บทที่ 3: เริ่มต้นชีวิตบั๊กของฉัน!

19.00 น.

ในที่สุดครอบครัวของหวังเต็งก็นั่งทานอาหารเย็นด้วยกัน

“ พ่อของลูกมีงานเข้าระหว่างทาง ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปยังที่ทำงานของเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงกลับมาเลทไปหนึ่งชั่วโมง” หลี่ซิ่วเหม่ยบ่นขณะที่เธอวางอาหารลงในชามของหวังเต็ง

หวังเต็งเก็บตัวอยู่ในห้องของเขานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องอาหารเย็นไปแล้วด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่พ่อของเขามาทำงานสาย

“ มันเป็นเรื่องฉุกเฉิน ผมต้องกลับไปดูแลมันก่อน” หวังเฉินกั๋วตอบอย่างช่วยไม่ได้

“ อย่าไปสนใจพ่อของลูกเลย จิตใจของเขาจับจ้องอยู่แค่กับบริษัทโง่ๆของเขา” หลี่ซิ่วเหม่ยกลอกตาไปที่หวังเฉินกั๋ว

หวังเต็งยิ้ม

ในตอนที่เขาอยู่โรงเรียนมัธยม ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อของเขาก็ค่อนข้างจะตึงเครียด หวังเฉินกั๋วตั้งความหวังไว้สูงมากสำหรับลูกของเขา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเข็มงวดกับหวังเต็ง อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็อยู่ในช่วงวัยต่อต้านและเขาก็เรียนไม่เก่ง ดังนั้นความขัดแย้งระหว่างเขากับพ่อจึงรุนแรงขึ้น

เมื่อคิดย้อนกลับไป หวังเต็งก็รู้สึกว่าการกระทำของเขาในอดีตนั้นดูเด็กมาก

บนโต๊ะอาหาร หวังเต็งและหวังเฉินกั๋วนั่งเงียบเมื่อเปรียบเทียบกับหลี่ซิ่วเหม่ย เธอวางอาหารลงในชามของหวังเต็งและพูดคุยกับพ่อและลูกชาย

หวังเต็งชอบบรรยากาศนี้

หวังเฉินกั๋วได้สนทนาสั้นๆกับหวังเต็ว เขามีความกังวลเรื่องการเรียนเป็นส่วนใหญ่

คำตอบของหวังเต็งนั้นค่อนข้างมาตรฐาน เขาไม่ได้เป็นเด็กเกเรเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และเขาก็ไม่ได้โมโหหรือทุบตะเกียบของเขา

หวังเฉินกั๋วรู้สึกประหลาดใจ เขารู้สึกว่าลูกชายของเขาเปลี่ยนไปในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ หวัง เฉิงกั๋วก็รีบออกจากบ้านไป

ในฐานะหัวหน้าบริษัทขนาดใหญ่ เขาก็มีหลายอย่างที่ต้องจัดการทุกวัน ส่วนใหญ่แล้วเขาจะสามารถนอนได้เพียงสี่ถึงห้าชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

หวังเต็งบอกแม่ของเขาก่อนออกจากบ้านด้วย เขารีบตรงไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน

รถสปอร์ตสีเหลืองวิ่งไปตามท้องถนนในตอนกลางคืน เสียงเครื่องยนต์ดังและดึงความสนใจจากผู้คนมากมายที่สัญจรไปมา รถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้พลังฟอร์สเป็นแหล่งพลังงาน เพราะเชื้อเพลิงได้ถูกกำจัดไปนานแล้ว และพลังฟอร์สก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและราคาถูกกว่า

ผู้บุกเบิกไม่เพียงแต่จะนำวิธีการฝึกฝนกลับมาจากทวีปซินหวู่เท่านั้น แต่พวกเขายังนำเทคโนโลยีใหม่ๆกลับมาอีกมากมาย

อักษรรูนฟอร์สก็เป็นหนึ่งในนั้น

ด้วยการรวมเทคโนโลยีจากทวีปซินหวู่และโลก เทคโนโลยีฟอร์สจึงได้ถือกำเนิดขึ้น จากนั้นรถยนต์ก็เริ่มใช้พลังจากฟอร์ส โดยต่อมาคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ก็เริ่มเปลี่ยนไปใช้ชิปและแบตเตอรี่พลังฟอร์สแทน ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกมันทำงานเร็วขึ้นและใช้งานได้นานขึ้น…

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หวังเต็งจอดรถไว้นอกสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้

จากข้อมูลที่เขาพบ สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินก็เป็นหนึ่งในสามสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ชั้นนำของจีน อาจารย์ใหญ่ของสถาบันแห่งนี้เป็นนักสู้ระดับ 12 ดาว เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 5 นักสู้ชั้นนำของจีน

ในขณะที่เขาติดอันดับหนึ่งใน 20 อันดับแรกของโลก

มันมีระดับที่แตกต่างกันสำหรับนักสู้: 1 ดาวถึง 9 ดาวเป็นพลทหาร 10 ดาวเป็นแม่ทัพระดับเริ่มต้น 11 ดาวเป็นแม่ทัพระดับต่ำ 12 ดาวเป็นแม่ทัพ 13 ดาวเป็นแม่ทัพระดับสูง…

จากตารางนี้ เราก็สามารถบอกได้ว่ารากฐานของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินนั้นทรงพลังเพียงใด

สำนักงานใหญ่ของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินนั้นอยู่ในเมืองเซีย โดยมีสาขากระจายอยู่ตามเมืองใหญ่ๆในประเทศจีน พวกเขามีนักสู้จำนวนมากในสังกัดและพวกเขาก็ได้ผลิตนักสู้ชั้นนำออกมาเป็นจำนวนมาก

สาขาตงไห่ของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินนั้นตั้งอยู่ริมทะเล หากมองจากในตอนมืด มันก็ดูเหมือนสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่กำลังนอนคว่ำ พื้นที่ที่ครอบคลุมนั้นเปรียบได้กับโรงเรียนมัธยมปลาย

ประตูทางเข้าของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้นั้นกว้างเพียงพอสำหรับรถห้าคันที่จะขับผ่านไปแบบเคียงข้างกัน มันยิ่งใหญ่และงดงามเกินกว่าจะบรรยาย

มันมีก้อนหินขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลางประตูทางเข้า และมันก็มีคำว่า ‘สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินสาขาตงไห่‘ ถูกเขียนด้วยทองคำอย่างเด่นชัด

เมื่อเขาไปถึงป้อมยาม ยามสองสามคนก็ถือปืนเดินไปที่รถของเขา

“ นี่เป็นการตรวจสอบเบื้องต้น โปรดให้ความร่วมมือ”

หวังเต็งลดหน้าต่างรถลงและพยักหน้า จากนั้นเขาก็ลงจากรถของเขา

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถและใช้เครื่องสแกนเพื่อตรวจสอบร่างกายของหวังเต็ง กระบวนการทั้งหมดทำอย่างระมัดระวัง

ในเวลาเดียวกัน หวังเต็งก็ประเมินยามด้วยเช่นกัน

พวกเขาสวมเสื้อป้องกันสีดำและมีปืนกลลำกล้องขนาดใหญ่อยู่ในมือ เพียงแค่รูปลักษณ์ที่คุกคามและเครื่องมือที่น่ากลัวนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นตกใจ

มันมีอักษรรูนฟอร์สสลักอยู่บนปืนกล และแสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่ปืนกลธรรมดาๆ ดังนั้นแม้ว่าคนที่โดนปืนกลนี้โจมตีจะเป็นนักสู้อย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็จะหลีกหนีความพิการไม่พ้นอย่างแน่นอน

หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว ยามก็ปล่อยเขาเข้าไป

หวังเต็งจอดรถและเดินไปตามทางเดิน

เลยเวลา 20.00 น. แล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังสว่างไสว มันสามารถพบเห็นศิษย์จำนวนมากได้ระหว่างทาง

ทุกวินาทีนับตั้งแต่คุณฝึกฝนเพื่อเป็นนักสู้ การมีความสามารถก็นับเป็นเกณฑ์พื้นฐาน พวกเขายังคงต้องทำงานหนักเพื่อบรรลุความก้าวหน้าในเส้นทางการฝึกฝนของพวกเขา

มันมีอาคารสูงและใหญ่สามหลังในสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ พวกมันมีสีขาวเงินที่ดูมีลักษณะเฉพาะและทำให้มองเห็นได้ง่าย

ตรงกลางเป็นอาคารบริหาร มันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงร้อยเมตร มันตั้งตรงขึ้นไปในหมู่เมฆเหมือนแท่งหอก และที่ส่วนปลายก็ดูบวมๆแปลกๆ

ด้านซ้ายมือเป็นอาคารสอนศิษย์นักสู้ ส่วนด้านขวาเป็นอาคารฝึกศิษย์นักสู้

อาคารทั้งสองหลังนี้ดูเหมือนลูกบอลกลมขนาดใหญ่สองลูก พวกมันไม่ได้สูงนัก มันมีเพียงสามชั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกมันก็กว้างขวางมาก จากการประมาณคร่าวๆ พวกมันก็ใหญ่กว่าสนามกีฬาของโรงเรียนมัธยมตงไห่ถึงสองเท่า

ตำแหน่งของอาคารทั้งสามหลังนี้ทำให้หวังเต็งสงสัยว่าอาจารย์ใหญ่กำลังคิด… อะไรอยู่กันแน่ในตอนที่เขาสร้างมัน

หวังเต็งทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่อาคารบริหารโดยไม่ลังเล

ภายใต้การแนะนำของเจ้าหน้าที่ เขาได้ลงทะเบียนตนเองเป็นศิษย์ของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้และไปที่อาคารสอนศิษย์ศิลปะการต่อสู้

สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จะรับเฉพาะคนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 30 ปี เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์

หวังเต็งมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ดังนั้นอายุจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

เสียงดังในอาคารสอนทำให้เขาตกใจในวินาทีที่เขาเดินเข้าไปในอาคาร

ชั้นแรกเป็นที่ที่เหล่าศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นฝึกฝน ศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ และพวกเขาก็มีจำนวนมากกว่า 3,000 คน

ที่ชั้นหนึ่ง ศิษย์ทุกคนต่างกำลังฝึกฝนอย่างหนัก ซึ่งนั่นก็ทำให้มันดูมีชีวิตชีวามาก

ต่อมาหวังเต็งเข้ามาในล็อบบี้หลัก เขาหยุดนิ่งอยู่ที่จุดนั้น

เขาเห็นอะไร?

ฟองสบู่ใสประมาณ 50 ฟองกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน

ความแข็งแกร่ง*1

ความเร็ว*3

ร่างกาย*1

ความรู้แจ้ง*0.5

ความแข็งแกร่ง*2

หวังเต็งกระพริบตา เขากระพริบตาอีกครั้ง ฟองสบู่ยังคงอยู่ แต่ศิษย์คนอื่นๆในล็อบบี้กลับมองไม่เห็นมัน

นี่คือความสามารถพิเศษของเขา?!

เขาไม่แน่ใจนัก ดังนั้นเขาจึงดึงศิษย์ที่เดินผ่านมา

” นายต้องการอะไร!”

ศิษย์คนนี้อายุประมาณ 17 ปี เขาเหลือบมองหวังเต็งอย่างหงุดหงิดด้วยท่าทาง ‘ทำไมมันถึงหล่อกว่าฉันกัน‘

“ พี่ชาย พื้นของคุณ… มันดูสวยมาก” หวังเต็งชี้ไปที่พื้นแล้วพูด

ฟองสบู่โปร่งใสยังคงลอยอยู่ที่ความสูงระดับน่องของเขา เขาสามารถเห็นพวกมันได้เพียงแค่ก้มหัวลง

ศิษย์ไม่ได้สนใจฟองสบู่และตอบอย่างใจร้อนว่า “ แน่นอน นี่คือพื้นยางที่ดีที่สุด มันมีอักษรรูนฟอร์สแกะสลักไว้ซึ่งสามารถลดแรงสั่นสะเทือนได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้มันสามารถใช้งานได้นานขึ้น และมีฟังก์ชันอื่นๆ มากมาย”

“ นายมาจากไหนกัน? ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”

ศิษย์คนนั้นสะบัดมือและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

หวังเต็งลูบคางของเขา จากปฏิกิริยาของบุคคลคนนั้น มันก็เห็นได้ชัดว่าเขามองไม่เห็นฟองสบู่ นั่นหมายความว่าหวังเต็งเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นพวกมันได้

เหล่าศิษย์เดินไปมารอบๆพื้นที่ฝึกอบรม บางคนก็เดินผ่านฟองสบู่ไปราวกับว่าฟองสบู่เหล่านั้นไม่มีอยู่จริง

หวังเต็งขยับเข้าไปใกล้ๆฟองสบู่ฟองที่ใกล้ที่สุดเพื่อทดสอบว่าเขาจะสามารถเดินผ่านมันไปได้หรือไม่

ทันทีที่เขาสัมผัสฟองนั้นก็หายไป

วิสัยทัศน์ของเขาพร่ามัวไปครู่หนึ่ง และกระดานโปร่งใสก็โผล่ออกมา

ความรู้แจ้ง: 18

ร่างกาย: 41

ความแข็งแกร่ง: 50 (+1)

ความเร็ว: 32

หัวใจของหวังเต็งสั่นสะท้านเมื่อเขาจ้องไปที่กระดานโปร่งใส เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะกระโดดออกจากลำคอของเขา

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกดีอกดีใจ

หวังเต็งรู้สึกว่าเขาจะไม่ตื่นเต้นขนาดนั้นแม้ว่าเขาจะจับสลากร้อยล้านก็ตาม

เขาควบคุมตัวเองไม่ได้

นี่คงเป็นบั๊ก!

ในยุคที่นักสู้กำลังเป็นกระแสหลัก การแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จได้

บั๊กของเขานี้ทำให้เขาสามารถรวบรวมค่าคุณสมบัติจากคนอื่นและเปลี่ยนมันให้เป็นของเขาเองได้ นี่มันเป็นอะไรที่ท้าทายสวรรค์มาก!

คนอื่นต้องฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งในขณะที่เขาเพียงแต่เก็บฟองสบู่ค่าคุณสมบัติที่ต้องการ หวังเต็งมองเห็นเส้นทางสู่ความสำเร็จที่ไร้ซึ่งอุปสรรคอยู่ตรงหน้าเขา

และวันหนึ่งเขาก็จะตรงไปสู่จุดสูงสุดของโลก!