บทที่ 102 อ้อนวอนขอความเมตตา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 102 อ้อนวอนขอความเมตตา

บทที่ 102 อ้อนวอนขอความเมตตา

หลังจากคิดไตร่ตรองเรื่องนี้นางก็เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตนเองที่สุด การอยู่กับชายที่อยู่ตรงหน้าที่ไม่ใช่บุรุษอีกต่อไปแม้จะเปลี่ยวเหงาจนทนไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย!

เฉาซื่อไม่มีกะจิตกะใจโกรธกู้ฉวนโซ่วอีกต่อไป นางจึงต้องปฏิบัติตามคำของกู้ฉวนโซ่ว เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายของนางพูด ต่อให้จะไม่เต็มใจ แต่เพื่อปกป้องตัวเองและชีวิตที่ไร้กังวลของนาง ดังนั้นวันนี้เสียหน้าไปแล้ว จะเสียอีกนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร!

เฉาซื่อชั่งน้ำหนักซ้ายขวา ในเวลาไม่นานนักก็คลานตรงไปหาซุนซื่อ ใช้สองมือกอดขาของซุนซื่อเอาไว้และออกแรงเขย่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้ามีน้ำมันหมูบดบังหัวใจ อย่างไรเสียพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ก็ใจดีกับเราขนาดนี้ ข้าก็ยังสร้างปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า ข้ามันไม่ใช่คนแล้ว! เพื่อครอบครัวของเรา โปรดยกโทษให้ข้าด้วย จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว!” ครั้งต่อไปจะไม่กล้าอีกแล้ว สิ่งที่เฉาซื่อพูดเป็นความจริง

อาจเป็นเพราะเฉาซื่อกลัว คำขอโทษนั้นจึงฟังดูจริงใจ

ซุนซื่อที่ถูกเฉาซื่อเขย่าขาไปมาจนแทบยืนไม่อยู่จึงรีบจับเก้าอี้ของกู้ฉวนลู่เอาไว้ และกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นก็จำได้ว่าเงินสิบกว่าก้วนที่กู้ฉวนลู่ยืมมาจากครอบครัวนี้เมื่อหลายวันก่อนคือสิบตำลึงเงิน!

เฉาซื่อเขย่าอยู่ครู่ใหญ่ แต่ซุนซื่อยังคงไม่ตอบสนอง เฉาซื่อจึงเริ่มก่นด่าในใจ…นางแพศยาไร้ยางอาย วันนี้ข้ายอมคุกเข่าให้ แต่ในอนาคต เจ้าจะได้เห็นดีกันว่าข้าจะเอาคืนอย่างไร

แต่สีหน้านางยังดูน่าสงสารและร้องไห้ต่อไป “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านน่าจะรู้ว่าเขารักข้ามากขนาดไหน ถึงขนาดไม่กล้าแม้แต่จะแตะเส้นผมของข้า แต่ดูวันนี้สิ ที่ข้าถูกทุบตีแบบนี้เป็นเพราะเขาโกรธข้ามาก เขาโกรธข้าแต่ก็ไม่ควรทำกับข้าแบบนี้ หัวหน้าครอบครัวของข้าป็นคนกตัญญูและสุภาพ พี่สะใภ้ใหญ่ ถ้าท่านไม่ยกโทษให้ข้า เขาก็คงไม่ยกโทษให้ข้าเช่นกัน แล้วถ้าเขาไม่ยกโทษให้ข้า ครอบครัวของพวกเราก็จะแตกแยก! ท่านก็เป็นแม่เช่นกัน ถ้าข้าถูกขับไล่ออกไป ซุ่นสีและถิงถิงก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า!” คำพูดของเฉาซื่อจริงใจและค่อนข้างน่าประทับใจ

ในใจของเฉาซื่อรู้สึกเศร้ามาก ด้วยความสะเพร่าของตัวนางแท้ๆ จึงทำให้สามีของนางถูกเตะ ตลอดชีวิตที่เหลือ ตนเองเป็นแค่เป็นม่ายเท่านั้น หากถูกหย่าจริง ๆ ในฐานะฆาตกรแล้วจะมีใครกล้ามาแต่งงานด้วยอีก คงจะต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต ถ้าไม่ถูกหย่า ครอบครัวก็ยังสามารถรักษาสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ แล้วถ้าตนเองถูกหย่า…

เมื่อคิดถึงชีวิตที่น่าสังเวชในอนาคต และเมื่อเห็นเด็กสองคนที่เศร้าโศกยืนอยู่ข้าง ๆ และร้องไห้ เฉาซื่อก็ตัดสินใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางจะต้องไม่ถูกหย่าร้าง หากกู้ฉวนโซ่วย้อนมองดูความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาเป็นเวลาหลายปี และตนเองยังรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาก็คงจะไม่สามารถหย่าร้างกับนางได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉาซื่อก็ร้องไห้อย่างโศกเศร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงร้องไห้นั้นก็บีบคั้นหัวใจจนผู้คนทนดูไม่ได้อีก

ผู้ชมภายนอกหลายคนยังเป็นเด็กและแม่ของพวกเขา เมื่อเห็นว่าเฉาซื่อรู้ว่าตนเองทำอะไรผิด พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อมกู้ฉวนโซ่ว “กู้ฉวนโซ่ว ภรรยาของเจ้าสำนึกผิดแล้ว นี่เป็นการทะเลาะกันเพียงเท่านั้น ดูภรรยาของเจ้าสิ นางสำนึกผิดอย่างจริงใจ ให้อภัยนางสักครั้งเถอะ!”

“ใช่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รู้ว่าอู๋เอ้อร์โก่วเป็นคนอย่างไร ภรรยาของเจ้าถูกอู๋เอ้อร์โก่วกระทำเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ และนางก็ไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าภรรยาของเจ้าเป็นคนแบบไหน!”

“ใช่ ๆ ลูกสะใภ้คนโตก็คือครอบครัวเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทะเลาะกัน ก็จงให้อภัยเฉาซื่อเถอะ!”

ผู้ชมที่เป็นสตรีต่างพยายามเกลี้ยกล่อมกู้ฉวนโซ่วและซุนซื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นเฉาซื่อร้องไห้ ในวันปกติทั่วไปพวกเขามักจะเห็นเฉาซื่อแต่งกายฉูดฉาดเดินกรีดกรายในหมู่บ้าน ท่าทางเย่อหยิ่งของนางทำให้คนดูต่างอึดอัด

ในวันนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นท่าทางที่น่าสงสารเช่นนี้ของเฉาซื่อ ต่อให้ทุกคนจะไม่พอใจและอึดอัดใจเพียงใด พวกเขาทั้งหมดวิงวอนก็เพื่อเฉาซื่อเพื่อต้องการระงับความเย่อหยิ่งของเฉาซื่อ ในวันปกติทั่วไปเจ้าหยิ่งอย่างไร ดูวันนี้สิพวกเขาต้องมาอ้อนวอนให้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะถูกกู้ฉวนโซ่วหย่า

ทุกคนร้องขอความเห็นใจให้เฉาซื่อ กู้ฉวนโซ่วยังคงมีสีหน้าเย็นชาและไม่พูดอะไร ในใจของเขามีความขมขื่นที่ไม่สามารถพูดออกมาได้

หากเป็นเพียงการต่อสู้และการทะเลาะวิวาทกันระหว่างเหล่าสะใภ้ก็คงดี เขาใกล้ชิดกับลูกของเฉาซื่ออยู่เสมอ และเขาเปิดตาข้างหนึ่งและปิดตาอีกข้างหนึ่งเสมอ ตราบใดที่ไม่มากเกินไป เขาก็มักจะเข้าข้างเฉาซื่อเสมอ

เพียงแต่ในสถานการณ์ตอนนี้เขากำลังทุกข์ทรมานจริง ๆ! เขาจะบอกกับชาวบ้านได้อย่างไรว่ากู้ฉวนโซ่วน้อยนั้นใช้ไม่ได้แล้วเพราะถูกเฉาซื่อเตะ! อย่างนั้นเขาจะกล้าสู้หน้าคนในหมู่บ้านได้อย่างไร? ชาวบ้านจะไม่เยาะเย้ยเขาหรือ?

ถึงตอนนั้นเกรงว่าอู๋เอ้อร์โก่วที่ไร้ยางอายที่สุดในหมู่บ้านก็จะมาสั่นคลอนความมั่นคงของเขาได้ กู้ฉวนโซ่วนึกหวาดกลัวภายในใจ! ขณะสายตาของคนในบ้านและสายตาของชาวบ้านกำลังจ้องมาที่ตนเอง ราวกับว่าจะแผดเผาว่าท้ายที่สุดแล้วจะพูดหรือไม่พูดและท้ายที่สุดแล้วจะหย่าหรือไม่หย่า?

นัยน์ตาของเฉาซื่อกึ่งอ้อนวอนและกึ่งขู่เข็ญ หากเฉาซื่อจะต้องหย่าในวันนี้ เรื่องของเขาก็จะถูกเปิดเผยให้โลกรู้เช่นกัน! กู้ฉวนโซ่วคิดเรื่องนี้อยู่นาน ตอนนี้ทำได้แค่กัดฟันและกล้ำกลืนเลือดเข้าไป ตนเองถูกเฉาซื่อผู้หญิงแพศยาคนนี้เตะผ่าหมาก หลังจากหย่าแล้วนางจะไปหาใครมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้อยู่อย่างนี้ดีกว่า ซึ่งมันไม่ง่ายเลย และไม่ต้องคิดถึงหญิงแพศยาคนนี้

กู้ฉวนลู่เห็นว่ากู้ฉวนโซ่วไม่ได้พูดอะไรมานานและเอาแต่จ้องไปที่เฉาซื่ออย่างโกรธเคือง เขาไม่รู้ว่าเฉาซื่อไปทำอะไรผิดถึงทำให้กู้ฉวนโซ่วโกรธถึงเพียงนี้ ในใจสงสัยเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

เมื่อซุนซื่อเห็นว่ากู้ฉวนโซ่วผ่อนคลายลง มันคงดีกว่าถ้านางจะถือโอกาสแสดงน้ำใจ จึงพูดเสียงเรียบ “เจ้าสาม น้องสะใภ้คนนี้สำนึกผิดแล้ว เจ้าก็ให้อภัยน้องสะใภ้เถอะ อย่างไรเสียก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าเป็นเพราะข้าที่ทำให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาไม่กลมเกลียว ข้าก็ละอายนิดหน่อยที่เป็นสะใภ้คนโต!”

เมื่อเหล่าเหลียงโถวเห็นซุนซื่อเอ่ยปากพูด เขาก็มองใบหน้าของกู้ฉวนโซ่วและรีบเอ่ยปากพูดบ้าง “ใช่แล้ว เจ้าสาม ภรรยาของเจ้าก็สำนึกผิดแล้ว ในวันหน้านางก็จะไม่ทำแล้ว พวกเจ้าเป็นสามีภรรยาเคยรักกัน เป็นคู่รักต้นแบบในหมู่บ้านอู๋ซีแห่งนี้ วันนี้เจ้าลงโทษเฉาซื่อ เท่านี้ก็จบ! ต่อให้ขายหน้า ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป! ”

………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จบเรื่องกันสักที แยกย้าย ๆ แต่หลังจากนี้คงอยู่ใครอยู่มันแล้วแหละ

ไหหม่า(海馬)