ตอนที่ 104 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 16

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 104 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 16

“เอาล่ะ ฉันจะเก็บความลับนี้เอาไว้ก่อน!” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและพูดต่อ “แต่ฉันอยากจะชี้แจงสักสองข้อ”

“อย่างแรกเลยถ้าพวกนายเผลอไถลออกไป อย่าลืมว่าพวกนายทุกคนสามารถใช้พลังจิตปรับแต่งรองเท้าสเกตได้ หลายคนยังไม่คุ้นเคยกับการใช้พลังดวงดาวเปลี่ยนเป็นรองเท้าสเกต ดังนั้นถ้าพวกนายเผลอลื่นออกไปมันอาจทำให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นบาดเจ็บได้ง่าย ๆ”

“จำเอาไว้ว่าพวกนายทุกคนต้องใช้พลังจิตควบคุมมัน เข้าใจไหม?”

สวี่หลิงอวิ๋นเน้นย้ำ

เหล่านักเรียนทั้งหลายพยักหน้า

“ดีมาก! ไปได้!”

ทันทีที่เสียงของสวี่หลิงอวิ๋นสิ้นสุดลง เหล่านักเรียนก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามใช้รองเท้าสเกตนี้สำหรับการสเกตบนลานน้ำแข็ง มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก

อย่างไรเสีย พวกเขาก็ยังเป็นเด็ก เมื่อความสนุกถูกกระตุ้นออกมา ความสนใจก็เพิ่มมากขึ้น จนไม่สามารถหยุดเล่นได้

คนจากฝั่งสีแดงที่กำลังดื่มน้ำซุปอยู่ มองดูคนจากฝั่งสีเขียวด้วยความอิจฉาริษยา

“เอาล่ะ ไม่ต้องไปสนใจ รีบดื่มซุปนี่ซะ แล้วพวกเรารีบวิ่งหนีไปตอนที่พวกเขายังเล่นกันอยู่เถอะ” ฉินหยวนกระซิบบอกสมาชิกในทีมที่อยู่รอบตัวเขา

สมาชิกในทีมที่อยู่รอบข้างเขาพยักหน้า และส่งต่อคำพูดของฉินหยวนให้กับเพื่อนร่วมชั้นที่เหลือ

ไม่นานนักน้ำซุปในหม้อขนาดใหญ่ก็ถูกกินจนเกลี้ยง เดิมทีลุคต้องการค้นหาขุมสมบัติของฝั่งสีเขียวในขณะที่พวกเขากำลังเล่นสนุกกันอยู่ ทว่าฉินหยวนกลับไม่เห็นด้วยและใช้สายตาห้ามปรามเขา

“ถึงแม้ว่าพวกเรากับองค์หญิงสามจะเป็นคู่แข่งกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรแย่ ๆ ใส่พวกเรา” ฉินหยวนพูด “นอกจากนี้ พวกเขาทิ้งค่ายไว้แบบนี้และไม่กลัวพวกเราเลยด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าสมบัติไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเขาเลยไม่กลัวว่าพวกเราจะค้นหามัน ถึงนายจะค้นหาสมบัติ แต่นายอาจจะไม่เจออะไรเลยก็ได้”

ยิ่งไปกว่านั้น มันทั้งร้ายกาจและน่ารังเกียจเกินไป แบบนี้จะแตกต่างกับองค์หญิงสามได้อย่างไร?

พวกเขาอ้างว่าตนเองคืออัศวินแห่งความยุติธรรมและความถูกต้อง วายร้ายอย่างองค์หญิงสามนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

สวี่หลิงอวิ๋นเหลือบเห็นคนจากฝั่งสีแดงกำลังแอบย่องออกไปอย่างเงียบ ๆ แต่เธอกลับไม่ได้หยุดพวกเขาเอาไว้

รุยมองก็เห็นเช่นกันและต้องการจะก้าวไปขัดขวางพวกเขา ทว่าสวี่หลิงอวิ่นกลับขวางเขาไว้เสียก่อน

“ปล่อยพวกเขาไป ตอนนี้พวกเขาต้องการพลังดวงดาวและเครื่องจักรกล แต่กลับไม่มีทั้งพลังดวงและเครื่องจักรกล มันไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะเอาชีวิตรอดในป่านี้” สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง!

ท่าทางหยิ่งยโสนั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเท่

“องค์หญิงสามดูมั่นใจมาก รักเธอจังเลย”

ชาวเน็ตทั้งหลายแสดงความรักต่อองค์หญิงสามอย่างบ้าคลั่ง เกรียนคีย์บอร์ดทั้งหลายได้กลายร่างเป็นคนที่ชอบประจบสอพอ พร้อมทั้งอธิบายความรักของพวกเขาที่มีต่อองค์หญิงอย่างเมามัน

“ฉันจะไว้อาลัยให้กับคนจากฝั่งสีแดง อยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ? ที่นี่มีทั้งน้ำซุปให้ดื่มและมีหนังสัตว์ให้ห่ม พวกนายวิ่งเข้าไปในป่า พวกนายคิดถึงเนื้อเหม็น ๆ พวกนั้นหรือยังไง?”

“ยิ่งพ่ายแพ้ก็ยิ่งฮึกเหิมขึ้น”

“องค์หญิงสามของพวกเราดีกับพวกนายมากแค่ไหน แต่พวกนายกลับไม่ตอบแทนความเมตตานี้ แล้วยังวิ่งหนีเข้าป่าไปอีก”

“ฉันก็อยากไปเล่นสเกตน้ำแข็งกับองค์หญิงสามเหมือนกัน”

คนจากฝั่งสีแดงกำลังวิ่งหนีไป ขณะที่คนจากฝั่งสีเขียวกำลังยุ่งอยู่กับการเล่น

ในไม่ช้าเวลาก็ผ่านไปถึงครึ่งชั่วโมง คนจากฝั่งสีเขียวก็สามารถปรับตัวเข้ากับรองเท้าสเกตได้แล้วและสไลด์ไปมาบนพื้นน้ำแข็งอย่างราบรื่น

“เอาล่ะ ดีมาก พวกเรามาเริ่มการแข่งขันกันเถอะ” สวี่หลิงอวิ๋นตัดหนังสัตว์บางส่วนออกมาทำเป็นธง และผูกธงที่เรียบง่ายติดไว้กับแท่งไม้

“พวกเราจะใช้รูปแบบเดียวกับการเลื่อนขั้น โดยแบ่งคนออกเป็นกลุ่มละห้าสิบคน และในห้าสิบคนจะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ได้ไปต่อในรอบถัดไป ผลัดเปลี่ยนกันหาอันดับที่หนึ่งของแต่ละกลุ่ม ส่วนอีกห้าสิบคนที่เหลือจะทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินและบันทึกเวลา”

คนมากกว่าหนึ่งพันแปดร้อยคนจับกันเป็นกลุ่มอย่างรวดเร็ว ขัดเช็ดเท้าของตัวเองและพร้อมแสดงความสามารถ

ในไม่ช้าคนจำนวนห้าสิบคนก็พร้อมแล้ว พวกเขานั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นน้ำแข็ง รอคอยคำสั่งของสวี่หลิงอวิ๋นให้พุ่งออกไป ราวกับลูกธนูรอคอยการดีดจากคันธนูู

ส่วนคนที่เหลือก็กลายเป็นกองเชียร์ คอยส่งเสียงให้กำลังใจเพื่อนทั้งหลาย

เหตุการณ์ตรงหน้าดูคึกคักและน่าตื่นเต้น ความคึกคักของพวกเขายังส่งผลถึงชาวเน็ตทั้งหลาย

ทันทีที่พวกเขาเห็นสวี่หลิงอวิ๋นยกธงขึ้นและผิวปาก หัวใจของชาวเน็ตก็แทบจะกระโจนออกมา ผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าสิบคนพุ่งออกไป!

“สู้ ๆๆ!” มีเพียงเสียงร้องเชียร์ดังก้องออกมาจากหน้าจอแสดงผล ก้องกังวานเสียจนนกน้อยในป่าใหญ่ตกใจ กระพือปีกบินถลาขึ้นไปบนฟากฟ้า

ผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าสิบคนตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด ไม่กล้าแม้แต่จะย่ามใจ ก่อนที่พวกเขาจะตระหนักถึงมัน พลังจิตของพวกเขาก็เริ่มแข็งแกร่งและเติบโตขึ้น

รองเท้าสเกตของพวกเขาเริ่มเป็นรูปร่างมากขึ้น และไม่ได้สังเกตเลยว่าพลังดวงดาวของพวกเขากำลังก่อตัวเพิ่มขึ้น!

กลไกการทำงานของพลังจิตในร่างกายริเริ่มแบ่งตัวจากการจดจ่อทำสมาธิขั้นสูง! เดิมทีพลังจิตนี้เป็นเพียงแค่ไม้จิ้มฟัน และไม้จิ้มฟันไม่สามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นท่อเหล็กขนาดใหญ่ได้ แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งทางด้านพลังจิตของพวกเขาได้รับการจัดระเบียบใหม่แล้ว และสามารถยืดหยุ่นได้สูงราวกับเส้นเอ็นของวัว

พลังจิตไหลเวียนผ่านไปทั่วทั้งร่างกาย สื่อสารไปยังทุกซอกทุกมุม! ไม่ว่าจะเป็นแขน ข้อเท้า หรือกระทั่งรองเท้าสเกตเหล่านี้!

สายลมพัดผ่านไปรอบ ๆ พวกเขา หากสังเกตดูในระยะประชิด จะเห็นได้ว่าสายลมเหล่านี้ไม่ได้พัดผ่านไปบริเวณใบหน้าของพวกเขา!

ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยพลังงานบางเบาที่สถิตอยู่!

เพียงสิ่งเดียวที่พวกเขานึกถึงคือชัยชนะเท่านั้น ละทิ้งอุปสรรคทั้งปวง ใครก็ตามที่ขวางทางจะถูกทำลายจนสิ้นซาก! แม้ลมจะเป็นเครื่องกีดขวาง แต่พวกเขาก็ป้องกันตัวเองได้!

เหล่านักเรียนเล่นกันได้สิบรอบ ไม่นานนักเวลาก็หมดลง

ผู้ชนะอันดับที่หนึ่งเดินออกมาจากสนามแข็งขันด้วยสปิริตแรงกล้า ย่องเข้าไปในกลุ่มกองเชียร์ และเริ่มส่งเสียงเชียร์คนอื่นต่อ

ส่วนผู้พ่ายแพ้กลับไม่ได้รู้สึกผิดหวัง พวกเขาเดินลงจากลานแข่งขันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในช่วงเวลาของการเล่นเกม พวกเขาสไลด์ไปมาและดื่มด่ำความสนุกสนานไปพร้อมกับหยาดเหงื่อ นี่คือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

แม้จะลงมาจากสนามการแข่งขันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังพูดคุยเรื่องเกมกันอยู่ว่าตรงไหนที่พวกเขาทำผิดพลาดไป และยังคิดว่าพวกเขาจะได้เล่นเกมนี้อีกสักตาในภายภาคหน้า

ผู้คนในฝั่งสีเขียวต่างมีช่วงเวลาที่ดี

พวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หัวเราะกันอย่างมีความสุขและได้ทำในสิ่งที่นักเรียนวิทยาลัยธรรมดาควรจะได้ทำ แทนที่จะไร้ชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน ทุกคนกลับเริ่มคิดหาวิธีการปรับปรุงพลังดวงดาวของตนเอง ปรับปรุงประสิทธิภาพการต่อสู้ วิธีการแข่งขัน และวิธีการจำกัดศัตรู

“ฉันเริ่มรู้สึกอิจฉาพวกเขาแล้ว” ชาวเน็ตพิมพ์ข้อความนี้ลงบนคีย์บอร์ดด้วยความลังเล

ไม่เคยมีนักเรียนคนไหนในจักรวรรดิชิงเหย้า กล้าพูดออกมาว่าอยากเล่นหรือฉันอยากจะเล่นสนุก ไม่มีแม้แต่คนเดียว

มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายได้คือการก่อสร้างอาคารและสนทนาบนอินเทอร์เน็ต นี่เป็นความบันเทิงเดียวของพวกเขา แม้แต่การดูหนังก็ยังมีแค่ฉากของเหล่าทหารเท่านั้น แล้วมันจะน่าสนุกตรงไหนกัน? นี่คือวิธีการที่ทุกคนเป็นอยู่มานานนับพันปี

“เห็นด้วยกับคอมเมนต์ข้างบน!”

“เห็นด้วยกับคอมเมนต์ข้างบน!”

“ถึงฉันจะรู้สึกอิจฉา แต่ฉันกลับไม่เห็นด้วย การเล่นแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาคว้าชัยชนะในสนามรบได้ และไม่ได้ช่วยให้พวกเขาเอาชีวิตรอดได้ในสนามรบเลยด้วยซ้ำ”

“ถูกต้อง พวกเขาอาจจะคว้าชัยชนะมาได้เพราะองค์หญิงสาม แต่พวกเขาได้รับประสบการณ์อะไรบ้างในการเล่นเกมแบบนี้? พวกเขาก็แค่เล่นเรื่อยเปื่อย ตรงกันข้าม ฉันว่าคนจากฝั่งสีแดงยังได้เรียนรู้บทเรียนมากกว่าอีก และพวกเขาจะกลายเป็นผู้ต่อสู้ที่เก่งกาจในสนามรบ ”