ตอนที่ 133 กลัวว่าที่แม่ภรรยา
หลังจากดึงเข็มออก มู่เถาเยาก็จับชีพจรให้ตี้อู๋เปียนตามปกติ ตามมาด้วยหยวนเหยี่ยและไป๋เฮ่าอวี๋
ทักษะแพทย์โบราณของไป๋เฮ่าอวี๋นั้นไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่เขาก็สามารถบอกข้อดีและข้อเสียได้เช่นกัน
“หมอเทวดาน้อย ชีพจรของนายน้อยดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมากเลย แต่ทำไมเครื่องมือแพทย์กลับตรวจไม่พบการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น”
“สถานการณ์ของตี้อู๋เปียนนั้นค่อนข้างพิเศษมาก พลังที่มองไม่เห็นเหล่านั้นย่อมถูกตรวจจับโดยเครื่องมือแพทย์ทั่วไปไม่ได้ เราสามารถรับรู้ได้ถึงมันและรู้ว่ามีมันอยู่ในร่างกายของเขา แต่มันไม่ได้ไปปรับเปลี่ยนโมเลกุลและโครงสร้างในร่างกายของเขา…เว้นเสียแต่ว่าร่างกายของตี้อู๋เปียนจะฟื้นตัวขึ้นมาในระดับหนึ่ง มิฉะนั้นคงจะตรวจจับได้ยาก…”
มู่เถาเยาพูดจาฉะฉาน เธอแทรกศัพท์เทคนิคลงไปนิดหน่อย
ที่เธอพูดไปนั้นเป็นความจริง
หยวนเหยี่ยและไป๋เฮ่าอวี๋พยักหน้าซ้ำๆ ในขณะที่คนอื่นๆ รู้สึกว่าพวกเขาเป็นเหมือนฆราวาสที่กำลังฟังพระเทศน์อยู่
ตี้อู๋เปียนใช้ประโยชน์จากเวลาว่างนี้เพื่อแต่งตัวอย่างรวดเร็ว พยายามหลอกตัวเองและระงับความไม่ชอบใจที่ต้องถูกคนอื่นๆ เห็นร่างกายของเขา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่กล้ามองไปที่เป่ยซีและเย่ว์จือกวงอีกต่อไป ราวกับว่าลูกเขยคนใหม่กลัวว่าแม่ภรรยาจะรับรู้ข้อบกพร่องของเขาและไม่พอใจ
แต่เขาคิดมากเกินไป และตอนนี้ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลยสักคน เพราะทุกคนต่างก็มุ่งความสนใจไปที่มู่เถาเยาด้วยกันหมด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ แต่พวกเขาก็ยังตั้งใจฟังสาวน้อยพูดอย่างจริงจัง
คนที่ตั้งใจทำงานไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหน ต่างก็น่ามองมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ
หลังจากที่มู่เถาเยา หยวนเหยี่ย และไป๋เฮ่าอวี๋หยุดการสนทนา ความสนใจของทุกคนก็กลับมาที่ตัวเอกที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่
ตี้อู๋เปียน “…”
โปรดเพิกเฉยต่อเขาในขณะนี้!
“อู๋เปียน เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง” หยวนเหยี่ยผู้ที่อาวุโสที่สุดพูดขึ้นเป็นคนแรก
“รู้สึกดีกว่าทุกครั้งเลยครับ” และจะดียิ่งกว่านี้ถ้าไม่มีคนดูล้อมหน้าล้อมหลังเขาเยอะขนาดนี้!
“นายน้อย ผมว่าสภาพจิตใจของคุณดีกว่าสภาพร่างกายของคุณอีกนะ”
ตี้อู๋เปียนถลึงตาจ้องมองอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ เขาจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่มากมายนี้ไม่ได้ได้อย่างไร
หยวนเหยี่ยยิ้มพลางพยักหน้า “ตราบใดที่เธอเต็มใจที่จะเชื่อว่าความเจ็บป่วยนี้จะหายไปในที่สุด ร่างกายของเธอก็จะตอบสนองและตอบรับต่อความเชื่อนั้น การชี้นำทางจิตวิทยาบางทีก็ส่งผลที่คาดไม่ถึงมากนะอู๋เปียน เพราะงั้นเธอมีสิทธิ์ที่จะคาดหวังเช่นนั้น”
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ตี้อู๋เปียนยอมเปลี่ยนแปลงความคิดและอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ตราบใดที่เขายังคาดหวังเช่นนี้อยู่ ร่างกายเขาก็จะไม่ดิ่งลงจนถึงขีดต่ำสุด
ตี้อู๋เปียนแอบชำเลืองมองมู่เถาเยา และพบว่าเธอกำลังมองดูเด็กน้อยสองคนที่กำลังเล่นอยู่ไม่ไกล ฉับพลันในใจของเขาก็รู้สึกเป็นทุกข์มาก
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นตัวละครหลักในครั้งนี้โอเคไหม
แล้วทำไมเธอถึงไม่เอาใจใส่เขามากกว่านี้
ลืมมันไปเถอะ…เขาควรจะใจกว้างให้มากกว่านี้
หากยังไม่มีผู้ชายคนอื่นมาหมายตาเธอ เขาก็จะยังคงนิ่งสงบมั่งคงดุจขุนเขาได้
มู่เถาเยาไม่ได้ถูกดึงดูดสายตาไปนานนัก ไม่นานเธอก็หันกลับมาและหยิบเข็มทองอีกม้วนหนึ่งออกมา ลุกขึ้นและเดินไปหาเป่ยซีแล้วพูดกับเธอว่า “แม่คะ ฉันจะฝังเข็มให้กับแม่ด้วย จะทำให้ผมสีขาวของแม่เปลี่ยนกลับเป็นสีดำโดยเร็วที่สุด”
หลังจากผ่านการปรับสภาพร่างกายโดยหยวนเหยี่ยและความคิดเริ่มเปลี่ยนไป ผมของเป่ยซีก็เริ่มเปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำเล็กน้อยแล้ว
หลังจากได้รู้ว่าลูกสาวของเธอไม่ได้ตำหนิเธอและยอมรับตระกูลเย่ว์ อาการซึมเศร้าของเธอก็หายเป็นปกติไม่ต้องใช้ยาใดๆ อีก
ตราบใดที่มู่เถาเยาไม่ไปจากพวกเธอ และตราบใดที่เธอไม่ต้องสูญเสียคนที่เธอรักไปอีกครั้ง ความเจ็บป่วยนี้ของเธอก็จะไม่เกิดขึ้นอีก
เป่ยซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
มู่เถาเยาหันหลังให้กับเป่ยซีและเริ่มฝังเข็มให้กับเธอโดยเริ่มจากบริเวณศีรษะก่อน
รอบด้านเงียบเสียงลงทันที
สามสิบนาทีต่อมาเธอก็ดึงเข็มออก
เป่ยซีรู้สึกว่าหัวของเธอผ่อนคลายมากและความรู้สึกบวมและปวดหนึบที่เคยมีก็ค่อยๆ หายไป
“แม่คะ ทำตามคำแนะนำของอาจารย์ใหญ่ต่อไปนะคะ กินยาต่อไป แล้วไม่นานแม่ก็จะหายดี” ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บทางกายหรือความบอบช้ำทางจิตใจก็ตาม
เป่ยซีหันกลับมา กอดเอวอันอ่อนนุ่มของลูกสาวด้วยมือทั้งสองข้าง เงยหน้าขึ้นมองมู่เถาเยาจากมุมที่ต่ำกว่าด้วยดวงตาสดใสมากแล้วพูดว่า “เสี่ยวเยาเยาแม่จะฟังลูกและอาจารย์ของลูก”
มู่เถาเยาถือม้วนเข็มไว้ในมือข้างหนึ่ง และอีกข้างยกขึ้นลูบเส้นผมสีขาวราวกับหิมะของเป่ยซี จากนั้นก็ขยี้มันเบาๆ เหมือนกับที่เธอทำกับถุงลมน้อย
ทุกคนชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา
เย่ว์จือกวงตบศีรษะของมู่เถาเยาเบาๆ แล้วสวมกอดแม่และน้องสาวเข้าไปในอ้อมแขน
คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปเรียกเจ้าตัวเล็กทั้งสองที่เล่นอยู่ไม่ไกลให้กลับบ้าน
หลังจากนั้นไม่นาน มู่เถาเยาและทั้งสามคนก็เดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น
เธอหยิบกล่องยาขนาดเล็กจากมือของเย่ว์จือกวงและเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อฆ่าเชื้อเข็มทอง
แม้ว่าเข็มทองจะอ่อนมาก แต่จุดหลอมเหลวของทองคำก็สามารถสูงได้ถึงกว่าหนึ่งพันองศาเซลเซียสภายใต้ความดันบรรยากาศมาตรฐาน ในขณะที่จุดเดือดของน้ำอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยองศาเซลเซียส นอกจากนี้คุณสมบัติทางเคมีของทองคำยังเสถียรมาก และปฏิกิริยาเคมีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นแม้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิสูงและความดันสูง
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์หรือการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูงก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อรูปร่างของมัน
เมื่อมู่เถาเยาลงมาจากชั้นบน ก็เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี
อาหารกลางวันยังคงได้รับการปรุงจากความช่วยเหลือของสะใภ้หลายคนในหมู่บ้าน และวัตถุดิบทั้งหมดก็มาจากหมู่บ้านนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ปลา เนื้อสัตว์ ล้วนมาจากธรรมชาติ
ถุงลมน้อยกินจนพุงกลม!
มู่เถาเยานวดท้องของเขาเพื่อช่วยคลายการบีบตัวของกระเพาะอาหาร
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอก็หั่นสับปะรดออกมาให้ทุกคนกินย่อยอาหาร หลังจากออกไปเดินเล่นอีกกว่าครึ่งชั่วโมง ท้องของคนตัวเล็กก็ค่อยๆ หายดี
วิธีการนี้ใช้ได้เป็นบางครั้ง แต่บ่อยกว่านี้ย่อมไม่ดีแน่นอน
เพราะการกินมากเกินไปนอกจากจะทำให้อึดอัดแล้ว ที่แย่กว่านั้นคือการกินมากเกินไปจะทำให้กระเพาะไปบีบกะบังลมและแย่งพื้นที่ในปอดทำให้ปอดไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่และทำให้หายใจไม่ออก
นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มากเกินไปจะทำให้หัวใจทำงานหนักเกินความจำเป็น เนื่องจากระบบย่อยอาหารใช้กำลังมากเกินไป หัวใจจึงต้องออกแรงบีบมากกว่าปกติ
หลังจากทำให้คนตัวเล็กสบายตัวแล้ว มู่เถาเยาก็พาเขาขึ้นไปนอนที่ชั้นบน
เป่ยซีลุกขึ้นและเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของลูกสาวไปช่วยเฝ้าถุงลมน้อยแทน เพื่อให้ลูกสาวของเธอสามารถหลบไปเก็บสมุนไพรในป่ากับลูกชายของเธอได้
มู่เถาเยาเปลี่ยนมาสวมชุดที่พร้อมตระเวนกลางแจ้งและถักเปียยาวถึงเอว เส้นผมที่หนามากของเธอเปลี่ยนเป็นเปียหนายาวห้อยลงมาจากด้านหลัง
เธอหยิบกล่องยาขนาดเล็กและเดินลงไปชั้นล่าง เย่ว์จือกวงได้หยิบตระกร้าสานใบเล็กของเธอจากห้องปรุงยาข้างๆ มาเตรียมพร้อมไว้แล้วและกำลังนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น
ผู้อาวุโสทั้งสามคน ตี้อู๋เปียนและไป๋เฮ่าอวี๋ก็ล้วนอยู่ที่นั่น
หยวนเหยี่ยหยิบขวดยาถอนพิษที่เขาทำไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาแล้วมอบให้กับลูกศิษย์ตัวน้อย
มู่เถาเยาหยิบไปใส่ไว้ในกล่องยาขนาดเล็กของเธอ
ซย่าโหวโซ่วยื่นดาบ ‘หลิวอิ่ง’ อันมีค่าของเขาให้กับมู่เถาเยา
ยกเว้นถังหยวนภรรยาของเขา แม้แต่ลูกชายของเขา ซย่าโหวเฟยเจี๋ยก็ยังแตะต้องดาบนี้ไม่ได้! ชนิดที่ว่าเขาจะทุบตีทุกคนถ้าเขามาสัมผัสมัน!
เช่นเดียวกับนักดาบโบราณ มู่เถาเยาใส่ดาบหลิวอิ่งไว้ในตะกร้าสานบนหลังของเธอ ก่อนจะพูดกับทุกคนว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ ฉันเข้าไปในเขตป่าชั้นในด้วยตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แน่นอนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
ทุกคนพยักหน้า
มู่เถาเยาเข้าไปในเขตป่าชั้นในนับครั้งไม่ถ้วนเพียงลำพังและกลับออกมาอย่างปลอดภัยทุกครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญพิเศษตามไปด้วยในวันนี้
ตี้อู๋เปียนเตือนเธอ “ซาลาเปาน้อย เส้นทางตรงนะ”
“ฉันจำได้”
ทุกคนมีสีหน้างงงวย
ตี้อู๋เปียนจึงอธิบายให้ทุกคนฟัง
ทุกคนต่างก็รู้สาเหตุหลักที่มู่เถาเยากลับมาในครั้งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถามคำถามอะไรอีกและบอกให้สองสามคนใส่ใจเรื่องความปลอดภัย
เดิมทีหยวนเหยี่ยและซย่าโหวโซ่วยังอยากจะเข้าไปช่วยตามหาหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นด้วยอีกแรง แต่มู่เถาเยาห้ามไว้เพราะเป็นกังวล
จริงอยู่ที่เธออยากจะพบกับอาจารย์ลู่จือฉินของเธอ แต่เธอก็ไม่ยอมให้อาจารย์ทั้งสองคนในปัจจุบันของเธอไปเสี่ยงผจญภัยในป่าด้วยเหมือนกัน ดังนั้นพบช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร
ด้วยวัยของผู้อาวุโสทั้งสองคน ความแข็งแกร่งและความเร็วในการตอบสนองของพวกเขาย่อมไม่สามารถเทียบได้กับในอดีต จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตป่าชั้นในอีก
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ มันคงสายเกินไปที่เธอจะเสียใจ
ในใจของเธอ อาจารย์ทั้งสองคนมีความสำคัญพอๆ กับอาจารย์ลู่จือฉิน ป้าและเยี่ยนหัง
“งั้นไปกันเลย”
“อืม”
เย่ว์จือกวงแย่งตะกร้าสานใบเล็กของน้องสาวมาสะพายไว้บนหลัง และถือกล่องยาขนาดเล็กไว้ในมือของตัวเอง
ทุกคนส่งสองพี่น้องออกไป
นอกบ้าน มู่เถาเยาจับมือเย่ว์จือกวง สะกิดปลายเท้าของเธอเบาๆ จากนั้นก็ใช้ทักษะวิชาตัวเบาพาเขาหายไปจากสายตาของทุกคน
ตี้อู๋เปียนและไป๋เฮ่าอวี๋ยังคงไม่ชินกับภาพที่ชวนตกใจนี้