บทที่ 138 สอนผลิตยา

บทที่ 138 สอนผลิตยา

เมื่อถังซวงได้ยินสิ่งที่ฝูเซียงเซิงพูด เธอก็รีบยิ้มและพูดว่า “ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันแค่หวังว่าสหายฝูจะไม่คิดว่าฉันจุกจิกนะคะ”

เมื่อฝูเซียงเซิงเห็นรูปลักษณ์ที่บอบบางของเด็กสาวตัวเล็ก ๆ แบบนั้น เขาจึงยิ้มและพูดว่า “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ฉันยังกังวลอยู่เลยว่าสหายถังจะไม่ชอบความงี่เง่าของฉัน” ในตอนท้ายเขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ว่าแต่เราจะเริ่มกันตอนไหนหรือ?”

เจียงหงเหลียงหวังว่าฝูเซียงเซิงจะเรียนรู้ได้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ถังซวงอย่างคาดหวัง

“งั้นเริ่มวันนี้เลยแล้วกันค่ะ”

“ตกลง”

ฝูเซียงเซิงชอบที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ เมื่อเห็นว่าถังซวงมีบุคลิกเช่นนั้นด้วย เขาจึงรู้สึกมั่นใจ

เมื่อได้ยินสิ่งที่ถังซวงพูด จิงเจ้อหรงก็พาพวกเขาไปยังห้องทำยาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ “ผมได้เตรียมห้องและเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดไว้แล้วตามที่ซวงเอ๋อร์บอก พวกคุณสามารถใช้ได้ตามสบายเลยครับ”

เจียงหงเหลียงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมจิงเจ้อหรง “เจ้อหรง คุณยังทำงานได้ดีเยี่ยมอย่างเคยเลยนะ เราคงไม่อยู่รบกวนสหายถังซวงและเซียงเซิง คุณเองก็คงไม่ว่าง งั้นเราขอตัวก่อนนะ”

ถังซวงหวังว่าฝูเซียงเซิงจะได้เรียนรู้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นเธอจึงเข้าไปในห้องทำยาทันทีหลังจากสวมเสื้อผ้าที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว

และเมื่อเฮ่อหลานมา เธอก็เห็นแต่จิงเจ้อหรง

“คุณจิงคะ ฉันได้ยินมาว่าซวงเอ๋อร์กลับมาแล้ว เธออยู่ที่ไหนหรือคะ?”

จิงเจ้อหรงอธิบายเรื่องที่ถังซวงตั้งใจจะทำและในที่สุดก็พูดว่า “ซวงเอ๋อร์ยุ่ง ๆ อยู่น่ะ แต่วันนี้พวกคุณทุกคนก็จะกลับกันแล้ว ยังไงพอถึงเวลาเธอต้องออกมาพบคุณแน่นอนครับ”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตยุ่งแค่ไหน เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจ

“ช่วงนี้ซวงเอ๋อร์ยุ่งมากจริง ๆ คุณจิงคะบอกเธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกเราหรอกค่ะ เรากลับกันเองได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงก็พูดขึ้นทันที “ผมจะให้คนไปส่งพวกคุณกลับนะครับ”

ที่จริงเขาต้องการไปส่งด้วยตัวเอง แต่เจียงหงเหลียง และคนอื่น ๆ ยังอยู่ที่นี่ เขายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาออกไป

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ ๆ เรากลับกันได้ค่ะ”

แต่จิงเจ้อหรงได้ตัดสินใจแล้ว

“ไม่เป็นไร ผมจะให้คนขับรถพาพวกคุณกลับเอง จะได้ประหยัดเวลาและเดินทางสะดวกขึ้นด้วยครับ”

เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานต้องการจะพูดต่อ จิงเจ้อหรงจึงเปลี่ยนเรื่องไปคุยเกี่ยวกับยาแก้อักเสบชนิดพิเศษ “มีการออกสิทธิบัตรสำหรับยาที่พัฒนาโดยซวงเอ๋อร์แล้วครับ และตอนนี้หลายคนก็เริ่มรู้จักเธอ อีกทั้งเบื้องบนยังให้ความสำคัญกับเธอมาก”

คำกล่าวนี้ไม่ผิด ยาแก้อักเสบชนิดพิเศษนี้จะใช้ได้ผลและเป็นที่นิยมไปทั้งประเทศ ส่วนยาห้ามเลือด และยาทาแผลจะใช้เฉพาะในกองทัพเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นยาตัวใดใน 3 ตัวนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะดึงความสนใจจากผู้คน ยิ่งไปกว่านั้นมันถูกพัฒนาโดยซวงเอ๋อร์เพียงคนเดียว ดังนั้นพวกเบื้องบนจึงให้ความสำคัญกับซวงเอ๋อร์เป็นอย่างมาก

เมื่อเฮ่อหลานได้ยินสิ่งนี้ จิตใจของเธอก็สั่นไหว

“ซวงเอ๋อร์น่าทึ่งมากจริง ๆ ค่ะ”

เมื่อเห็นใบหน้าที่ภาคภูมิใจและมีความสุขของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงก็ยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ครับ ซวงเอ๋อร์เก่งขนาดนี้คนอื่น ๆ ต้องได้เห็นความสามารถของเธอมากขึ้นแน่”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีมากเลยค่ะ ความฝันของซวงเอ๋อร์คือการพัฒนายาที่เป็นประโยชน์กับคนหมู่มาก ตอนนี้เธอกำลังเดินตามเส้นทางนี้ทีละก้าว ๆ”

ทั้งสองเดินออกไปในขณะที่คุยกัน และค่อย ๆ ไกลออกมาจากห้องทำยาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนพวกเขามากเกินไป

ส่วนถังซวงได้เริ่มพูดคุยกับฝูเซียงเซิงเกี่ยวกับสูตรและวิธีการปรุงยาแก้อักเสบแล้ว “จริง ๆ แล้วมันไม่ยากเลยค่ะ มันก็เหมือนกับการผลิตยาทั่วไป แต่สูตรต่างกันเท่านั้น” ในขณะที่พูด เธอหยิบสูตรยาออกมาและอธิบายให้ฝูเซียงเซิงฟังทีละขั้นตอน

การแสดงออกที่ผ่อนคลายของฝูเซียงเซิงค่อย ๆ กลายเป็นจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าในตอนแรกเขาจะแสดงท่าทีให้เกียรติถังซวงมาก แต่โดยจิตใต้สำนึกเขาก็ยังรู้สึกว่าถังซวงยังเด็กเกินกว่าที่จะให้เธออยู่ในตำแหน่งเดียวกับตัวเอง แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ในที่สุดเขาก็รู้ว่าสาวน้อยคนนี้เก่งกาจเพียงใด เธอเก่งจริง ๆ ความสำเร็จของเธอไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธออย่างแท้จริง

“สหายฝู คุณจำได้ไหมคะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฝูเซียงเซิงพยักหน้าอย่างร้อนรนและพูดว่า “ฉันจำได้ ๆ”

“เอาล่ะ ในเมื่อคุณจำได้แล้ว งั้นเรามาเริ่มกันเลยค่ะ”

ฝูเซียงเซิงพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด จากนั้นทำตามขั้นตอนของถังซวง เขาเริ่มลงมือ แต่อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรก เขาจึงล้มเหลว

เมื่อมองยาที่ล้มเหลวตรงหน้า ฝูเซียงเซิงก็หายใจเข้าลึก ๆ “สหายถัง ฉันทำพลาด”

ถังซวงยิ้มและพูดว่า “คุณเพิ่งทำครั้งแรกเอง แค่นี้ก็ดีมากแล้วค่ะ มาทำกันต่อเถอะค่ะ”

“ได้”

ฝูเซียงเซิงทำตามวิธีถังซวงต่อไป แต่เขาประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปจึงล้มเหลวเป็นครั้งที่สอง โชคดีที่ถังซวงมีความอดทนสูง เธออธิบายและชี้ให้เห็นปัญหาของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งครั้งที่เจ็ด ในเวลานั้นฝูเซียงเซิงก็ผลิตยาแก้อักเสบสำเร็จในที่สุด

เมื่อมองยาในมือของเขา ฝูเซียงเซิงก็มีความสุขมากกว่าความสำเร็จที่ผ่านมาทั้งหมด

“เยี่ยมเลย ในที่สุดฉันก็กลั่นยาสำเร็จแล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เยี่ยมมากค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ มันวิเศษมากที่คุณทำมันสำเร็จได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ”

สำหรับเธอ มันเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับฝูเซียงเซิงที่เพิ่งเคยได้ทำยาแก้อักเสบนี้เป็นครั้งแรก แต่ยังสามารถทำสำเร็จได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แสดงถึงความสามารถที่เขามีนั้นไม่ธรรมดา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจียงหงเหลียง และคนอื่น ๆ ให้เขามาเรียนรู้จากเธอ แต่นอกเหนือจากความสามารถในการลงมือปฏิบัติแล้ว ตำแหน่งของฝูเซียงเซิงในโรงงานผลิตคงสูงไม่น้อย ท้ายที่สุด แม้ว่าเธอจะให้สูตรไป แต่พวกเขาก็จะต้องเก็บมันไว้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด

“สหายฝูคะ ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

ถังซวงหันไปมองเวลาแล้วคิดถึงแม่และลุงของเธอที่จะกลับตำบลในวันนี้ ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่ไปเจอพวกเขาก่อนกลับ

แม้ว่าฝูเซียงเซิงจะยังไม่พอใจกับผลงานของตัวเองเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพยักหน้าเบา ๆ “ตกลง แต่ฉันขอเอายาแก้อักเสบที่เราผลิตในวันนี้ไปด้วยได้ไหม? ฉันต้องการนำมันกลับไปแล้วให้คนลองทดสอบก่อน ถ้าเป็นไปได้ เราจะเริ่มผลิตเลย”

“แน่นอนค่ะ”

หลังจากเก็บข้าวของแล้ว ทั้งสองก็ออกจากห้องผลิตยาด้วยกัน

ถังซวงรีบไปที่บ้านพักทันที พอเธอไปถึง เธอก็เห็นเฮ่อหลานและคนอื่น ๆ กำลังเก็บข้าวของ และพร้อมที่จะกลับแล้ว “แม่ ลุง กำลังจะไปแล้วหรือคะ?”

เมื่อเฮ่อหลาน และคนอื่น ๆ เห็นถังซวงเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ซวงเอ๋อร์ ลูกทำงานเสร็จแล้วหรือ?”

ถังเซวี่ยวิ่งไปหาถังซวง และถามว่า “พี่สาว อีกนานไหมกว่าพี่จะกลับ”

“เร็ว ๆ นี้แหละ ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์หรอก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังเซวี่ยก็ยกมุมปากขึ้นและพูดว่า “ดีเลย ฉันคิดว่าคงอีกนานซะอีกกว่าพี่จะกลับ”

ถังซวงอดไม่ได้ที่จะลูบหัวของถังเซวี่ย และพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะกลับไปทันทีที่ฉันเสร็จธุระแน่นอน”

“ซวงเอ๋อร์ เราจะรอลูกที่บ้านนะ”

เฮ่อหลานยังคงกังวลเรื่องที่ลูกสาวคนโตของเธอต้องอยู่ตามลำพัง แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะตอนนี้ลูกสาวของเธอโตมากพอแล้ว และมีหลายอย่างที่ต้องทำ

เฮ่อจื่อกุยมองไปที่จิงเจ้อหรง และพูดว่า “ดูแลซวงเอ๋อร์ให้ดีล่ะ”

“ไม่ต้องห่วงพี่ชาย ผมจะดูแลซวงเอ๋อร์อย่างดีครับ”

“ใครเป็นพี่ชายของนาย เรียกให้ถูก”

เฮ่อจื่อกุยชำเลืองมองที่จิงเจ้อหรง แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มและไม่พูดอะไร เพียงบอกให้คนขับรถ ขับรถอย่างระมัดระวังเท่านั้น

จากนั้นจิงเจ้อหรงก็กล่าวลาเฮ่อหลานอีกครั้ง “คุณเฮ่อหลาน หลังจากซวงเอ๋อร์เสร็จธุระที่นี่แล้ว ผมจะพาเธอไปส่งให้เองครับ คุณไม่ต้องห่วง”

“ค่ะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะคะ”

“ไม่มีปัญหาหรอกครับ”

ถังซวงและจิงเจ้อหรงเดินไปส่งพวกเขาที่ประตู และมองรถออกไปจนลับสายตาก่อนจะหันกลับเข้าไปที่บ้าน