ตอนที่ 115 จับพวกค้ามนุษย์

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 115 จับพวกค้ามนุษย์

พอขายของเสร็จในตอนเที่ยง ทั้งสองคนก็ช่วยกันเก็บห้องครัว

โจวฉายอวิ๋นแนะนำขึ้น “ร้านข้างๆ ทำซาลาเปา งั้นพวกเราทำเสี่ยวหลงเปาขายไหม เพื่อสับขาหลอกนังแม่มดเฒ่า กิจการน่าจะดีขึ้นหน่อย”

หล่อนครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่หลายวัน แต่หลินม่ายกลับไม่เห็นด้วย

“แม่มดเฒ่าข้างบ้านเป็นนักลอกเลียนแบบ เธอทำเสี่ยวหลงเปาแล้วเขาเลียนแบบไม่ได้หรือ? อย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากเลย”

โจวฉายอวิ๋นรำคาญใจนักเมื่อได้ยินแบบนี้

หลังจากทำความสะอาดครัวเสร็จ หลินม่ายก็สอนใหหล่อนอ่านตัวหนังสือและตัวเลขอีกสักพัก แล้วจึงพาโต้วโต้วออกไปเดินเล่น

อีกห้าหกวันก็จะถึงวันแรงงาน แล้วก็เข้าหน้าร้อน ได้เวลาสวมกระโปรงแล้ว

ครั้งก่อนหลินม่ายซื้อเสื้อผ้าให้โจวฉายอวิ๋น หล่อนได้รับแล้วก็เกรงใจมาก

หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าตนทำงานให้หลินม่าย แล้วหลินม่ายยังจะซื้อเสื้อผ้าให้หล่อนอีก

เพราะฉะนั้นครั้งนี้ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมให้หลินม่ายซื้อกระโปรงให้หล่อนเด็ดขาด

กิจการของเธอไม่ดี อย่าเพิ่งใช้เงินเลย

หลินม่ายเลือกเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกระโปรงพลีทให้หล่อนอย่างละตัว

เธอบอกด้วยรอยยิ้ม “เงินสองส่วนนี้ไม่พอสำหรับฉันที่จะซื้อบ้านอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บออมหรอก ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะซื้อเสื้อผ้าให้เธอ ครั้งหน้าไม่ซื้อให้เธอแล้ว ครั้งนี้ฉันซื้อเสื้อผ้าให้เธอ เพราะตั้งแต่วันพรุ่งนี้ฉันให้เธอหยุดสองวัน กลับไปเยี่ยมพ่อแม่นะ ให้เธอใส่เสื้อผ้าดีๆ เพื่อไม่ให้พ่อแม่เธอเป็นห่วงแล้วคิดว่าเธอลำบากที่มาอยู่กับฉัน สำหรับกิจการนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วง นานสุดแค่หนึ่งเดือนก็น่าจะดีขึ้น แค่เดือนเดียวฉันทนได้”

เมื่อซื้อเสื้อผ้าครบทั้งสามคนแล้ว หลินม่ายเห็นโจวฉายอวิ๋นไม่ซื้ออะไร เลยถามอย่างสงสัย “พรุ่งนี้เธอกลับบ้านแล้ว ไม่ซื้อของขวัญให้พ่อแม่หรอ?”

โจวฉายอวิ๋นส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอต้องให้เงินเดือนฉันหรอ ฉันเอาเงินเดือนนั้นให้พ่อแม่เลยแล้วกัน ถ้าซื้อของขวัญไปให้พวกเขา ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่มีความสุข แต่ยังดุว่าฉันใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เอาเงินให้พวกเขาดีกว่า ทั้งสบายใจแล้วยังได้ประโยชน์ด้วย”

หลินม่ายเงียบและพูดว่า “เธอเอาเงินเดือนทั้งหมดให้พ่อแม่หรอ?”

“ไม่ใช่ทั้งหมด เก็บไว้เองห้าหยวน ที่เหลือก็ส่งให้พ่อแม่”

หลินม่ายตกใจ “ส่งให้เยอะขนาดนั้นเลยหรอ?”

โจวฉายอวิ๋นตอบ “อยู่บ้านเธอกินฟรีอยู่ฟรี ก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไร”

หลินม่ายเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เธอส่งเงินให้พ่อแม่หมด แล้วหลังเธอเกษียณล่ะ”

โจวฉายอวิ๋นดูเศร้าลง “ฉันคงไม่ได้แต่งงานอีกแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นคงพึ่งพาหลานชายให้ดูแล เอาเงินให้พ่อแม่ แล้วให้พวกท่านช่วยจัดการให้หลานชายดูแลฉันยามแก่”

หลินม่ายพูดไม่ออก “ถ้าหลานชายไม่เชื่อฟังพ่อแม่เธอล่ะ ถึงตอนนั้นเธอจะทำยังไง?”

โจวฉายอวิ๋นถามด้วยความประหลาดใจ “ฉันส่งเงินให้พ่อแม่ ถึงเวลาพ่อแม่ก็ให้หลานชาย เขาเอาเงินฉันไป ทำไมจะไม่เลี้ยงฉันตอนแก่ล่ะ?”

“หากเขาจะไม่เลี้ยงเธอตอนแก่มันก็ไม่ผิดกฏหมายนะ!”

โจวฉายอวิ๋นจ้องไปที่เธอด้วยความว่างเปล่า ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

หลินม่ายเกลี้ยกล่อม “พ่อมีแม่มีก็ไม่เท่ากับตัวเองมี เงินอยู่ที่มือเราปลอดภัยที่สุดแล้วนะ ถึงแม้ว่าเธอจะต้องพึ่งพาหลานชายให้เลี้ยงดูตอนแก่ แต่การที่เธอมีทรัพย์สมบัติในมือก็ยังมอบเป็นมรดกให้แก่เขาได้ เช่นนั้นเขาก็ยินดีเลี้ยงดูเธอตอนแก่ใช่ไหมล่ะ?

โจวฉายอวิ๋นพยักหน้าซ้ำๆ “ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล งั้นเธอว่าถ้าฉันให้เงินบำนาญพ่อแม่เดือนละสิบหยวน เธอว่าได้ไหม?”

หลินม่ายพยักหน้า “ได้ แต่ฉันแนะนำให้เธอซื้อของขวัญไปให้ผู้ใหญ่ด้วย กลับไปมือเปล่าชาวบ้านเห็นคงดูไม่ดี”

ทั้งสองพาโต้วโต้วไปที่ตลาดมืด โจวฉายอวิ๋นซื้อน้ำตาลทรายแดงสองถุง ส่วนพวกขนมอย่างอื่นนั้นไม่ได้ซื้อ

หล่อนกะว่าวันที่กลับบ้านจะแวะซื้อเนื้อที่เมืองซื่อเหม่ยกลับไปสักสองชั่ง เดิมทีในชนบทมีประเพณีซื้อเนื้อไปฝากผู้ใหญ่อยู่แล้ว

เมื่อหลินม่ายได้ยินเรื่องนี้ เธอก็พูดว่า “ในเมื่อเธอผ่านเมืองซื่อเหม่ย งั้นฉันซื้อของขวัญให้เธอช่วยนำไปให้ปู่ฟางย่าฟางแทนฉันได้ไหม”

หญิงทั้งสามกำลังเลือกซื้อของ

หลินม่ายซื้อของกินของใช้ให้ผู้เฒ่ารองตระกูลฟางหมดแล้ว เธอยังซื้อลูกอมนมตรากระต่ายขาวให้โต้วโต้วอีกหนึ่งชั่ง

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงวัยไหนก็ชอบซื้อของกันทั้งนั้น ทั้งสามเลือกซื้อของกันอย่างมีความสุข

ระหว่างทางก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กชายสองคนมาชนกับหลินม่าย

ของในมือหล่อนร่วงลงพื้น นมมอลต์หนึ่งกระป๋องตกใส่เท้าของโต้วโต้ว ทำให้เด็กน้อยยืนน้ำตาไหลอยู่ตรงนั้น

หลินม่ายรีบหมอบลงและลูบที่หลังเท้าของเธอ

โจวฉายอวิ๋นนั่งยองๆ เพื่อปลอบเด็กน้อย “เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องร้องนะ กินลูกอมที่แม่หนูซื้อให้สักเม็ดแค่นี้ก็ไม่เจ็บแล้ว”

จากนั้นก็ชี้ไปที่ผู้หญิงที่ชนหล่อนแล้วพูดว่า “ดูสิ เมื่อครู่เด็กผู้ชายสองคนนั้นหลุดจากอ้อมแขนแม่แล้ว ยังไม่ร้องเลย”

โต้วโต้วร้องไห้พลางบอกว่า “น้องชายคนนั้นนอนหลับอยู่ พลัดตกพื้นแล้วก็ยังไม่ตื่น เขาไม่ร้องไห้อยู่แล้วค่ะ”

หลินม่ายได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นทันทีแล้ววิ่งตามผู้หญิงคนนั้น “หยุดนะ!”

ยิ่งเธอตะโกนมากเท่าไหร่ ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น และในที่สุดก็กลายเป็นวิ่งเหยาะๆ

หลินม่ายวิ่งตามหล่อนทัน ขวางทางหล่อนเอาไว้แล้วพูดอย่างจริงจัง “ขอฉันตรวจสอบเด็กในอ้อมกอดของคุณหน่อย”

ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจ “คุณเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาตรวจสอบลูกของฉัน?”

หลินม่ายตะโกนอย่างไม่คิด “พวกค้ามนุษย์ จับพวกค้ามนุษย์นี่หน่อยค่ะ!”

ทันใดนั้นผู้คนจำนวนมากก็มาล้อมเธอกับผู้หญิงคนนั้นไว้

ผู้หญิงคนนั้นรีบอธิบายให้ทุกคนฟัง “ฉันไม่ใช่พวกค้ามนุษย์ ที่ฉันชนหล่อนเมื่อครู่ เพราะหล่อนรีดไถฉันแต่ฉันไม่ให้ หล่อนก็เลยสาดน้ำเสียใส่หัวฉัน”

ผู้คนมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและหลินม่าย สองคนนี้ดูไม่เหมือนคนไม่ดีทั้งคู่ ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี

หลินม่ายกล่าวว่า “พวกคุณช่วยฉันนำตัวผู้หญิงคนนี้ไปตรวจสอบที่สถานีตำรวจเถอะ ว่าหล่อนเป็นพวกค้ามนุษย์หรือเปล่า”

“ใครว่าภรรยาผมเป็นพวกค้ามนุษย์?”

ชายคนหนึ่งเบียดเข้ามาแล้วมองไปที่หลินม่าย

หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าชายคนนั้นไม่เข้ามาหล่อนคงหนีรอดออกไปไม่ได้

หล่อนยื่นเด็กชายคนหนึ่งให้กับผู้ชายคนนั้น “อย่าไปยุ่งกับนังหมาบ้าตัวนี้ พวกเราไปกันเถอะ!”

หลินม่ายขวางทางของพวกเขาอีกครั้ง “เป็นสามีภรรยากันใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ผู้คนสอบสวนพวกคุณแยกกัน เด็กสองคนชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ ดูสิว่าพวกคุณจะใช่พวกค้ามนุษย์หรือเปล่า”

ผู้คนพวกนั้นตื่นเต้นมากและตอบรับคำแนะนำของหลินม่าย

ชายคนนั้นจ้องไปที่หลินม่าย “อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่ ระวังตัวไว้เถอะฉันจะฟาดเธอให้!”

หลินม่ายไม่กลัว “ร้อนตัวเหรอ?”

ผู้หญิงคนนั้นลอบยักคิ้ว “ใครร้อนตัว? พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด เธอพูดว่าพวกเราเป็นพวกค้ามนุษย์แล้วจะสอบสวนเรา ใครอนุญาตไม่ทราบ?”

“ฉันถึงได้บอกไงว่าไปที่สถานีตำรวจ ให้ตำรวจเป็นคนสอบสวน”

ชายคนนั้นก้าวไปด้านหน้าสองก้าว “ถึงเธอจะให้พวกเราไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบสวน อย่างน้อยพวกเราก็ต้องเป็นผู้ต้องสงสัย ถ้าพวกเราเป็นผู้ต้องสงสัยจริง ไหนล่ะหลักฐาน!”

หลินม่ายชี้ไปที่เด็กชายตัวเล็กๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน “หลักฐานคือเด็กสองคนนี้ พวกเราโวยวายกันอยู่ตั้งนาน พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา ดูก็รู้ว่าพวกคุณวางยาพวกเขาทำให้พวกเขาหมดสติ ยังกล้าพูดอยู่อีกเหรอว่าไม่ใช่พวกค้ามนุษย์?”

ผู้คนพูดถึงเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าที่หลินม่ายพูดก็มีเหตุผล

มีคนวิ่งไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดและแจ้งความแล้ว

ผู้คนที่มามุงดูบังคับให้ชายหญิงแยกออกจากกัน กลุ่มหนึ่งถามผู้หญิงคนนั้นว่าเด็กสองคนนี้ชื่ออะไรและเกิดวันที่เท่าไหร่?

อีกกลุ่มก็ถามชายคนนั้นว่าเด็กสองคนนั้นชื่ออะไรและเกิดวันที่เท่าไหร่

ผู้คนที่มามุงต่างบอกกับชายหญิงคู่นี้ว่า “ขอแค่พวกคุณตอบเหมือนกัน พวกเราจะจับคนที่ใส่ร้ายคุณส่งสถานีตำรวจทันที”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ม่ายจื่อหัวไวมาก มองแล้วรู้เลยว่าเป็นคนค้ามนุษย์

ตอบไม่เหมือนกันก็เสร็จละจ้า

ไหหม่า(海馬)