“ค…คือ… คือว่า…แบบว่า… ไม่ทราบว่าต—ตอนพักกลางวันนี้…อ–อาจารย์เทียพอจะ… พอจะ…พ—พอจะ….”
ในทันทีที่เอเว่นได้สบโอกาสในการพูดคุยสนทนากับอาจารย์เทียเพียงแค่สองคนนั้น เขาก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากพูดถามอาจารย์เทียขึ้นมาในทันที จนกระทั่งเขาเอ่ยปากพูดไปได้สักครึ่งประโยคนั้นเองอยู่ๆ เสียงของเขาก็กลับขาดห้วงไปกลางคันจนทำให้อลิซที่แอบฟังอยู่ต้องเหลือกตาด้วยความหน่ายใจ
ในขณะที่ไดเอน่านั้นกลับทำตาเป็นประกายและจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเธอคาดเดาได้แล้วว่าอัศวินหนุ่มเอเว่นคงคิดจะเอ่ยปากชวนอาจารย์เทียไปทานข้าวกลางวันด้วยกันอย่างแน่นอน
“โอ้ยยยย~ ที่อยู่ตรงนั้นนั่นเทียจังไม่ใช่หรอนั่น~”
แต่แล้วทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงของหญิงสาวอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านประตูหน้าของโรงเรียนที่อยู่ห่างออกไปไกลพอประมาณ และเมื่อทุกคนหันไปมองพวกเขาก็ได้พบกับหญิงสาวผมสีขาวยาวจนถึงกลางหลังที่มีนัยน์ตาสีม่วงในชุดเสื้อเชิ้ตเอวลอยเปิดไหล่สีขาวสวมเนกไทอีกทั้งยังใช้เข็มขัดรัดเอาไว้ตรงบริเวณด้านใต้หน้าอกจนดูเน้นช่วงบนอย่างเต็มที่ ในขณะที่ท่อนล่างของเธอก็เป็นกางเกงขายาวเอวต่ำรัดรูปอันเป็นการแต่งกายที่ดูแล้วไม่เหมาะไม่ควรที่จะสวมใส่มาเดินภายในโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งตัวตนของคนที่เอ่ยปากพูดทักทายขึ้นมานั้นก็ได้ทำให้อาจารย์เทียต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“อ่ะ… เรย์จัง… กลับมาแล้วหรอ…?”
“ใครกันล่ะนั่น?”
ในขณะที่อาจารย์เทียดูเหมือนว่าจะรู้จักกับผู้มาใหม่อยู่แล้วนั้น ทางด้านอลิซที่เห็นว่ามีผู้มาเยือนคนใหม่ที่เธอไม่คุ้นตาที่กล้าเดินเข้ามาภายในโรงเรียนด้วยการแต่งกายไม่เหมาะไม่ควรนั้นได้ตัดสินใจที่จะสะกิดถามไดเอน่าผู้เป็นประธานนักเรียนขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ไดเอน่าต้องรีบพูดตอบคำถามของอลิซกลับไปด้วยเช่นเดียวกัน
“นั่นอาจารย์เรย์ค่ะ…ที่อาจารย์อลิซยังไม่เคยพบเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เธอขอลาพักร้อนไปตั้งแต่เมื่อปลายเทอมที่แล้วน่ะค่ะ”
“เอ๋ ผู้หญิงคนนั้นเป็นอาจารย์ด้วยงั้นหรอครับ?”
เอเว่นที่ถูกผู้มาเยือนดึงความสนใจของเขาออกมาจากอาจารย์เทียและได้ยินคำพูดของไดเอน่าพอดีนั้นได้เอ่ยปากพูดถามขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งทางด้านไดเอน่าเองก็ได้พูดอธิบายขึ้นมาให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ค่ะ ผู้หญิงที่แต่งตัว…ค่อนข้างจะเปิดเผยไม่เหมาะกับสถานที่คนนี้ที่ร้องโวยวายว่าอยากจะขอลาหยุดพักร้อนสักเทอมนึงเมื่อตอนก่อนปิดภาคเรียนที่แล้วเสร็จแล้วก็หายตัวไปเฉยๆ ก่อนจะส่งข่าวมาอีกทีนึงก็คือบอกว่าตัวเองพักร้อนอยู่ที่แพนเทร่าเรียบร้อยแล้วคนนี้มีชื่อว่า อาจารย์เรย์ น่ะค่ะ”
คำพูดคำจาที่ฟังดูสุภาพแต่ว่าใจความกลับฟังดูไม่ค่อยจะเคารพอีกฝ่ายที่เป็นถึงอาจารย์เลยแม้แต่น้อยผิดกับท่าทีตามปกติของไดเอน่านั้นถึงกับทำให้เอเว่นต้องเบิ่งตามองดูประธานนักเรียนสาวที่กำลังทำสีหน้านิ่งๆ อยู่ด้วยความประหลาดใจ
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเรย์ก็กลับดูเหมือนจะคุ้นชินกับการแสดงออกแบบนี้ของไดเอน่าดีเธอจึงไม่มีท่าทีว่าจะขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อยและเดินตรงเข้าไปขยี้หัวของไดเอน่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พูดจาอะไรแบบนั้นกันเล่า! ฉันคนนี้อุตส่าห์รีบตรงดิ่งกลับมาหาพวกเธอที่โรงเรียนจนไม่มีเวลาทันได้เปลี่ยนชุดเลยต่างหากล่ะ!”
“ฉันจำได้ว่าต่อให้เป็นชุดเครื่องแบบของทางโรงเรียน อาจารย์เรย์ก็เอาไปดัดแปลงให้มันเปิดไหล่ไม่ก็โชว์หน้าท้องแบบนี้อยู่ดีไม่ใช่หรอคะ?”
ไดเอน่าที่ได้ยินคำพูดแก้ตัวของเรย์ได้พูดสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ที่ฟังดูสุภาพแต่เนื้อความจิกกัดอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ทางด้านอาจารย์เทียก็ได้เอ่ยปากพูดสนับสนุนไดเอน่าขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง
“ผิดกฎ…”
“แต่ฉันก็แต่งตัวแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เข้ามาสอนเป็นครั้งแรกแล้วนะ! มาจนถึงป่านนี้แล้วจะมาพูดเรื่องนั้นทำไมกันล่ะเทียจัง~”
“…บู่”
คำพูดตอบกลับของเรย์นั้นได้ทำให้อาจารย์เทียทำแก้มป่องและเป่าปากกลับไปให้เรย์ด้วยท่าทีน่ารักน่าชัง และนั่นก็ทำให้เอเว่นที่มองดูการพูดคุยของอาจารย์สาวทั้งสองคนอยู่ถึงกับหน้าแดงก่ำและรีบหันหนีไปทางอื่นด้วยความกลัวว่าตัวเองอาจจะสำลักความน่ารักของอาจารย์เทียที่เขาหมายตาอยู่จนหมดสติไปได้
และนั่นก็ทำให้เรย์ที่เห็นแบบนั้นต้องขมวดคิ้วจ้องมองดูอัศวินหนุ่มด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ก่อนที่เธอจะพูดถามเอเว่นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งๆ พร้อมกับแผ่รังสีคุกคามออกมาไปด้วย
“จะว่าไปเมื่อตอนก่อนที่ฉันจะพูดทักเทียจังขึ้นมานี่นายกำลังจะพูดอะไรกับเทียจังเขาอยู่กันหะ?”
“อ–อ่ะ— ป–เปล่าครับ ค…แค่พอดีว่าผมเผลอซื้อตั๋วอาหารมาเยอะเกินไปก็เลยคิดอยากจะถามว่าคุณเทียพอจะว่างในช่วงพักกลางวันหรือเปล่าเฉยๆ น่ะครับ!”
คำถามและท่าทีคุกคามของเรย์นั้นได้ทำให้เอเว่นเอ่ยปากพูดตอบกลับไปเสียงดังราวกับว่าเขากำลังรายงานภารกิจให้ผู้บังคับบัญชาฟังอยู่อย่างไรอย่างนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นคำว่าตั๋วอาหารของเอเว่นนั้นก็กลับทำให้ไดเอน่าต้องพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“เอ๋? แต่ตั๋วอาหารมัน….”
“อย่าเพิ่งเข้าไปขัดเขาสิไดเอน่า มาช่วยฉันตรวจสอบยูนิตตรงนี้นี่มา”
แต่แล้วก่อนที่ไดเอน่าจะได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาจนจบนั้นเอง อลิซที่สัมผัสได้ถึงเรื่องสนุกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเบื้องหน้าก็ได้ดึงแขนของไดเอน่าให้มาทำเป็นตรวจสอบสภาพของยูนิตในกล่องไม้ของเธออีกครั้งหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กสาวเข้าไปขัดขวางความลำบากของอัศวินหนุ่มที่ดูแล้วเหมือนว่าจะกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า
ซึ่งทางด้านไดเอน่าที่พอจะเข้าใจความคิดของอลิซได้นั้นก็ไม่รอช้าที่จะปิดปากเงียบด้วยความสนใจด้วยเช่นกัน และในขณะที่สองเด็กสาวกำลังสุมหัวกันอยู่นั้นสถานการณ์เบื้องหน้าก็ยังคงดำเนินต่อไปด้วยคำพูดของอาจารย์เทีย
“ถ…ถ้าเป็นช่วงพักกลางวัน…”
“เรื่องนั้นคงจะไม่ได้หรอกนะเจ้าหน้าบาก! เพราะเดี๋ยวเที่ยงนี้เทียจังจะต้องไปดื่มฉลองการกลับมาของฉันต่างหากล่ะเนอะ!”
“อ..เอ๋?”
ในขณะที่อาจารย์เทียกำลังจะพูดอธิบายขึ้นมาอยู่นั้นเอง ทางด้านเรย์ก็ได้เดินเข้าไปควงแขนของอาจารย์เทียด้วยท่าทีสนิทสนมและเอ่ยปากพูดตัดหน้าขึ้นมา อีกทั้งเธอเองก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากขอคำพูดยืนยันจากอาจารย์เทียที่กำลังสับสนอยู่อีกด้วย
“เธอมีนัดกับฉันแล้วใช่มั้ยล่ะเนอะเทีย เนอะ~”
“ต…แต่เที่ยงนี้… มีประชุ—”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง เพราะเดี๋ยวยังไงฉันก็ต้องรบกวนเธอพาฉันไปรายงานตัวกับท่านผู้อำนวยการอยู่แล้วนี่~”
ถึงแม้ว่าอาจารย์เทียจะพยายามพูดปฏิเสธออกมาแล้วก็ตามแต่ว่าเสียงของเธอก็ถูกขัดขึ้นมาด้วยคำพูดของเรย์อีกครั้งจนทำให้อาจารย์เทียที่พอจะรู้จักนิสัยของเพื่อนร่วมงานคนนี้ดีได้แต่ตัดใจที่จะพูดปฏิเสธและหันไปดึงแก้มพูดเตือนอีกฝ่ายเกี่ยวกับงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของพวกเธอด้วยท่าทีดุๆ แทน
“เวลางาน… ห้ามดื่มนะ…”
“โอ๊ยๆๆ รู้แล้วๆ ไม่ดื่มก็ไม่ดื่มจ้ะ!”
“ฮึ่ม…”
อาจารย์เทียที่ได้ยินเสียงร้องโวยวายของเรย์ได้พองแก้มของเธอเล็กน้อยเนื่องจากเธอรู้ดีว่าเพื่อนร่วมงานของเธอเพียงแค่พูดออกมาเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น และพอถึงเวลาก็คงจะแอบไปซัดเครื่องดื่มมึนเมาภายในรั้วโรงเรียนอีกแน่ๆ
และเมื่ออาจารย์เทียคิดได้แบบนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะเดินตรงเข้าไปหาอลิซและไดเอน่าที่รีบกลับไปทำเป็นตรวจสอบยูนิตอยู่เพื่อแย่งเอากล่องไม้บรรจุยูนิตมาถือเอาไว้พร้อมกับเอ่ยปากพูดถามอลิซขึ้นมา
“ไว้ที่ห้องพักครู…. ใช่มั้ย…?”
“อื้ม แต่เดี๋ยวเอาไว้ฉันยกขึ้นไปเองก็ได้นะ…”
อลิซที่รู้ตัวว่าโดนอาจารย์เทียรู้ทันว่าเธอเพียงแค่ทำเป็นตรวจสอบยูนิตอยู่กับไดเอน่าเพื่อแอบมองเรื่องสนุกอยู่เฉยๆ ได้ยักไหล่พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเหมือนกับไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับพูดเสนอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงธรรมดาๆ ถึงแม้ว่าความหมายจริงๆ ของเธอจะหมายความว่าเธอจะสั่งให้เอเว่นขนมันขึ้นไปไว้ที่ห้องพักครูก็ตามที
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านอาจารย์เทียก็กลับบอกปัดกลับมาเหมือนกับว่าเธออยากจะออกจากวงสนทนาเพิ่มไปเริ่มต้นทำงานเต็มทีแล้ว
“ไม่เป็นไร… เธอพักเถอะ…”
หลังจากที่อาจารย์เทียพูดจบแล้วเธอก็เดินยกกล่องไม้บรรจุยูนิตที่เอเว่นบ่นว่าหนักจนยกแทบไม่ไหวตรงหายเข้าอาคารเรียนไป และนั่นก็ทำให้เรย์ที่ได้แต่มองไล่หลังอาจารย์เทียไปตวัดสายตาไปมองเอเว่นที่พยายามจะชวนอาจารย์เทียไปทานอาหารกลางวันด้วยกันด้วยสายตาดุร้าย
“ฮึ้ย—”
“—!?”
ท่าทางดุร้ายของเรย์นั้นได้ทำให้เอเว่นสะดุ้งไปอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลับไม่ต้องเผชิญกับความดุร้ายของเรย์นานมากนักเมื่อหญิงสาวได้ตวัดสายตาไปจ้องมองอลิซที่ปล่อยให้อาจารย์เทียของเธอยกกล่องหนักๆ ขึ้นตึกเรียนไปด้วยตัวคนเดียวแทนพร้อมกับเอ่ยปากพูดถามขึ้นมา
“แล้วยัยหนูนี่เป็นใครกันล่ะเนี่ย สมาชิกใหม่ของสภานักเรียนหรอไดเอน่าจัง ทำไมถึงไม่ยอมใส่เครื่องแบบนักเรียนให้เรียบร้อยล่ะ?”
“หา…?”
คำพูดของเรย์นั้นได้ทำให้อลิซหันไปมองหญิงสาวหน้าใหม่ตาขวาง เพราะถ้าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้อลิซหงุดหงิดได้ง่ายๆ ล่ะก็มันก็มีเพียงแค่การที่มีคนมาเป็นห่วงสุขภาพของเธอหรือไม่ก็การที่มีคนมาทำตัวเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กนั่นเอง
ซึ่งน้ำเสียงลากยาวด้วยความหงุดหงิดของอลิซนั้นก็แทบจะทำให้ไดเอน่าตาเหลือก เพราะว่าประธานนักเรียนสาวเองก็รู้ดีว่าอาจารย์อลิซคนนี้นั้นโมโหร้ายขนาดไหน อีกทั้งอาจารย์เรย์ที่เป็นคู่กรณีเองก็คงจะไม่ลังเลที่จะฟาดปากกับอลิซด้วยในกรณีที่ทั้งสองคนทะเลาะกันจริงๆ เธอจึงได้แต่ต้องรีบพูดให้อลิซสงบสติอารมณ์ลงก่อนในทันที
“จ–ใจเย็นๆ ก่อนค่ะอาจารย์อลิซ หายใจเข้า หายใจออก ซู๊ดฮ่า ซู๊ดฮ่า”
“……….”
คำพูดของไดเอน่านั้นไม่ได้ทำให้อลิซใจเย็นลงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังทำให้สายตาของอลิซตวัดไปทางด้านไดเอน่าด้วยอีกคนหนึ่งจนประธานนักเรียนสาวสะดุ้งไปและรีบเปลี่ยนแผนการไปเป็นการหันไปอธิบายให้อาจารย์เรย์เข้าใจแทน
“เอ่อ… อาจารย์เรย์คะ คือว่าคนคนนี้คืออาจารย์อลิซที่มารับหน้าที่เป็นอาจารย์ของคาบเรียนพิเศษที่คุณเอริกะเสนอมาให้เป็นวิชาภาคบังคับในภาคเรียนนี้น่ะค่ะ”
“เอริกะนักประดิษฐ์เร่ร่อนคนนั้นน่ะนะ? นี่อย่าบอกนะว่าเขายอมร่วมมือกับเมืองรีมินัสแล้วทั้งๆ ที่อุตส่าห์ต่อต้านมาตั้งนานน่ะ?”
“มันก็ไม่เชิงว่ายอมร่วมมือหรอกค่ะ แค่ว่าคุณเอริกะเขาเสนอความช่วยเหลือให้พวกเรามีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ได้น่ะค่ะ”
“หมายถึงไอ้เหตุการณ์แบบการก่อการร้ายที่ลือกันให้ทั่วแพนเทร่านั่นน่ะหรอ? อย่าบอกนะว่าที่ทางวังหลวงของที่นั่นประกาศออกมาว่ามันเป็นอุบัติเหตุในการฝึกซ้อมนั่นมันเป็นเหตุก่อการร้ายจริงๆ น่ะ?”
เรย์ที่ได้ยินคำพูดอธิบายของไดเอน่าได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสับสน เพราะถึงแม้ว่าที่เมืองแพนเทร่าที่เธอหลบไปพักร้อนจะถูกโจมตีด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าด้วยความที่ตัวเธอหลบไปพักร้อนอยู่ในส่วนลึกของตัวเมืองแพนเทร่าชั้นในมันก็เลยทำให้เธอไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ และคิดว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุแบบที่ทางการเมืองแพนเทร่าประกาศออกมา
“ให้ตายสิ… แล้วงี้เรื่องหมอกหนาเตอะของที่นั่นมันจะเป็นแค่สภาพอากาศแปรปรวนตามที่เจ้าพวกนั้นประกาศออกมาจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย… แต่ก็ช่างเถอะ… เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักก็แล้วกันนะอาจารย์อลิซ… อ่ะ—แต่ว่าตัวกระจิ๋วแค่นี้นี่เรียกว่าอลิซจังดีกว่ามั้ยเนี่ย~”
“……..”
อลิซที่ได้ยินคำพูดหยอกเย้าของเรย์อีกครั้งนั้นแทบจะแยกเขี้ยวเข้าใส่เพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเธอ ซึ่งท่าทางของอลิซนั้นก็ได้ทำให้เอเว่นที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำออกมาเบาๆ
“ดูเหมือนว่าอาจารย์อลิซจะไม่ค่อยถูกใจอาจารย์เรย์สักเท่าไหร่เลยนะครับ”
“หุบปากไปเลยไอ้เจ้าหน้าบาก! แล้วถ้าเป็นไปได้นายก็เงียบปากไปตลอดชาติเลยก็ดี!”
“อ—เอ๋!? ไม่เห็นจะต้องพูดกันถึงขนาดนั้นเลยนี่ครับอาจารย์เรย์!?”
“หนวกหูน่า! ฉันไม่อยากจะได้เสียงของคนที่แต่งตัวผิดกฎจนทำให้เทียจังต้องมาตามดุทุกวี่ทุกวันอย่างนายหรอกนะ!”
“นี่อาจารย์เรย์กล้าพูดแบบนั้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็แต่งตัวผิดกฎระเบียบแบบนี้งั้นหรอครับเนี่ย!?”
คำพูดของเรย์นั้นได้ทำให้เอเว่นอ้าปากเหวอ เพราะไม่ว่าจะดูยังไงการแต่งตัวเปิดเนื้อโชว์หนังของอีกฝ่ายก็ผิดกฎของทางโรงเรียนมากกว่าเขาแน่ๆ และถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องของกฎระเบียบล่ะก็อัศวินระดับสูงของทางวังหลวงอย่างเขาไม่มีวันที่จะยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ อยู่แล้ว เขาจึงไม่รอช้าที่จะพูดเถียงกลับไปในทันที
และในขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่นั้นเอง ทางด้านไดเอน่าก็ได้พูดพึมพำออกมาเบาๆ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ได้เรียกว่าผิดไปจากที่เธอคาดสักเท่าไหร่
“เริ่มต้นทะเลาะกันช้ากว่าที่คาดเอาไว้ซะอีกนะคะเนี่ย…”
“นี่ยัยหัวหงอกนั่นชอบทำตัวกวนประสาทแบบนั้นอยู่ตลอดเลยหรือไงน่ะ?”
ในขณะที่ไดเอน่ากำลังพูดพึมพำออกมาเบาๆ อยู่นั้นเอง ทางด้านอลิซก็ได้พูดถามไดเอน่าขึ้นมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เพราะว่าเธอยังคงรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกเรย์ทำเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กอยู่ ซึ่งคำพูดของอลิซที่ใช้ในการระบุตัวตนของอาจารย์เรย์ผู้ที่มีเส้นผมสีขาวเหมือนกันนั้นก็ได้ทำให้ไดเอน่าต้องกะพริบตาปริบๆ มองดูเด็กสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ถ้าคำว่า ‘ยัยหัวหงอก’ นั่นหมายถึงอาจารย์เรย์แล้วล่ะก็มันก็อะไรราวๆ นั้นแหล่ะค่ะ…”
ไดเอน่าเกาแก้มพูดตอบอลิซกลับไปพลางนึกหาคำพูดอธิบายที่จะไม่ทำลายภาพลักษณ์ครูบาอาจารย์ผู้ให้ความรู้ของอาจารย์เรย์มากเกินไปนักออกมา
“คือถึงจะเห็นแบบนั้นแต่เอาจริงๆ แล้วอาจารย์เรย์เขาก็เป็นคนมีความสามารถเหมือนกันนะคะ เพราะถ้าเกิดว่าความสามารถของเธอไม่ใช่ของจริงล่ะก็ไม่มีทางที่เธอจะได้รับการทาบทามให้เข้ามาเป็นอาจารย์ของที่นี่หรอกค่ะ… ส่วนที่เห็นอาจารย์เขา… เอ่อ… ทำตัวแบบนั้นมันก็แค่เฉพาะตอนที่อาจารย์เรย์เขาคิดว่ามีคนมาเกาะแกะอาจารย์เทียเท่านั้นแหล่ะค่ะ… โดยเฉพาะยิ่งตอนที่คนที่เข้าใกล้อาจารย์เทียเป็นผู้ชายแบบนี้แล้วด้วย…”
“หืม……. ถ้าดูจากท่าทางแล้ว… น่าจะต้องเรียกว่าคอยกันท่าคนอื่นงั้นสินะ”
“เขาเรียกว่าเพื่อนกันก็ต้องช่วยดูแลกันไม่ให้มีผู้ชายห่วยๆ มาเกาะแกะต่างหากเล่า!!”
ในขณะที่อลิซและไดเอน่ากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง เรย์ที่ดูเหมือนว่าจะเงี่ยหูแอบฟังการสนทนาของเด็กสาวทั้งสองคนอยู่ก็ได้ละความสนใจออกมาจากเอเว่นที่กำลังมีปากเสียงกับเธอเพื่อพูดเถียงขึ้นมาจนทำให้ไดเอน่าต้องหันไปพูดตอบเธอกลับไป
“แต่หนูว่าปกติแล้วเพื่อนกันเขาไม่กันผู้ชายทุกคนที่คิดจะเข้าหาออกไปแบบนี้หรอกนะคะ”
“เหอะ จะพูดอะไรก็พูดไป แต่เอาเป็นว่าคนอย่างแกน่ะห้ามเข้าไปใกล้เทียจังเป็นอันขาด! ถ้าอยากจะเข้าใกล้เทียจังจริงๆ ล่ะก็ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะไอ้เจ้าอัศวินหน้าบาก!!”
ถึงแม้ว่าไดเอน่าจะหันไปพูดตอบเรย์กลับไปแล้วก็ตาม แต่ว่าทางด้านเรย์ก็ได้ละความสนใจไปจากสองสาวเพื่อชี้หน้าประกาศกร้าวใส่อัศวินหนุ่มเอเว่นแทน และนั่นก็ทำให้เอเว่นจำเป็นต้องพูดเถียงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“หา!? แล้วคุณเรย์มีสิทธิอะไรมาคิดแทนคุณเทียเขากันล่ะครับ!? ถ้าเกิดว่าคุณเทียไม่ได้เป็นคนพูดปฏิเสธออกมาเองผมก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะครับ!!”
“ท่าทางว่าจะพูดภาษาคนดีๆ ไม่รู้เรื่องงั้นสินะ แต่ว่าในเมื่อแกไม่ใช่นักเรียนแล้วมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะต้องมานั่งสั่งสอนแก เพราะงั้นถ้าเกิดครั้งหน้าฉันเห็นแกเข้าใกล้เทียจังอีกล่ะก็แกเสร็จฉันแน่!”
เรย์พูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับและเดินหนีหายเข้าไปในตึกเรียนด้วยความรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้อัศวินหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวว่าอีกฝ่ายจะเดินหนีไปดื้อๆ แบบนั้นได้แต่ต้องตะโกนไล่หลังเรย์ไปด้วยความหัวเสีย
“สู้ด้วยคำพูดไม่ได้ก็เลยขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงแล้วเดินหนีไปเฉยๆ เลยงั้นหรอครับ! นี่เป็นอาจารย์ประสาอะไรกัน! แล้วก็ถ้าเกิดว่าคิดจะลงไม้ลงมือกันจริงๆ ผมเองก็ไม่งอมืองอเท้ายอมง่ายๆ หรอกนะครับ!! ให้ตายสิ… คนอะไรกันทำตัวน่าหมั่นไส้ชะมัด…”
หลังจากที่เอเว่นตะโกนไล่หลังอาจารย์เรย์ไปแล้วเขาก็ได้พักหอบหายใจเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยปากพูดบ่นออกมาให้สาวๆ ทั้งสองคนฟัง ซึ่งนั่นก็ทำให้ไดเอน่าได้แต่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดตอบเขากลับไป
“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็มีพวกนักเรียนร้องเรียนมาเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ว่าที่จริงแล้วอาจารย์เรย์เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะคะ แค่ว่าอาจารย์เขาอาจจะหวงเพื่อนมากไปนิดนึงเท่านั้นเอง”
“เรื่องนั้นผมก็พอจะดูออกอยู่แหล่ะครับ… เดี๋ยวสิ ที่คุณหนูไดเอน่าบอกว่า ‘อาจจะ’ นี่หมายความว่าคุณหนูเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าอาจารย์เขาแค่หวงเพื่อนหรือเปล่าหรอครับนั่น?”
“เรื่องนี้ฉันขอไม่พูดอะไรก็แล้วกันนะคะ ฮะฮะ…”
ไดเอน่ายกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มของตัวเองเล็กน้อยเพราะว่าการแสดงออกของอาจารย์เรย์ที่มีต่ออาจารย์เทียนั้นก็ดูเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนสนิทไปบ้างเป็นบางที ซึ่งในขณะที่ไดเอน่ากำลังคิดหาคำอธิบายออกมาอยู่นั้นเอง ทางด้านอลิซก็ได้ยื่นมือไปทางเอเว่นและเอ่ยปากพูดขึ้นมาห้วนๆ
“เอาไอ้นั่นออกมาให้ดูหน่อยซิ…”
“อ–เอ๋!? ไอ้นั่นที่ว่านี่…”
“ก็ไอ้เจ้าบัตรโรงอาหารที่นายบอกว่าเผลอซื้อมาเยอะเกินไปนั่นไง…”
“อ๋อ ได้สิครับ”
เอเว่นที่ได้ยินคำพูดของอลิซนั้นไม่ลังเลที่จะหยิบเอาบัตรอาหารสุดสำคัญที่เขาคิดจะเก็บเอาไว้ใช้เลี้ยงอาหารอาจารย์เทียไปให้เด็กสาว เนื่องจากว่าหลังจากที่เขาได้รับภารกิจให้ติดตามอลิซมาได้สักพักหนึ่งแล้วเขาก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วอลิซนั้นเหมือนจะไม่ใช่คนแข็งกระด้างดุร้ายอย่างที่เธอมักจะแสดงออกจนไม่น่าจะเอาตั๋วอาหารของเขาไปทำลายทิ้งเพื่อความสนุกหรือเอาไปทำให้มันเสียหายเล่นๆ โดยไร้เหตุผลแน่ๆ
อีกทั้งอลิซเองก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจในความลำบากของเขาที่ต้องมาคอยตามติดเธอ เธอจึงมักจะโผล่กลับมาให้เขาเห็นเองภายในกรอบเวลาที่กำหนดหลังจากที่เธอสลัดการติดตามของเขาหลุดไปจนทำให้เขาไม่เคยถูกลงโทษจากทางวังเนื่องจากว่าทำภารกิจล้มเหลวเลยแม้แต่สักครั้งเดียว และนั่นก็ทำให้เขาคิดว่าตนเองสามารถเชื่อใจอลิซได้ในระดับหนึ่ง
“หืม…”
ซึ่งหลังจากที่อลิซได้รับตั๋วอาหารไปจากเอเว่นแล้วเธอก็ได้นำมันไปส่องดูอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดถามขึ้นมา
“นี่นายไปซื้อมันมาจากใครกันเนี่ย?”
“ก็จากอาจารย์เอริน่ะสิครับ เมื่อวันก่อนอาจารย์เอริบอกว่าเห็นผมต้องเข้ามาในโรงเรียนแทบจะทุกวันอยู่แล้วก็เลยเอาบัตรอาหารมาขายให้ในราคาพิเศษน่ะครับ”
“นี่ยัยจิ้งจอกนั่นแอบเอาของแบบนี้ออกมาขายงั้นหรอเนี่ย…”
“เอ๋? ปกติแล้วเขาห้ามซื้อขายตั๋วอาหารกันหรอครับ?”
คำพูดด้วยน้ำเสียงเคี้ยวฟันของอลิซนั้นได้ทำให้เอเว่นต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะว่าตั๋วอาหารที่เขาซื้อมาจากอาจารย์เอริซาเบธนั้นก็มีราคาที่ถูกจนน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับราคาอาหารตามปกติในโรงอาหารอยู่เหมือนกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ไดเอน่าที่เป็นประธานนักเรียนจำเป็นต้องพูดอธิบายขึ้นมาให้เขาฟังหลังจากที่เธอโดนอลิซขัดไปในทีแรก
“มันก็ไม่ได้มีกฎว่าห้ามซื้อขายหรอกค่ะ แค่ว่าตามปกติแล้วพวกอาจารย์จะสามารถขอรับตั๋วอาหารฟรีได้ตลอดอยู่แล้ว อีกทั้งอาจารย์แทบจะทุกท่านก็มีจิตสำนึกว่าไม่ควรจะเอาของที่สามารถขอรับมาได้ฟรีๆ แบบนี้ไปขายที่ไหนน่ะค่ะ…”
“หรือก็คือว่านายโดนยัยจิ้งจอกนั่นหลอกขายของที่ได้มาฟรีๆ แล้วยังไงล่ะ… ให้ตายสิ ขายขี้หน้าชะมัด… เอานี่ไปสิ”
อลิซพูดบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงและหยิบเอาตั๋วสีชมพูสดใสจำนวนหนึ่งออกมายื่นให้เอเว่นจนทำให้เขาต้องพูดถามขึ้นมา
“แล้วนี่มันคือตั๋วอะไรกันล่ะครับ?”
“ตั๋วทานฟรีของคาเฟ่ที่อยู่ตรงลานน้ำพุทางทิศตะวันออกนู่น ฉันบังเอิญได้มาเยอะแยะตอนผ่านไปแถวนั้นน่ะ… คิดซะว่าแทนคำขอโทษที่ยัยจิ้งจอกนั่นหลอกขายตั๋วอาหารให้นายก็แล้วกัน จะให้ฉันเก็บตั๋วพวกนี้เอาไว้เองก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรดีเหมือนกันเพราะยังไงซะฉันก็ไม่ได้ชอบของหวานขนาดจะคิดแวะไปกินอยู่แล้ว”
“อ่ะ! บัตรฟรีของร้านที่แต่งเป็นโทนสีชมพูหวานแหว๋วที่ทุกคนเขาลือกันนั่นน่ะหรอคะ? แต่ไม่ใช่ว่ากว่าจะได้บัตรทานฟรีมามันต้องสมัครสมาชิกแล้วก็เก็บสะสมแต้—”
หมับ!
ในขณะที่ไดเอน่ากำลังเอ่ยปากพูดถามอลิซผู้ที่บอกว่าตัวเองไม่ได้ชอบขนมหวานแต่กลับมีบัตรทานฟรีที่ได้มาจากการสมัครสมาชิกร้านขนมหวานชื่อดังอยู่ด้วยแววตาแพรวพราวอยู่นั้นเอง เธอก็ถูกอลิซพุ่งมือมาบีบแก้มเอาไว้จนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นสัญญาณขอยอมแพ้
ส่วนทางด้านเอเว่นที่กำลังยืนอ่านเงื่อนไขการใช้งานบัตรขนมหวานฟรีอยู่นั้นก็ได้เอ่ยปากพูดถามไดเอน่าที่เมื่อสักครู่นี้เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“บัตรฟรีนี่มันมีอะไรนะครับคุณหนูไดเอน่า?”
“อ๋อ ฉันแค่บอกว่าขนมหวานของร้านนั้นอร่อยสุดๆ เลยน่ะค่ะ อาจารย์อลิซนี่โชคดีจังเลยนะคะที่บังเอิญได้บัตรทานฟรีมาเยอะขนาดนี้น่ะ จริงมั้ยล่ะคะอาจารย์อลิซ~”
ไดเอน่าที่ยังคงติดสนุกอยู่ไม่เลิกนั้นได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยแววตาแพรวพราวโดยหลีกเลี่ยงการพูดถึงวิธีการได้มาซึ่งตั๋วทานฟรีที่ควรจะได้จากการสมัครสมาชิกและไปใช้บริการบ่อยๆ เอาไว้เพราะว่าเธอไม่อยากจะโดนตะครุบหน้าอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้อลิซได้แต่กรอกตาไปมาก่อนจะแอบยื่นตั๋วสีชมพูสดใสอีกใบหนึ่งไปให้ไดเอน่าเป็นค่าปิดปาก
“ก็ถ้าเป็นพวกคนที่ชอบของหวานก็น่าจะชอบล่ะมั้ง ถ้าเธอว่างก็ลองไปดูสิ…”
“แหม่ ให้ฉันหรอคะอาจารย์อลิซ ขอบคุณมากนะคะ~”
“เฮ้อ… ส่วนนายน่ะ ถ้ามีอะไรอยากจะบอกอาจารย์เทียก็มาฝากฉันไปบอกให้ก็ได้ เพราะถ้าขืนนายเข้าไปบอกด้วยตัวเองมีหวังมัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ จนโดนยัยหัวเผือกนั่นเข้ามาขวางอีกรอบแหงๆ ล่ะ”
อลิซถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกับท่าทีของประธานนักเรียนสาวก่อนที่เธอจะหันไปพูดกับเอเว่นขึ้นมาจนทำให้เขาต้องเหลือบตาไปมองเส้นผมสีขาวบริสุทธิ์ของอลิซเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยปากถามกลับไป
“เอ่อ… หัวเผือกที่พูดนั่นหมายถึงอาจารย์เรย์เขาน่ะหรอครับ?”
“ก็แล้วมันจะใครที่หัวสีเผือกแบบนั้นกันอีกเล่า…”
“ฮะฮะ… นั่นสินะคะ”
ทางด้านไดเอน่าที่กำลังจ้องมองเส้นผมสีขาวของอลิซอยู่ด้วยเช่นเดียวกันได้หลุดเสียงหัวเราะแห้งๆ ออกมาเล็กน้อย ในขณะที่ทางด้านเอเว่นก็ได้เอ่ยปากพูดขอบคุณการสนับสนุนของอลิซขึ้นมา
“ถ้ายังไงผมต้องขอขอบคุณอาจารย์อลิซมากนะครับ เดี๋ยวเอาไว้ถ้ามีโอกาสผมจะต้องตอบแทนให้แน่นอนครับ”
“พูดมากหน่า… ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่าถ้ามีคนเข้าไปสนิทกับอาจารย์เทียเขาได้แล้วยัยเรย์นั่นจะทำหน้ายังไงแค่นั้นแหล่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันขอตัวไปที่ห้องพักครูก่อนเลยละกัน มัวแต่คุยจนยังไม่ได้เริ่มเตรียมการสอนเลยเนี่ย…”
“ถ้างั้นก็ไปดีมาดีนะครับอาจารย์อลิซ… เอ๊ยไม่สิ ผมต้องตามไปด้วยนี่นา”
“ชิ…”
อลิซเดาะลิ้นให้กับความล้มเหลวในแผนการแอบหลบหนีอย่างเนียนๆ ของเธอก่อนที่เธอจะเดินนำอัศวินหนุ่มหายเข้าไปในตึกเรียน และนั่นก็ทำให้ไดเอน่าที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังได้แต่ส่ายหน้าไปมาก่อนที่เธอจะเดินตรงไปทางห้องพยาบาลเพื่อรับตัวมายะที่เธอส่งมาให้คาร์เทียร์ตรวจอาการดู
“ฉันมารับตัวมายะแล้วจ้ะ”
“ค่าๆ เท่าที่หนูดูแล้วพี่มายะเขาก็ไม่ได้ป่วยอะไรเพราะงั้นพี่ไดเอน่าพาตัวไปได้เลยค่ะ”
“หืม? ไม่ได้ป่วยงั้นหรอจ๊ะ…?”
คำพูดตอบกลับของคาร์เทียร์ที่ยืนจัดขวดยาในตู้เก็บอยู่นั้นได้ทำให้ไดเอน่าต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจก่อนที่เธอจะเหลือบไปมองมายะยังคงสอดส่องสายตาไปทางกระจกของห้องพยาบาลอยู่ด้วยท่าทีเหม่อๆ เพราะฤทธิ์ยาแล้วจึงเดินเข้าไปกระซิบถามคาร์เทียร์ดูอีกทีหนึ่งเพื่อความแน่ใจ
“ถ้าเกิดว่าไม่ได้ป่วยนี่เธอพอจะหาสาเหตุที่มายะเขามีอาการแบบนี้ได้หรือเปล่าน่ะคาร์เทียร์จัง?”
“ก็จากที่หนูตรวจดูแล้วพี่มายะเขาก็ไม่ได้มีอาการเหนื่อยล้าถึงขั้นที่จะทำให้เห็นภาพหลอนหรือว่ามีสารอะไรไม่ดีในร่างกายที่จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอนได้เลยนะคะ”
“ถ้างั้นมันหมายความว่าที่มายะจังเขาเห็นเคนซากิคุงแอบมองมาจากตามมุมตึกนั่นมายะเขาไม่ได้คิดไปเองงั้นหรอ?”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าพี่ไดเอน่าคิดว่าพี่มายะเขาแค่คิดไปเองจริงๆ ถ้างั้นเดี๋ยวหนูจะลองตรวจดูให้อีกรอบนึงก็ได้นะคะ ถึงหนูจะไม่รู้ว่าจะต้องตรวจยังไงแล้วก็เถอะค่ะ…”
คำตอบในคราวนี้ของคาร์เทียร์ได้ทำให้ไดเอน่าชะงักไปเล็กน้อย เพราะว่าที่คาร์เทียร์ต้องมานั่งปวดหัวกับการตรวจอาการให้มายะแบบนี้มันก็เป็นว่าลึกๆ แล้วตัวเธอเองก็ยังไม่อยากจะปักเชื่อว่าเคนซากิที่เป็นหนึ่งในนักเรียนในโรงเรียนของเธอจะทำอะไรแบบนั้นลงไป
“นั่นสินะ… ขอโทษที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยด้วยละกันนะจ๊ะคาร์เทียร์จัง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะหนูเองก็ไม่อยากจะให้พี่มายะเขาอยู่ในสภาพนี้ไปนานๆ เหมือนกัน…”
คาร์เทียร์พูดตอบไดเอน่ากลับไปเบาๆ พลางหันไปมองท่าทีหวาดระแวงของพี่มายะของเธอด้วยแววตาสงสารปนกลุ้มใจจนทำให้ไดเอน่าที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปลูบหัวของคาร์เทียร์ด้วยความเอ็นดูก่อนที่เธอจะเดินไปประคองตัวมายะให้ลุกขึ้นมายืน
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันพามายะเขาไปเตรียมตัวเข้าเรียนก่อนละกันนะ แต่ว่าบางทีฉันอาจจะต้องพามายะเขามาพักที่นี่อีกบ้างนะ เพราะดูเหมือนว่ามายะเขาจะคิดว่าที่นี่ค่อนข้างจะปลอดภัยน่ะจ้ะ”
“เรื่องนั้นหนูไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วล่ะค่ะ สำหรับพี่ไดเอน่าเองถ้ารู้สึกเหนื่อยหรือว่าอยากนอนพักขึ้นมาจะมาพักที่นี่บ้างก็ได้เหมือนกันนะคะ”
“เข้าใจแล้วล่ะจ้ะ ถ้างั้นพวกฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ”
ไดเอน่าพยักหน้าพูดตอบคาร์เทียร์กลับไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะประคองมายะเดินออกไปจากห้องพยาบาล
แต่ทว่าในทันทีที่ไดเอน่าก้าวเท้าออกมาจากห้องพยาบาลนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ได้สลายหายไปและแทนที่ด้วยสีหน้ายุ่งยากใจแทน
“แล้วทีนี้จะเอายังไงกับเรื่องของเคนซากิคุงกันดีล่ะเนี่ย…”