บทที่ 118 จากความเกลียดชังสู่ความกตัญญู

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 118 จากความเกลียดชังสู่ความกตัญญู

บทที่ 118 จากความเกลียดชังสู่ความกตัญญู

โจวอี้วางรายงานการตรวจร่างกายลง และมองไปที่เกาเหวินป๋อก่อนจะถามออกมาว่า “รองผู้อำนวยการเกา ผลการวินิจฉัย…?”

“สิ้นหวัง… ร่างกายส่วนล่างของจวงรุ่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส” เกาเหวินป๋อพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“มันร้ายแรงมากจริง ๆ” โจวอี้พยักหน้าก่อนจะมองไปที่จวงเหอเฉียงและกล่าวว่า “ผมมีวิธีแก้ปัญหานี้ แต่ผมเกรงว่าจะมีผลสืบเนื่องหลังจากการรักษา”

“ผลสืบเนื่องอะไร?” จวงเหอเฉียงถามอย่างเร่งรีบ

“ในอนาคต เวลาที่เขามีเพศสัมพันธ์ เขาอาจจะรู้สึกไม่สบายตัว หรือมีอาการเจ็บปวดเล็กน้อย” โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “แต่ผมจะจ่ายยาให้เขา ถ้ากินยานั้นเป็นเวลานาน มันอาจทำให้ความเจ็บปวดหายไปได้”

“ไม่เป็นไร ตราบใดที่มันไม่กระทบต่อการสืบสกุลของลูกชายผม หมอโจว คุณสามารถรักษาเขาได้เลย” จวงเหอเฉียงยินดียิ่ง

โจวอี้พยักหน้าและหันไปหาเกาเหวินป๋อ “รองผู้อำนวยการเกา ถ้าเป็นไปได้ผมจะลงมือเลย คุณช่วยผมหาเครื่องมือรักษาได้ไหมครับ”

“ไม่มีปัญหา” เกาเหวินป๋อตกลงทันที

เขาต้องการที่จะดูว่าการรักษาของโจวอี้จะได้ผลหรือไม่

ถ้ามันได้ผล โรงพยาบาลของพวกเขาย่อมเสียชื่อ และเขาเองก็หมดคำจะพูด แต่ถ้าการรักษาของหมอโจวไม่ได้ผล มันก็จะกลายเป็นความน่าอับอายของวงการแพทย์แผนจีน

“ห้องผ่าตัดได้รับการจัดเตรียมไว้แล้ว คุณจะเริ่มเมื่อไหร่” เกาเหวินป๋อถามชายหนุ่ม

“ไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัดหรอก รักษาที่นี่เลย ทุกคนออกไปให้หมดนะครับ อย่าให้ใครเข้ามารบกวนผม” โจวอี้ยิ้ม

“ไม่เข้าห้องผ่าตัดเหรอ?” เกาเหวินป๋อถามด้วยความประหลาดใจ

“ไม่ ผมไม่ต้องผ่าตัดหรอก และผมก็ไม่กลัวว่าจะติดเชื้อ ที่นี่หรือห้องผ่าตัดก็เหมือนกันนั่นแหละ แต่ผมจะต้องไม่ถูกรบกวนเวลาที่กำลังฝังเข็ม”

“เอาล่ะ งั้นถ้าคุณต้องการอะไรอีกก็เรียกหาเราได้ตลอดเวลา แล้วผมจะรออยู่ข้างนอก” เกาเหวินป๋อพูดทิ้งท้าย

“ดี!”

จากนั้นคนอื่น ๆ ที่เหลือก็เดินออกไป

เหลือเพียงโจวอี้ที่มองไปยังจวงรุ่ยที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล และพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “อย่าแกล้งหลับ ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว”

ทันใดนั้นจวงรุ่ยก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาเหลือบมองโจวอี้แล้วก็ต้องกลับไปหลับตาทันที

เขาเกลียดโจวอี้

แต่เขาก็หวังอย่างยิ่งว่าโจวอี้จะรักษาเขาได้

มิฉะนั้น เขาก็คงไม่ต่างจากขยะจริง ๆ ให้ตายดีกว่าจะมีชีวิตอยู่แบบนั้น

โจวอี้ถอดกางเกงของจวงรุ่ยออก ก่อนจะฆ่าเชื้อ และพูดเบา ๆ กับอีกฝ่าย “ผมรู้ว่าคุณต้องโทษผม ถ้าผมไม่ได้พูดต่อหน้าซีชิงอิ่งแบบนั้น คุณก็จะไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้”

จวงรุ่ยไม่ได้ตอบอะไร ซึ่งนั่นถือเป็นการยอมรับ

โจวอี้ส่ายหัวและพูดต่ออีกว่า “อันที่จริง คุณเข้าใจผมผิดตั้งแต่แรกที่เราพบกัน ผมไม่ได้มาจีบซีชิงอิ่ง ผมมีภรรยาและมีลูกแล้ว เหตุผลที่ผมอยู่กับเธอก็เพราะเธอป่วย และผมเป็นหมอของเธอ เธอขอให้ผมไปที่นั่นเพื่อรักษา”

“คุณคือหมอเทวดาของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนใช่ไหม” ในที่สุดจวงรุ่ยก็พูดออกมา

“หืม อะไรกัน? คุณฟังบทสนทนาที่ผมคุยกับรองผู้อำนวยเกาไม่ทันเหรอ?”

“กรอด… ผมขอโทษ” ริมฝีปากของจวงรุ่ยบิดเบี้ยวไปสองสามครั้ง

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ วันนี้คุณลงเอยแบบนี้เพียงเพราะความประมาทและความโง่เขลาของคุณ ในสถานการณ์นั้น คุณยังกล้าท้าทายหลินอวี้เฟิงอีก” โจวอี้ส่ายหัวแล้วพูดต่ออีกว่า “อาจเป็นเพราะสถานะของเขาที่มาจากตระกูลใหญ่ หรือเพราะในอดีตคุณประสบความสำเร็จมาก่อน ก็เลยกลายเป็นคนยโสจนนำมาซึ่งความหายนะเช่นนี้ ที่จริงผมว่าการที่คุณทนทุกข์ครั้งนี้เป็นเรื่องดีนะ คุณจะได้จำบทเรียนไปอีกนาน”

“…” จวงรุ่ยพูดไม่ออก เขาไม่อยากให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้เลย

แต่คำพูดของโจวอี้ก็ได้ขจัดความเกลียดชังในใจของเขาออกไป

“จวงรุ่ย ถ้าผมไม่รักษาคุณให้ทันเวลา คุณคงตายไปแล้ว คุณรู้ผลการตรวจของโรงพยาบาลนี้แล้วใช่ไหม” โจวอี้ถาม

“รู้แล้ว!” จวงรุ่ยพยักหน้า เขารู้ดีว่าตนเองบาดเจ็บอย่างไรบ้าง

ต้องขอบคุณการรักษาแต่เนิ่น ๆ ของโจวอี้ที่ไม่ทำให้สาหัสไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องขาหัก โชคดีที่โจวอี้รักษาเขาไว้ล่วงหน้า หลังจากที่เขามาโรงพยาบาลนี้จึงไม่ต้องผ่าตัดด้วยซ้ำ เพราะหลังจากตรวจฟิล์มแล้ว เขาก็แค่ถูกใส่เฝือกปูนปลาสเตอร์เท่านั้น

“แล้วคุณยังเกลียดผมอยู่หรือเปล่า …เกลียดผู้ช่วยชีวิตของคุณไหม?” โจวอี้ถาม

ผู้ช่วยชีวิต?

จวงรุ่ยไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อโจวอี้พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล

ความเกลียดชังในใจของเขาไม่เพียงแต่สลายไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความรู้สึกผิดและความกตัญญูอีกด้วย

ใช่!

ตอนแรกเขาไม่รู้สถานการณ์ จึงได้ก้าวร้าวออกไปในเวลานั้น

แล้วไงต่อ?

เขาโกรธมากจนรีบวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อหาเรื่องหลินอวี้เฟิง ถ้าไม่ได้บทเรียนครั้งนี้ เขาอาจจะสร้างปัญหามากขึ้นในอนาคตก็ได้

จากนั้นโจวอี้ก็ช่วยชีวิตเขา และตอนนี้จวงรุ่ยก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่จะให้อีกฝ่ายรักษาอาการบาดเจ็บของเขา

คนคนนี้เป็นผู้มีพระคุณ!

โจวอี้มองท่าทีของจวงรุ่ยและแอบหัวเราะ

เขาขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ จึงรักษาจวงรุ่ยด้วยการฝังเข็มอย่างรวดเร็ว และแก้ไขปัญหาก่อนหน้านี้ของเขา

เขาไม่ชอบจวงรุ่ย ดังนั้นเขาจะสอนบทเรียนให้อีกฝ่าย ในอนาคตอีกฝ่ายจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ในอนาคตอีกฝ่ายจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องผู้หญิงสวย ๆ อีกต่อไป

สองชั่วโมงต่อมา

โจวอี้ออกมาจากวอร์ด เขาแกล้งทำเป็นเหนื่อย เและระดมพลังปราณเพื่อกระตุ้นต่อมเหงื่อ ซึ่งผลของมันคือทำให้ชายหนุ่มดูเหนื่อยมาก ทั้งนี้ก็เพื่อให้จวงเหอเฉียงและภรรยาคิดว่าเขาได้พยายามรักษาอย่างหนัก

“หมอโจว เป็นยังไงบ้าง!” จวงเหอเฉียงรีบพุ่งเข้ามาถามถามอย่างกระวนกระวาย

“สำเร็จแล้ว” โจวอี้ฝืนยิ้ม

“เยี่ยม! เยี่ยมมาก! ขอบคุณหมอโจว ขอบคุณจริง ๆ” จวงเหอเฉียงจับมือโจวอี้และขอบคุณเขาอย่างต่อเนื่อง

“ด้วยความยินดี”

“หมอโจว คุณรักษาจวงรุ่ยให้หายขาดได้จริง ๆ เหรอ?” เกาเหวินป๋อถามด้วยความประหลาดใจ

“ถ้าผู้อำนวยการเกาไม่เชื่อ พรุ่งนี้เช้าค่อยตรวจสอบจวงรุ่ยอีกครั้งก็ได้ครับ ผมเชื่อว่าผลการรักษาคงจะน่าเชื่อถือกว่าคำพูดผม”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เกาเหวินป๋อก็ตระหนักได้ทันทีว่าโจวอี้ไม่ได้โกหก

โรงพยาบาลของเขากำลังจะเสียหน้าอีกแล้วเหรอ?

เกาเหวินป๋อรู้สึกหมดหนทาง แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้วทักษะทางการแพทย์ของชายหนุ่มคนนี้ยอดเยี่ยมมาก และอีกฝ่ายใช้ความสามารถทางการแพทย์ของเขาเพื่อพิสูจน์ว่าแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งนี้นั้นไร้ความสามารถ

จวงเหอเฉียงหันไปขยิบตาสื่อความนัยบางอย่างให้ภรรยา

หญิงสาวรู้สึกขอบคุณโจวอี้เป็นอย่างมาก เธอรีบหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าของเธอทันทีและยัดใส่มือของโจวอี้ “คุณหมอโจว คุณเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ต่อครอบครัวของเรา นี่คือเช็คขึ้นเงิน โปรดรับไว้ ไม่ว่าคุณจะขออะไร สามีของฉันบอกว่าเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคุณ!”

“คุณใจดีมาก ๆ เลยครับ” โจวอี้จงใจผลักออกอยู่สองสามครั้งก่อนที่จะรับเช็คมาอย่าง ‘ไม่เต็มใจ’ เขาไม่ได้ดูจำนวนเงินในเช็ค แต่ก็สามารถจินตนาการได้ว่าจำนวนเงินนี้คงจะสูงมาก