จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 106

“โจรเฒ่าหยางฮง ไสหัวออกมาให้กับบิดา!”

เสียงของฉินเทียนดังกังวานจนได้ยินทั่วทั้งเมืองขอบนภา

แบบใดจึงเรียกว่าอหังการ?

ก็คือสิ่งที่ฉินเทียนกําลังทําอยู่นี้ น้ำเสียงของฉินเทียนที่ทั้งแสดงถึงความเกลียดชังและดูถูกเหยียดหยามไปพร้อมกันในการเรียกนายเหนือแห่งเมืองขอบนภาให้ออกมา สิ่งนี้ทําให้เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความตกตะลึงกับการประกาศตัวอย่างราชันอหังการของฉินเทียน

“เป็นเด็กหนุ่มที่อวดดีไม่เบา”

“ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าระดับแปดขั้นกลั่นวิญญาณ อัจฉริยะ ช่างเป็นอัจฉริยะโดยแท้”

“ซือฟู่ (อาจารย์) ท่านสามารถมองเห็นอนาคตของเขาหรือไม่?”

ที่เนินเขาห่างออกจากตัวเมืองออกไปหลายสิบกิโลเมตร ที่นั่นมีเงาร่างสามเงาร่างยืนยกมือไพล่หลังอย่างสง่างามอยู่ ผู้ที่อยู่ตรงกลางเป็นบุรุษที่สวมชุดคลุมมังกรซึ่งมีกลิ่นอายของปราณมังกรแผ่จากร่างอยู่ลางๆ ขณะที่จ้องมองไปยังตัวเมืองซึ่งอยู่ห่างออกไป หว่างคิ้วที่ขมวดมุ่นเผยให้เห็นความวิตกกังวลที่มีอยู่

เขาคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้าหลี่ หลี่กง

ส่วนผู้ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองเป็นผู้พิทักษ์ขั้นสวรรค์ ทั้งยังเป็นอาจารย์ของหลี่กง

บุรุษที่สวมชุดคลุมสีฟ้าท่วงท่าคล้ายนักปราชญ์คือ หลูตงไห่ ภายนอกอาจดูคล้ายบุรุษที่อายุราวสี่สิบปี แต่แท้จริงเขามีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบปีแล้ว เมื่อผู้บ่มเพาะสามารถทะลวงขึ้นมาถึงขั้นสวรรค์ อายุขัยของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยปี

อีกผู้หนึ่งอยู่ในชุดคลุมสีดํา เส้นผมที่ขาวโพลนทําให้เขาดูแก่ชรา ทว่าก็ยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ คนผู้นี้คือ จ้าวฉางชิง

ชายชราทั้งสองล้วนอยู่ในขั้นสวรรค์ซึ่งเป็นตัวตนดั่งเทพเทวา

นับตั้งแต่ที่ฉินเทียนก้าวเข้าสู่เมืองขอบนภา คนกลุ่มนี้ก็จับตาดูเขาแล้ว แม้จะมีระยะทางหลายสิบกิโลเมตรที่กั้นขวางอยู่ กระนั้นพวกเขาก็ยังสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในเมืองได้อย่างชัดเจน

ความแข็งแกร่งที่ฉินเทียนแสดงออกได้สร้างความตกตะลึงแก่คนทั้งสามไม่น้อย และกระทั่งทําให้หลี่กงเผยแววปริวิตกออกมา

ตระกูลหยางแน่นอนว่าแข็งแกร่ง ทั้งยังมีบรรพชนลึกลับที่พวกเขายังไม่ทราบหลบซ่อนตัวอยู่ แม้กระนั้นหลี่กงก็มั่นใจว่าสามารถกําราบตระกูลหยางลงได้ หากแต่เมื่อพิจารณามาถึงฉินเทียน ตัวเขากลับไม่มั่นใจแล้ว

เด็กหนุ่มอายุสิบแปดที่อยู่ในระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับแปดขั้นกลั่นวิญญาณ และนี่เป็นเพียงการประเมินอย่างหยาบเท่านั้น เพราะหลีกงมั่นใจยิ่งว่าฉินเทียนยังไม่ได้แสดงพลังออกมาทั้งหมด มิเช่นนั้นมีหรือที่ฉินเทียนจะกล้าเรียกหยางฮงที่อยู่ระดับสูงสุดของขั้นกลั่นวิญญาณให้ออกมาปะทะซึ่งหน้า? นับตั้งแต่อาณาจักรต้าหลี่ก่อตั้งมานับล้านปี ยังไม่มีบุคคลที่จู่ๆก็ผุดเด่นขึ้นมาเฉกเช่นฉินเทียนมาก่อน ความเร็วในการบ่มเพาะที่ท้าทายสวรรค์ เช่นนี้ยังไม่เคยมีปรากฏในอนาคตเขาใช่จะกลายเป็นเสียนหนามของอาณาจักรต้าหลี่หรือไม่?

เพื่ออาณาจักรต้าหลี่แล้ว หลี่กงจําต้องพิจารณาในเรื่องนี้

“ไม่จําเป็นต้องกังวล ปล่อยให้พวกกระหม่อมเฝ้าจับตาดูเขาเอง” หลูตงไห่ยิ้มกล่าว แน่นอนว่าอาจารย์อย่างพวกเขามีหรือจะไม่รู้ว่าหลี่กงคิดอะไรอยู่

จ้าวฉางชิงพลันกล่าวขึ้นว่า “เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้มาจากตระกูลชั้นสูงหรือคหบดีอันใด ทว่าความเร็วในการบ่มเพาะกลับไม่ธรรมดา อนาคตในภายหน้าต้องไปได้ไกล กระทั่งถึงจุดสูงสุดของการบ่มเพาะจนไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา หากสามารถส่งถ่านท่ามกลางหิมะแก่เขา เขาจะมีส่วนช่วยต่อฝ่าบาทอย่างมาก”

หลี่กงพยักหน้า ในใจรู้สึกโปร่งโล่งราวกับยกหินออก

……………………………….

เมืองขอบนภา

“อั่ก………”

พร้อมกับความโกรธที่วิ่งแล่นภายในใจ หยางฮงที่ไม่อาจสะกดอดกลั้นก็กระอักโลหิตออกมา กลิ่นอายของเขาพลุ่งพล่านขณะที่ลุกขึ้นพรวด หยางฮงพลันคํารามออกมาด้วยใบหน้าโกรธจัด “คืนชีวิตบุตรชายข้ามา!……. ”

“ท่านพ่อโปรดระงับโทสะ…” หยางหลินรีบกล่าวอย่างกังวล ตอนนี้นับว่าการฝืนทะล วงไปขั้นสู่สวรรค์ได้ล้มเหลวลงแล้ว

ระงับโทสะ? หยางฮงยังจะระงับอะไรได้อีก?!

มาถึงจุดนี้ หยางฮงก็เกิดปีศาจภายในใจแล้ว ความโกรธที่พรั่งพรูออกมาคอยกระซิบชี้นําให้เขาฆ่าล้างสังหารให้สิ้น ซึ่งหากสิ่งนี้เกิดขึ้น ทั้งเมืองขอบนภาก็คงถูกพลิกตลบขึ้นมา

“หลินเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกังวล บิดาไม่เป็นอะไร” หยางฮงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสะกดระงับโทสะที่พลุ่งพล่านและค่อยๆสะกดจิตมารที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ

หยางหลินหันไปมองอนม่านที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปข้างกายหยางฮง “กลิ่นอายโชคดีสามารถช่วยให้ท่านพ่อผืนทะลวงผ่านขั้นสวรรค์ เรื่องนี้เพียงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เมื่อท่านทะลวงผ่านไปขึ้นสวรรค์ได้สําเร็จ ถึงตอนนั้นอาณาจักรต้าหลี่ก็ไม่อาจจะทําอย่างไรต่อพวกเรา”

“ท่านพ่อ โปรดกล้ำกลืนอีกสักระยะ”

หยางหลินที่พยายามกล่าวเกลี้ยกล่อมเต็มที่กลับถูกตัดบทขึ้นมา “น้องสี่เจ้าตายแล้ว เปียวเอ๋อก็อยู่ที่ปากประตูนรก ในฐานะของบิดาแล้ว ข้ายังจะทนได้อีกหรือ?”

“หากทนไม่ได้ก็ต้องฆ่า!”

” หากฉินเทียนยังไม่ตกตาย ข้าไม่มีทางวางใจ!”

จิตสังหารที่พรั่งพรูออกมาพร้อมกับปราณเพลิงสีดําที่ลุกโชนทําให้หยางหลินต้องก้าวถอยหลังออกไป หยางฮงพุ่งตัวออกจากห้องก่อนจะคํารามเสียงดัง “ฉินเทียน บิดาจะ ฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”

หยางฮงบันดาลโทสะอย่างที่สุด หากยังกล้ํากลืนฝืนทนต่อไป เกรงว่าเขาคงกลายเป็นคนวิปลาส หากตกอยู่ในสภาพนั้น เขายังมีหวังทะลวงถึงขั้นสวรรค์อีกหรือ? หรือต่อให้ทะลวงผ่านได้สําเร็จ เขาก็คงถูกจิตมารครอบงําจนกลายเป็นเพียงหุ่นสังหารที่ไร้ชีวิตจิตใจไป

ฉินเทียนกลายเป็นมารในใจของเขาไปแล้ว หากฆ่าฉินเทียนไม่ได้ใจเขาก็คงไม่สงบสุข

หยางหลินถอนหายใจ เขาแค้นฉินเทียนยิ่ง ในตอนนั้นเขาไม่ควรปล่อยให้ฉินเทียนหลบหนีไปได้ ตอนนี้สํานวนที่ว่า “ปล่อยพยัคฆ์คืนภูเขาจะสร้างปัญหา” ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว เมื่อเห็นบิดาพุ่งตัวจากไป เขาก็รีบโคจรพลังปราณเรียกพผงภูติผู้ตามติดไป

ทิ้งอวิ๋นม่านให้อยู่ในห้องโถงเพียงลําพัง หลังจากคนทั้งสองจากไปแล้ว อวิ๋นม่านก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับแววตาที่สั่นไหว นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดหัวใจ เมื่อสักครู่ก่อน เสียงตะโกนของฉินเทียนได้ปลุกนางให้ได้สติคืนมา และนางก็ทราบดีว่าการมาของฉินเทียนในครั้งนี้ก็เพื่อกลับมาช่วยนาง

ใบหน้าของนางขาวซีด ในใจเกิดเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายเป็นคําพูดขึ้นมา ใจหนึ่งนางก็ต้องการให้ฉินเทียนหลบหนีไป แต่อีกใจหนึ่งก็หวังให้ฉินเทียนช่วยนางไปด้วยกัน ความคิดที่ขัดแย้งกันนี้ทําให้นางเจ็บปวดอย่างที่สุด

อวิ๋นม่านลุกยืนขึ้นก่อนจะก้าวเดินไปยังทางออกอย่างยากลําบาก

” หยางฮง ไอ้โจรเฒ่า ไสหัวออกมารับความตาย!…”

“ไอ้ลูกหลานเต่า รีบไสหัวออกมา บิดาจะมอบความตายให้เจ้า!…”

“แม้แต่ลูกก็ไม่สนใจ ยังกล้าเรียกตัวเองเป็นพ่อคนอีกเหรอ?”

……………………….

“ถล่มน้องสาวมันเถอะ! ด่าถึงขนาดนี้ก็ยังไม่โผล่หัวมาอีก!” ฉินเทียนที่ด่าจนปากแห้ง สบถออกมาอย่างหงุดหงิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าหยางฮงจะยังทนอยู่ได้

ระดับสุดยอดขั้นกลั้นวิญญาณ ตัวตนที่ทรงพลังสุดสูงกลับถูกด่าอย่างสาดเสียเทเสียถึงเพียงนี้ มีหรือที่จะไม่โกรธ? ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าบุตรชายของเขาในเวลานี้กําลังหลงเหลือลมหายใจรวยริน ขอเพียงฉินเทียนเพิ่มกําลังที่ฝ่าเท้าสักหน่อย บุตรชายก็คงตกตายไปอีกคน ในฐานะของบิดาแล้ว เขาจะนิ่งเฉยไม่สนใจได้อย่างไร?

ต่อให้ไม่ด่าจนถึงขั้นกระอักเลือดตาย แต่ข้าก็จะด่าให้เจ้ากลายเป็นบ้า! อยากฝืนทะลวงขั้นงั้นเหรอ? เอาไว้ชาติหน้าเถอะ!

ฉินเทียนถ่มน้ำลายพลางเหลือบมองหยางเปียวที่หอบหายใจราวกับวัวแวบหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา “บิดาของเจ้านี่เรียกได้ว่าเลวถึงแก่นเลยนะ กระทั่งชีวิตลูกชายก็ไม่เอาแล้ว งั้นก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน”

ถึงจะกล่าวออกไปเช่นนั้น หากแต่ในใจกับคิดขึ้นอีกแบบหนึ่ง “เจ้านี่ก็เป็นมินิบอส คงให้ค่าประสบการณ์และพลังปราณไม่น้อย แล้วแบบนี้จะให้ข้าปล่อยเจ้าไปเหรอ? ทําแบบนั้นมันสร้างความลําบากให้ตัวเองชัดๆ”

“เทียนน้อย… ” ฉินเหลียนขมวดคิ้ว ก่อนที่นางจะทันได้กล่าวอะไร รอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเทียน ในที่สุดก็ยอมไสหัวออกมา”

ฉินเทียนแค่นเสียงกล่าวขณะที่เท้ายังเหยียบอยู่บนศีรษะของหยางเปียว “โจรเฒ่าหยางฮง ไสหัวออกมาได้สักทีนะ”

ครืด……………..

พร้อมกับจิตสังหารที่พุ่งปะทุ มวลเมฆเหนือศีรษะของหยางฮงก็รวมตัวกันหนาแน่นขึ้นทุกขณะ ทุกก้าวที่ก้าวออกล้วนส่งผลให้มีประกายสายฟ้าปรากฏขึ้นวูบวาบ

หยางฮงในตอนนี้โกรธถึงขีดสุดแล้ว……