงิน เขาเองก็หยิบยันต์อยู่เย็นเป็นสุขให้กับนาง “พรที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของเทียนจุน[3] บุตรชายของท่านมีวาสนาต่ออารามชิงผิง ต่อไปก็มาจุดธูปขอพรบ่อยๆ”

“เจ้าค่ะ”

ด้านนอก ฉินหลิวซียังคงเอ่ย “หากป่วยบ่อยก็ไปรักษากับหมอ ใช้ยาให้ถูกโรคก็แข็งแรงแล้ว หากเจอสิ่งชั่วร้ายหรือรู้สึกไม่ปกติ นั่นแน่นอนว่าต้องมาขอความช่วยเหลือจากวัดเต๋า อย่างไรก็ไม่ใช่หมอทุกคนที่จะกำจัดความชั่วร้ายได้ใช่หรือไม่ นี่เรียกว่าความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน”

“เช่นนั้นท่านนักพรตปู้ฉิว วิชาการแพทย์ของท่านไม่ธรรมดา ช่วยข้าดูคอสักหน่อยจะได้หรือไม่ ปกติเจ็บแล้วยังเวียนหัวด้วย” มีคนถือโอกาสก้าวขึ้นมา

ฉินหลิวซีตรวจชีพจรให้นาง พร้อมทั้งดูลำคอให้นาง ปูดโปนใหญ่มาก จึงเอ่ย “ท่านก้มหน้าทำงานมาหลายปี ตำแหน่งกระดูกสันหลังที่สันคอนั้นบวมขึ้นมาก ส่งผลต่อเส้นลมปราณถึงได้เวียนหัวปวดศีรษะ ยังมีอาการปวดแขนขาส่วนบนด้วยใช่หรือไม่”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าช่วยซักผ้าให้คนอื่น ก้มหน้าก้มตาทำงานมาหลายปี ปีสองปีมานี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย ท่านนักพรตท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีฝังเข็มเปิดเส้นลมปราณ สอนท่าบริหารคอให้กับนาง การออกกำลังกายเคลื่อนไหวบ่อยๆ จะช่วยให้ก้อนเนื้อหายไปได้ จากนั้นเอ่ยกับเหล่าผู้แสวงบุญที่มาห้อมล้อม “พวกท่านก็ทำตามได้ อย่างไรก็เป็นผู้ใช้แรงงานหนักเหมือนกัน มีแต่ข้อดีไร้ข้อเสีย”

“ท่านนักพรตมีเมตตาแล้ว” เหล่าผู้แสวงบุญราวกับเก็บของล้ำค่าได้ รุมล้อมฉินหลิวซีพลางเอ่ยถึงอาการป่วยของตนเอง

ฉินหลิวซีตอบพลางมองหาชิงหย่วน ออกมา ข้ารับปากว่าจะไม่ทำเจ้าลำบาก

ทว่าชิงหย่วนนั้นหนีไปตั้งนานแล้ว

ล้อเล่นหรือ ตนเองสร้างเรื่องไว้ ไม่หนีจะรอถึงเมื่อใดเล่า

ฉินหลิวซีทดเวลาของชิงหย่วนไว้ในใจสองครั้ง จากนั้นตอบกลับไป หาข้ออ้างปลีกตัวหนีออกมา

“ท่านนักพรต ท่านนักพรตช้าก่อน”

[1] หมายถึงว่าฉินหลิวซีสามารถทำได้อย่างง่ายๆ สบายมาก

[2] เหมือนได้รับบทเรียนแล้วจะจดจำเอาไว้

[3] เทียนจุน หมายถึงสามมหาเทพของเต๋า

*********************************