“วันนี้ เป็นฤกษ์งามยามดีของโลกผู้ฝึกตน” หั่วหยุนเป็นผู้ดำเนินพิธีจบการศึกษาครั้งใหญ่นี้ ดวงตาของเขาเจือแววหยิ่งยโสรำไร เขาเอ่ยปากพูดเสียงบางเบาทว่าแฝงความทะนงตนรำไร ประหนึ่งน้ำเสียงดังขึ้นข้างๆ ใบหูของทุกคน “ในโลกผู้ฝึกตน เวลามีค่ายิ่งนัก ข้าไม่อยากถ่วงเวลาอันมีค่าเท่าชีวิตของทุกท่าน ดังนั้น ลำดับการทั้งหมดจึงเรียบง่าย”
“ตามระเบียบการ พิธีจบการศึกษาแบ่งเป็นสามช่วงได้แก่ การแข่งขันชิงอันดับ การทดสอบศักยภาพซ่อนเร้น และพิธีลงนาม” เมื่อสิ้นสุดเสียงพูดของเขา เสียงของอิ่งซาก็ดังขึ้นไล่เลี่ยกันราวกับตระเตรียมกันไว้แล้ว “หลังจากนี้สิบห้านาที การแข่งขันชิงอันดับจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ หากโจมตีไปนอกสนาม จะถูกปรับแพ้ทันที แขกทุกท่านมีอะไรสงสัยหรือไม่?”
ไม่มีใครพูดขึ้น เพราะไม่มีใครกล้าพูด
ผู้คนเป็นหมื่นคนทั่วทั้งสนามต่างพากันเงียบกริบไร้ แต่นักเรียนทั่วทั้งมณฑลหนานทงทั้งหกสิบคนที่สายตานับหมื่นจับจ้องอยู่ตรงกลางสังเวียนกลับนัยน์ตาแวววาวขึ้นมาถ้วนหน้า
พวกเขาต่างไม่เคยได้ยินเรื่องการแข่งขันชิงอันดับมาก่อน แต่ว่าชื่อของการแข่งขันก็บอกไว้อย่างชัดเจน เพียงแค่ใช้สมองคิดสักนิดก็คงจะคิดออก
ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดขึ้นเช่นกัน
อันดับหนึ่งทั้งสิบสามคนไม่มีทางก้มหมอบให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!
พวกเขาล้วนเป็นอันดับหนึ่งในโรงเรียนสาขาย่อย ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาก็ยิ่งคาดหวังขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดต่อหน้าสายตาผู้คนนับหมื่น!
ไม่มีใครตอบกลับอิ่งซา หลังจากผ่านไปราวสิบวินาที เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ดี… นักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนเป็นเวลานานคงไม่รู้ถึงที่มาที่ไปของการแข่งขันชิงอันดับ เพราะนี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ห้าปีมีครั้งของเทียนเต้า”
“นอกจากต้องต่อสู้กับโชคชะตาและโลกใบนี้แล้ว ผู้ฝึกตนยังต้องต่อสู้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอีก” หั่วหยุนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่งราวกับราชาที่กล่าวปราศรัยต่อหน้าผู้คนนับหมื่น “เมื่อทุกคนย่างเข้ามาในเทียนเต้า ก้าวเท้าเข้ามาในโลกผู้ฝึกตน ต่อให้ทุกคนจะเป็นมิตรสหายร่วมรบ แต่ก็เป็นคู่ต่อสู้ในคราวเดียวกัน ผู้คนมากมายต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง แบบนี้ถึงจะเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริง”
“ปีศาจรุมล้อม จงฆ่ามัน เพื่อนมนุษย์ขัดขวาง จงฝ่าฟันมัน โชคชะตาปิดกั้น จงทลายมัน”
“มีเพียงต้องก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยปราศจากความเกรงกลัวเท่านั้น ถึงจะเหยียบย่ำฝั่งฝันแห่งขั้นจินตันได้”
“จงบอกข้ามา” เขาระบายยิ้มพร้อมกับมองดูวัยรุ่นที่ถูกคำพูดเหล่านี้ปลุกใจจนเร้าร้อน ก่อนเอ่ย “พวกนายมีความมั่นใจถึงขั้นนี้หรือไม่?”
“มีครับ/ค่ะ!”
วัย รุ่นหนุ่มสาวทั่วทั้งสนาม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือไม่ก็ตาม ต่างตะโกนขานรับเสียงดังสนั่นไปทั่วสารทิศ!
“ดีมาก” หั่วหยุนปัดมือขึ้นเล็กน้อย วินาทีต่อมา กล่องหยกอันประณีตวิจิตร ความยาวประมาณห้าสิบเซนติเมตร กว้างราวสิบเซนติเมตรก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าพวกเขาทั้งสองทันที
กล่องใบนี้ทำขึ้นจากหินหยกสีเขียวอ่อน ทั่วทั้งใบไร้ซึ่งรอยขีดข่วน หยกงามเช่นนั้น หากอยู่ในโลกธรรมดาจะต้องถูกนักประมูลตัวยงประมูลไปในราคาสูงลิบลิ่วเป็นแน่ แต่ตอนนี้มันเป็นแค่ภาชนะใส่ของเท่านั้น
ไร้ช่องว่างใดๆ เป็นเหมือนหินหยกตามธรรมชาติก้อนหนึ่ง แต่ไม่มีใครสามารถละสายตาไปจากมันได้แม้แต่คนเดียว เพราะในชั่วพริบตาที่กล่องใบนั้นโผล่มา แรงกดดันก็ถั่งโถมเข้ามาจนหัวใจแทบหยุดเต้น!
พลังกดดันวิญญาณของขั้นจินตัน!
ความรู้สึกเหมือนคลื่นทะเล คล้ายพายุ ไร้ซึ่งสุรเสียง แต่เพียงชั่วพริบตากลับแพร่กระจายไปทั่วสนามประลองหนึ่งในใต้หล้า!
ความรู้สึกแตกต่างจากขั้นจู้จี… หากจะให้พูด การปลดปล่อยพลังปราณในขั้นจู้จีมีพลังเหมือนกับอัคคีเพลิงผลาญท้องนภา แต่เงียบสงบเหมือนสายลมฤดูสาทรพัดผ่านป่าไผ่ ดังนั้น พลังปราณในขั้นจินตันจึงเป็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวและน่าเกรงขามอย่างแท้จริง
ไม่ต้องพูดหรือทำอะไร มวลพลังกดดันอันมหาศาลแบบนั้นรุนแรงเสียจนไม่มีใครกล้าจ้องมองกล่องใบนั้นตรงๆ แม้แต่คนเดียว
“ในการแข่งขันชิงอันดับแต่ละครั้ง จะมีรางวัลชิ้นใหญ่ที่มาจากจินตันเจินเหริน และนี่ก็คือรางวัลในครั้งนี้…” ในบรรดาผู้คนนับหมื่น มีคนแก่หงำเหงือกคนหนึ่งตื่นเต้นเสียจนมือไม้สั่น “คนแก่อย่างฉันเข้าร่วมพิธีจบการศึกษามานับครั้งไม่ถ้วน และรางวัลที่ได้มาจากท่านจินตันเจินเหรินก็ทำเอาฉันตื่นตะลึงจนสั่นสะท้านทุกครั้ง…”
“คุณยาย… นี่เป็นพลังกดดันวิญญาณของผู้ฝึกตนขั้นจินตันเหรอครับ?” อีกด้านหนึ่ง วัยรุ่นคนหนึ่งข่มเสียงต่ำเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น “สิ่งที่อยู่ด้านใน เป็นสิ่งสุดยอดจริงๆ ด้วย…”
“จะต้องเป็นสิ่งของล้ำค่าจากผู้ฝึกตนขั้นจินตันแน่นอน!” คุณยายของเขาตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าหลานชายตัวเองอีก ดวงตาของเธอแดงเรื่อขึ้นรำไร “ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นอะไร… แต่คงเหมือนกับทุกครั้ง จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าที่คนนึกไม่ถึงแน่นอน!”
“นายแน่ใจเหรอ?” อีกฝั่งหนึ่ง รองผู้อำนวยการฉีกำลังจ้องมองกล่องใบนั้นด้วยสายตาโลภมาก เขาเม้มปากแน่นก่อนเอ่ย “แน่ใจว่าเป็นสิ่งนั้นจริงๆ เหรอ?”
“ร้อยเปอร์เซ็น” น้ำเสียงอันพร่าแหบของฉู่เทียนอีเจือแววเก็บกดรำไร เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือกพร้อมกับจ้องมองกล่องใบนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย “นอกจากฉันแล้ว ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะยอมสละของแบบนั้นออกมา…”
หั่วหยุนที่อยู่ด้านหน้ากล่อง มองเผินๆ สีหน้าดูเหมือนมั่นคงไม่สะทกสะท้าน ทว่าเขากับอิ่งซากลับต้องโคจรพลังปราณอยู่อย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้ตัวเองโงนเงนถอยหลัง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก…
ไม่ใช่ครั้งแรกที่กล่องจากกองบัญชาการเทียนเต้าปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
แต่เมื่อเทียบกับแต่ละครั้งที่ผ่านมา พวกเขาต่างรู้สึกว่ารางวัลในครั้งนี้… เป็นสิ่งล้ำค่าที่น่ากลัวทรงพลังเป็นยิ่งนัก!
เป็นสิ่งล้ำค่าที่น้ำอมฤตรังสรรค์เทียบไม่ติด!
พวกเขาเคยศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผนึกมองไม่เห็นที่สลักอยู่บนกล่อง ไม่รู้ว่าจินตันเจินเหรินท่านไหนสลักเอาไว้ หากใช้กำลังเปิด ก็จะถูกโจมตีกลับอย่างรุนแรงจนอาจจะทำให้พวกเขาต้องพักฟื้นบ่มเพาะพลังปราณไปหลายสิบปีเลยทีเดียว!
ดังนั้น แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าด้านในคืออะไร!
รับรู้ได้แค่เพียงมวลพลังปราณท้วมท้นด้านใน ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ด้วยพลังเช่นนี้ ก็ทำเอาทุกคนกระหายหมายจะได้มา!
“ด้านในเป็นอะไรกันแน่?” หั่วหยุนระงับความตื่นตระหนกภายในใจตัวเองลง ลูกกระเดือกกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย ปัดมือขวาขึ้นเบาๆ จากนั้นกล่องหยกใบนั้นก็หายไปกับอากาศ
“เฮ้อ…” เสียงพ่นลมหายใจเบาๆ นับไม่ถ้วนดังระงมทั่วทั้งสนาม จนกลายเป็นคลื่นเสียงเบาๆ ระลอกหนึ่ง แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นจู้จียังถูกพลังจากกล่องเล็กๆ ใบนี้กดดันจนแทบอยากถอยห่าง นับประสาอะไรกับพวกเขา แม้อยู่ห่างหลายร้อยเมตรก็ยังรู้สึกหายใจไม่สะดวก
“สิ่งนี้ คือรางวัลของปีนี้” หั่วหยุนยังแอบถอนหายใจไปหนึ่งเฮือก หากเป็นไปได้ ตัวเขาเองก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับพลังที่ตนไม่รู้จัก “ซึ่งอาจแตกต่างจากปีก่อนๆ และไม่รู้ว่าจินตันเจินเหรินท่านใดให้มา ซ้ำยังไม่บอกว่าเป็นสิ่งใด”
“มีเพียงอย่างเดียวที่เหมือนกับปีที่ผ่านมา” เขายื่นขึ้นพลางกวาดสายตามองนักเรียนหกสิบคนบนสังเวียน ก่อนพูดเน้นย้ำทีละคำ “การแข่งขันชิงอันดับ ผู้ชนะเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ครอบครองมัน”
น้ำเสียงไม่ดังมาก แต่กลับทำเอาเปลวไฟในดวงตาพวกเขาทั้งหกสิบคนลุกโชติขึ้นในบัดดล!
การแข่งขันชิงอันดับ ไม่ต้องอธิบายพวกเขาก็เข้าใจความหมายมันเป็นอย่างดี
ไม่มีใครคัดค้าน โดยเฉพาะอันดับหนึ่งทั้งสิบสามคนที่ไม่มีใครกล้ายอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตัวเอง แต่ว่า…
นี่เป็นเพียงความคิดเมื่อครู่เท่านั้น…
หากจะให้พูด ก่อนหน้านี้พวกเขาเข้าใจความหมายของการแข่งขันชิงอันดับในแบบของตัวเอง แต่หลังจากหั่วหยุนบอกว่ารางวัลจะตกเป็นของผู้ชนะ แววตาทุกคนก็เปลี่ยนไป
ความเงียบไร้สุรเสียงเมื่อครู่ บังเกิดความน่าเกรงขามที่ซาบซ่านไปทุกอณูรูขุมขนและทุกเซลล์ราวกับกำลังจมอยู่ในมวลแรงดันของมหาสมุทร ช่วงที่สิ่งของล้ำค่าจากจินตันเจินเหรินปรากฏมาเสี้ยวพริบตา ทำเอาความต้องการเอาชนะของพวกเขาพุ่งทะยานถึงขีดสุด ทุกคนต่างต้องการปีนไปอยู่บนจุดสูงสุดให้ได้!
ด้านในคืออะไร?
ยาวิเศษ? อาวุธหายาก? หรือ… หินวิญญาณชั้นเลิศ?
ไม่มีใครรู้ แต่ด้วยความไม่รู้แบบนี้เองที่ทำให้กล่องปริศนานี้เป็นที่น่าสนใจ และแฝงไปด้วยความพิศวง!
ไม่ว่าจะเป็นอะไร นี่ถือว่าเป็นโอกาสหายากชนิดที่ร้อยปีมีครั้ง! เป็นโอกาสที่มาจากผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกผู้ฝึกตน! เป็นก้าวแรกของการกางปีกถลาบินของพวกเขา!
“รุ่นพี่ครับ การแข่งขันชิงอันดับเป็นวิธีเรียงอันดับนักเรียนที่จบการศึกษาอย่างพวกเราใช่ไหมครับ? และวิธีนี้เฟ้นหาที่หนึ่งใช่ไหมครับ?” นักเรียนคนหนึ่งประสานมือพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเนื่องจากตื่นเต้นและรอลุ้นเกินไป “หากรุ่นน้องอย่างผมเข้าใจว่านี่เป็นการต่อสู้จัดอันดับได้ไหมครับ? และคนที่ยืนหยัดอยู่เป็นคนสุดท้ายถึงจะมีสิทธิ์ครอบครองรางวัลล้ำค่านี้”
“ใช่แล้ว” อิ่งซาตอบกลับอย่างนิ่งเฉย แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ากำหมัดแน่นอยู่ตลอดจนกระทั่งกล่องหายไป แล้วจึงค่อยๆ คลายมือ
สวีหยางอี้ไม่ได้เอ่ยปากพูดขึ้น สิ่งที่ฉู่เจาหนานคิดไว้ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แม้ว่าพลังปราณของเขาจะลดลง แม้ว่าเขาจะบรรลุตบะไม่สำเร็จ แต่ว่า…
สิ่งของล้ำค่าที่ไม่รู้จักชิ้นนี้ หากไม่ตกเป็นของเขาแล้วจะตกเป็นของใครได้?
เขาพ่นลมหายใจอย่างแผ่วเบา ก่อนเริ่มโคจรพลังปราณทั่วทั้งร่าง ความรู้สึกประหนึ่งราชสีห์ดุร้ายออกจากกรงผุดขึ้นกลางใจ แรงกระตุ้นอันกระหายเลือดพลันพุ่งพล่านไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่ง
“สิงโตต้องการกินคน…” เขาปราดมองใบหน้าทุกคนด้วยแววตาเย็นเยียบก่อนหลุบตาต่ำ “คิดจะเล่นงานฉันงั้นเหรอ… ไม่เป็นไร ฉันจะไล่ถามทีละคนเดี๋ยวนี้…”
“อันดับหนึ่งเจอกับอันดับหนึ่ง ส่วนอันดับอื่นเจอกันเอง” หั่วหยุนคลี่ยิ้ม “เวลาไม่รอช้า งั้นมาเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลย”
ในที่สุด คำพูดนี้ก็ปลุกความฮึกเหิมที่อัดอั้นมาสักพักของทุกคนระเบิดออก
ผู้คนทั่วไปที่มาจากตระกูลผู้ฝึกตนต่างพากันจ้องหน้าจอแล็ปท็อปตาเขม็ง นิ้วมือพลันวางบนแป้นพิมพ์อย่างชำนาญ เพื่อเตรียมพร้อมวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ส่วนผู้นำตระกูลก็จ้องมองตรงกลางสังเวียนด้วยแววตาเป็นประกาย!
ติงเซียง ฝูหรง และทูจิ้วที่นั่งอยู่ต่างพากันผ่อนลมหายใจออกยาวๆ ติงเซียงพลันยกแก้วขึ้นมาจิบหนึ่งคำ จากนั้นทั้งสามก็จ้องมองกลางสังเวียนตาเป็นมัน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฉู่เทียนอีหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งด้วยท่าทางเรียบเฉย แต่สีหน้ากับซีดเผือดจนดูขาวเหมือนกระดาษ บนหน้าอกเขาคล้ายมีบางอย่างส่องแสงสีเหลืองทองวิบไหวอยู่ โดยที่สีหน้าเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“ยังไหวอยู่ไหม?” รองผู้อำนวยการฉีเอ่ยถามคิ้วขมวด “นี่เป็นพลังกดดันระดับจินดันเชียวนะ… ต่อให้มีเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่พลังที่คนทั่วไปจะทนไหว”
“นั่นมันคนธรรมดาทั่วไป” ผ่านพักใหญ่ฉู่เทียนอีจึงหลับตาพลางกำชับผู้ฝึกตนสองคนที่เขาพามา “ติ้งกวง ติ้งย่วน พวกนายรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”
ผู้ฝึกตนทั้งสองค้อมตัวเล็กน้อย พลันเบนสายตาไปมองแหวนที่นิ้วของตัวเองทันที
“สำหรับรางวัลนี้… หากมันไม่ตกเป็นของตระกูลฉู่ ก็ไม่มีตระกูลไหนคู่ควรกับมัน”
บรรยากาศในตอนนี้เงียบสงบลงแล้ว ประหนึ่งพายุอันเกรี้ยวกราดที่อ่อนกำลังลงเมื่อถึงผืนสมุทร อิ่งซาดีดนิ้วเบาๆ ดัง “เปาะ” หนึ่งที ดวงแสงพลังปราณสีขาวขุ่นพลันปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าเขาสิบสามดวง จากนั้นเขาก็หยิบมาสองดวงก่อนบีบมันจนสลาย
ชั่วพริบตา พลังปราณข้างในก็พวยพุ่งออกเป็นสายหมอกราวกับงูขาวนับหมื่นกำลังเริงระบำทั้งจากทางด้านซ้ายและด้านขวา ก่อนกลายเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่บนอากาศทั้งสองฝั่ง!
ด้านซ้าย อันดับหนึ่งจากนครเจาผิง หลัวซานเฟิง
ด้านขวา อันดับหนึ่งจากนครอวี้หยาง สวีหยางอี้
“ขอให้ทั้งสองก้าวออกมา”
เสียงพ่นลมหายใจดัง “ซู่…” ในเวลากัน ดวงตาของสวีหยางอี้พลันฉายแววกระหายเลือดออกมาแวบหนึ่ง
หมัดกำหมัดแน่นจนเกิดเสียง ก่อนทุบขานวดกล้ามเนื้อเป็นอย่างดี…
จากนั้นก็คว้าจับขอบหินและกระโดดขึ้นแท่นสังเวียนสูงสองเมตรทันที
ใต้ฝ่าเท้าของเขาคือพื้นหินหยก แทบจะในเวลาเดียวกัน วัยรุ่นผมแสกข้างสูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตรก็กระโดดขึ้นมาบนแท่นสังเวียนเช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ และไม่มีใครถามว่าทำไมถึงมีการแข่งขันชิงอันดับ เพราะกล่องใบนั้นเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด
บรรยากาศไร้ซึ่งค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ไร้ซึ่งสังเวียนสูงเสียดฟ้าเหมือนในนิยาย แต่จะมีเทพเซียนเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาล!
เหล่าผู้นำตระกูลผู้ฝึกตนหลายสิบคนต่างลุกขึ้นยืน แววตาลุกโชติดุจเปลวเพลิง มีทั้งวัยรุ่นและวัยชรา มีทั้งชายหน้าจืดและสาวหน้าสวย บ้างจับราวรั้ว บ้างโน้มตัวไปข้างหน้า ทั่วทั้งสนามต่างพากันจ้องมองสองคนนั้นเงียบกริบ
การประลองรอบแรก… เป็นศึกระหว่างนักเรียนเกรด A ห้าตัวกับนักเรียนเกรด A สามตัว!