เมื่อมองจากกระจกหลังและเห็นว่าหลินจื้อซือยังคงทรงตัวไม่อยู่ เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคำพูดขึ้น “กอดเอวฉันไว้ นึกถึงตอนที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานฉันสมัยเรียนมัธยมสิ”

คำพูดเหล่านั้นทำให้หลินจื้อซือเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นไม่นาน เธอก็เผยยิ้มออกมา ทันใดนั้น เธอก็รีบคว้าเสื้อของเสี่ยวเฉิงโดยไม่รู้ตัวพร้อมนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขากำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็สังเกตเห็นว่าหลินจื้อซือยกแขนขึ้นและตะโกนโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

“ทำอะไรของเธอน่ะ?” เสี่ยวเฉิงพลันตกตะลึงไปชั่วครู่

หลินจื้อซือเผยยิ้ม “ก็นายบอกเองนี่ว่าไม่มีใครจำฉันได้หรอก ความรู้สึกแบบนี้มันดีไม่น้อยเลยนะ รู้สึกอิสระมากเลย…“

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและส่ายหัว หลังจากขับรถไปได้ยี่สิบนาที ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองมาถึงบริษัท ทันทีที่เสี่ยวเฉิงจอดรถ หลินจื้อซือก็พลันกล่าวคำพูดออกมา “ขึ้นไปกินอะไรหน่อยไหมล่ะ?”

เสี่ยวเฉิงพลันส่ายหัว “ไม่เป็นไร เอากุญแจรถของเธอมา เดี๋ยวฉันขับมาส่งที่นี่ให้”

หลินจื้อซือพยักหน้าพร้อมหยิบพวงกุญแจหมีแพดดิงตันออกมา จากนั้น เธอก็ยื่นให้เสี่ยวเฉิง “ งั้น… ฉันขอขึ้นไปก่อนนะ”

ทว่า เสี่ยวเฉิงพลันสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อีกครั้งและขับออกไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักนิดเดียว ทันทีที่มองไปยังแผ่นหลังของเขา เธอก็พลันขมวดคิ้วและอยากจะสบถออกมาว่าเสี่ยวเฉิงแทบจะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย

“หมอนั่น…”

ทันทีที่เธอขึ้นไปยังบริษัท ทั้งผู้ช่วยและผู้จัดการก็พลันจำเธอได้ทันที จากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างใจจดใจจ่อ

“ให้ตายเถอะ! เธอหายไปไหนมาตั้งนานเนี่ย? แถมยังปิดโทรศัพท์อีก จื้อซือ! เธอจะทำให้พวกเราหัวใจวายแบบนี้บ่อยๆ ไม่ได้นะ! กว่าจะตามหาตัวเธอเจอ ฉันต้องเลื่อนงานโฆษณาไปตั้งสองครั้ง อีกอย่าง ผู้จัดการเองก็กำลังรอเธออยู่ด้วย เธอควรจะเลี้ยงข้าวหรือไม่ก็ไปขอโทษเขาหน่อยนะ” จากนั้น หลินจื้อซือก็ถูกลากตัวเข้าไปยังห้องทำงานของผู้จัดการ เธอถูกบ่นไปเกือบจะครึ่งชั่วโมงได้

ทันทีที่ออกมา หลินจื้อซือก็ยังคงเผยท่าทีที่ผ่อนคลายเช่นเคย เธออาจเป็นคนเดียวในบริษัทที่สามารถทนฟังคำบ่นของหัวหน้าบริษัทได้อย่างใจเย็นและสามารถเดินออกมาได้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณจื้อซือครับ มีคนเอากุญแจรถมาคืนครับ ตอนนี้รถของคุณจอดอยู่ที่ลานจอดรถช่องยี่สิบสองหน้าบริษัท” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพลันเห็นหลินจื้อซือเพิ่งลงมาจากลิฟต์ จากนั้น เขาก็ยื่นกุญแจให้เธอทันที

เธอพลันพยักหน้า และทันทีที่เธอกำลังจะหันกลับไป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็หยิบถุงพลาสติกใบใหญ่ขึ้นมา “เดี๋ยวก่อนครับ มีนี่ด้วย… ชายคนนั้นซื้อพิซซ่ามาฝากคุณด้วย เขาบอกว่าคุณน่าจะหิวมาก”

หลินจื้อซือพลันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ตอนนี้เธอหิวมาก ทันทีที่ขึ้นลิฟต์และกางถุงพลาสติกออก เธอก็เห็นว่าข้างในเป็นพิซซ่าหน้าชีส ทันใดนั้น เธอก็เผยยิ้มอย่างมีความสุขออกมา “ที่หมอนั่นรีบกลับ… ก็เพราะไปซื้อพิซซ่าให้เราหรอกเหรอเนี่ย?”

สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยก็คือเสี่ยวเฉิงยังคงจำได้ว่าเธอชอบกินพิซซ่าหน้าชีส

อันที่จริง เสี่ยวเฉิงบังเอิญได้ยินเสียงท้องของหลินจื้อซือร้องดังออกมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่คอนโดแล้ว เพราะแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจซื้อพิซซ่ามาระหว่าง เสี่ยวเฉิงยังคงจำได้ดีว่ามันเป็นอาหารโปรดที่สุดของเธอสมัยยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ…

***

สำหรับตอนต่อไป เราจะได้รู้กันแล้วว่าเซรุ่มที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเสี่ยวเฉิงคืออะไรกันแน่…