ตอนที่ 16 ขุนเขาไม่สิ้นสุด

หยางเย่เพ่งกระแสจิตในร่างกายเมื่อเห็นตันเถียนน้ำวนถ่ายพลังปราณทองคำเข้าสู่จุดตันเถียน ใช่แล้วมันคือพลังปราณทองคำ พลังปราณทองคำที่สมบูรณ์แบบ มันไม่ใช่พลังปราณประกายสีทองเหมือนแต่ก่อน!

พลังปราณทองคำถูกโคจรอย่างรุนแรงและเกรี้ยวกราดราวกับกระแสน้ำ จากนั้นมันถาโถมเข้าสู่จุดตันเถียน ใช้เวลาไม่นานจนเติมจุดตันเถียนจนเต็ม แต่ตันเถียนน้ำวนยังไม่หยุดหมุน พลังปราณทองคำยังโคจรอย่างต่อเนื่อง เส้นใยพลังปราณทองคำถูกดันออกเข้าสู่กระแสพลังในร่างกาย

ขณะนี้ร่างกายหยางเย่รวมถึงเส้นพลังปราณในร่างเต็มไปด้วยพลังปราณทองคำ

หยางเย่เกิดอาการประหลาดใจ ท้ายที่สุดเส้นใยพลังปราณทองคำก็หลอมรวมกับร่างกายด้วยเส้นใยปราณทองคำมากมาย

สิบห้านาทีต่อมา ตันเถียนน้ำวนเริ่มหมุนช้าลงจนหยุด

เมื่อสัมผัสได้ว่าตันเถียนน้ำวนหยุดแล้ว หยางเย่รีบดึงเสื้อออก เขาตกตะลึงทันทีที่มอง ร่างกายถูกห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงสีทอง เมื่อนำฝ่ามือลูบผ่านหน้าอก มันรู้สึกราวกับเหล็กดำ หยางเย่กลืนน้ำลายพร้อมกล่าว “วิชากระตุ้นกายที่สมบูรณ์แบบงั้นหรือ?”

วิชากระตุ้นกายคือวิชาพื้นฐานของสำนักดาบราชัน และมันมีอยู่เจ็ดขั้น มีผู้ฝึกมันเพียงน้อยนิด แม้จะมีผู้ฝึกฝนอยู่บ้าง แต่ไม่นานพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปฝึกวิชาอื่นที่สามารถเป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกได้เร็วกว่า ดังนั้นหยางเย่จึงเป็นคนแรกที่บรรลุขั้นเจ็ด!

“ตั้งแต่วิชากระตุ้นกายบรรลุสู่ขั้นเจ็ด นั่นหมายความว่าเราเข้าสู่ระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์แล้วงั้นหรือ?” เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หยางเย่รีบสัมผัสพลังในกาย จากนั้นตาของเขาเบิกกว้างใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเราจะบรรลุระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์ได้!”

ยามนี้หยางเย่ตื่นตะลึงอยู่ภายใน เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนนับตั้งแต่ตระหนักถึงตันเถียนน้ำวน ทว่าเมื่อเดือนก่อนเขายังไม่ใช่ผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกด้วยซ้ำ บัดนี้ได้บรรลุถึงระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์แล้ว นี่ถือว่าปกติหรือ?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หยางเย่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่ว่าจะโง่เขลาเพียงใด เขาก็ทราบดีว่าตันเถียนน้ำวนไม่ใช่ตันเถียนธรรมดา โดยเฉพาะพลังปราณทองคำ นอกจากเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย มันยังเพิ่มอานุภาพให้วิชาดาบที่ใช้ เขาไม่เคยพบเจอผู้ใช้พลังปราณธาตุโลหะทองมาก่อน แต่กล้ามั่นใจว่าพลังปราณโลหะทองจากพลังปราณห้าธาตุนั้น ยังแข็งแกร่งไม่เท่าพลังปราณทองคำของเขา!

**(จากผู้แปลตอนก่อนหน้าอาจใช้คำว่าปราณทองคำอ่อนมาก่อนสรุปเปลี่ยนเป็นธาตุโลหะทองนะครับ ขออภัยด้วยครับ )

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ หยางเย่เพ่งจิตในร่างกาย เมื่อเห็นเหตุการณ์ภายในตันเถียนน้ำวน เขายืนขึ้นโดยทันทีพร้อมตาที่เปิดกว้าง “มันเป็นไปได้ยังไง? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

หยางเย่กลืนน้ำลายขณะที่ความประหลาดใจกำลังากขึ้น เขาเพ่งจิตเข้าไปยังตันเถียนน้ำวนอีกครั้ง ยามนี้ช่องว่างภายในตันเถียนน้ำวนขยายเพิ่มไปอีก ใช่แล้วมันขยายกว้างมาก ตันเถียนน้ำวนแต่เดิมขนาดเท่าตันเถียนธรรมดา แต่ยามนี้ แม้เป็นชายวัยกลางคนสักสี่ถึงห้าสิบคนก็สามารถยืนในพื้นที่ตันเถียนน้ำวนได้!

ยิ่งกว่านั้น มีบางอย่างคล้ายสระว่ายน้ำอยู่ใจกลางตันเถียนน้ำวน มันเต็มไปด้วยพลังปราณทองคำ! หยางเย่ทราบดีว่าแหวนมิติมีช่องว่างมิติอยู่ในตัวของมันเองเพราะกำลังสวมมันอยู่ แต่ตันเถียนน้ำวนเองก็มีช่องว่างมิติด้วยเช่นกันหรือ?!

เกิดอะไรขึ้น?

นอกจากอาการประหลาดใจ หยางเย่ยังสับสนด้วย เขาต้องการถามใครสักคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยความฉลาดที่มี เขาทราบว่าหากมีใครบางคนได้ยินเรื่องตันเถียนน้ำวน มันจะสร้างความหายนะแก่ตนเองเป็นแน่

เวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง หยางเย่สูดหายใจลึก เขาหยุดให้ความสนใจตันเถียนน้ำวน ไม่ว่ามันจะลึกลับหรือท้าทายสวรรค์มากเพียงใดมันก็อยู่ในร่างกายเขาอยู่ดี ทั้งยังต้องดูดกลืนพลังปราณล้ำลึกจากเขาเพื่อขยายใหญ่ขึ้น ยามนี้เขาเข้าใจดีแล้วว่าตันเถียนน้ำวนขยายใหญ่ขึ้นเพราะการเกื้อหนุนจากหินพลังปราณ

ไม่ว่ายังไงตันเถียนน้ำวนก็ไม่ได้ต่อต้านเขา และมันยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ ดังนั้นแทนที่จะสงสัยในต้นกำเนิดของมัน ไฉนไม่หาวิธีใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง?

ภายหลังไขข้อข้องใจ ความคิดหยางเย่กระจ่างขึ้น ดูเหมือนเขาจะนึกบางสิ่งเมื่อมองไปยังร่างกายที่มีแสงทองคำเปล่งประกาย จากนั้นเขาลังอยู่ชั่วครู่ก่อนจะใช้ดาบเหล็กดำในมือแทงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย

ชิ้ง!

ดาบเหล็กดำปะทะกับร่างกาย แต่ดูเหมือนมันจะสะท้อนดาบเหล็กดำกลับแทน เสียงโลหะกระทบกันดังสะท้อนกลับมา

“ฮ่าฮ่า!!!” เมื่อสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย หยางเย่เริ่มหัวเราะออกมาอย่างพึงใจ จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ “ไม่นึกเลยว่าร่างกายจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้หลังชะล้างด้วยพลังปราณล้ำลึก ยามนี้ความแข็งแกร่งร่างกายเราสมควรไร้ผู้ต้าน ต้องทดลอง!”

เมื่อคิดได้จึงเริ่มลงมือ หยางเย่เดินไปยังต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ข้างหน้ามีชื่อเรียกว่า ต้นไม้เปลือกโลหะ มีผิวเป็นแผ่นก้อนอยู่หลายชั้นและแข็งทนทาน โดยปกติเมื่อบรรดาศิษย์ใช้แรงงานมาตัดต้นไม้ พวกเขามักจะถอดใจเมื่อเจอต้นไม้ชนิดนี้ มันเป็นไปได้ยากมากที่จะโค่นลงมา

เมื่อมองไปยังเปลือกโลหะ หยางเย่สูดหายใจลึกพร้อมกำหมัดขวาแน่นยิ่งขึ้น จากนั้นไม่นานหยางเย่ตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ ไม่นานกำปั้นในมือขวาชกตรงไปยังต้นไม่ใหญ่ข้างหน้า

ปั้ง!

หมัดหยางเย่ราวกับใบมีดที่คมกริบตัดเนื้อไม้ กำปั้นของเขาพุ่งเข้าไปยังต้นไม้โดยไร้ซึ่งสิ่งใดกีดขวาง ในช่วงเวลานั้นแขนขวาหยางเย่สั่นในทันที พลังปราณไหลออกจากหมัด

ปั้ง!

เปลือกไม้โลหะระเบิดออกทันที ใบไม้นับร้อยร่วงลงมา

หยางเย่ดึงหมัดออกมา เมื่อมองไปยังเปลือกไม้โลหะที่ถูกทำลายเป็นชิ้นในการโจมตีครั้งเดียวเขากล่าว “มันจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ พลังหมัดน้ำหนักไม่ต่ำกว่าพันห้าร้อยกิโล หากวามร้ายกาจคงมากยิ่งกว่าสัตว์อสูรทมิฬเสียอีก!”

ทันทีที่นึกถึงความแข็งแกร่งสามารถเทียบเท่าสัตว์อสูรทมิฬ ดวงตาหยางเย่เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น แต่ต้องหยุดมันลงเมื่อนึกถึงชายผู้หนึ่ง หลิวชิงอวี่ผู้ที่อยู่อันดับยี่สิบเก้าของเทียบอันดับสำนักนอก

แม้ว่าหลิวชิงอวี่ยังไม่ได้มาหาเรื่องตอนนี้ หยางเย่ก็ทราบดีว่าหลิวชิงอวี่จะมาในอนาคต ยิ่งกว่านั้น แม้หลิวชิงอวี่ไม่มาหาเรื่อง เขาก็จะเป็นผู้ไปหาเรื่องหลิวชิงอวี่อยู่ดี

ตระกูลหลิวและหยางเย่ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้!

“ด้วยความแข็งแกร่งตอนนี้ เรายังไม่อาจที่จะเอาชนะหลิวชิงอวี่ได้ เหมือนว่าจะต้องไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุดเพื่อเพิ่มประสบการณ์ความเป็นความตายเสียแล้ว!” หยางเย่บ่นพึมพำ เวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่หากเทียบกับบรรดาอัจฉริยะในอันดับของสำนักนอกนั้น มันยังไม่เพียงพอ เพราะอัจฉริยะบางคนมีความสามารถทัดเทียมกับผู้อาวุโสนอก!

“ขุนเขาไม่สิ้นสุดแล้ว!” หยางเย่กำหมัดแน่น ยามนี้เขาตัดสินใจเพิ่มประสบการณ์ระหว่างความเป็นตายเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบในอีกยี่สิบวันข้างหน้า หรือความกดดันจากตระกูลหลิว เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก

ขุนเขาไม่สิ้นสุดกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์ เพราะมันมีเหล่าสัตว์อสูรทมิฬที่น่ากลัวจำนวนนับไม่ถ้วนคงอยู่ มนุษย์ที่กล้าเสี่ยงเข้าไปมักจะไม่กลับออกมา

แน่นอนว่ามันคือส่วนลึกข้างในขุนเขาไม่สิ้นสุด ยังมีผู้คนมากมายอยู่นอกขุนเขาไม่สิ้นสุด ท่ามกลางคนเหล่านั้นยังมีทหารรับจ้าง บรรดาผู้บ่มเพาะพลังไร้สังกัดมาค้นหาสมบัติ และบรรดาศิษย์สำนักอื่น แต่บรรดาศิษย์สำนักดาบราชันมีจำนวนมากที่สุดในกลุ่มคนพวกนั้น เพราะสำนักดาบราชันอยู่ใกล้ขุนเขาไม่สิ้นสุด!

สำนักดาบราชันกระตุ้นให้บรรดาศิษย์เข้าไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุด เพราะหลังจากได้รับประสบการณ์ผ่านความเป็นตายมาจะสามารถเป็นยอดฝีมือได้ แต่เมื่อพิจารณาจากระดับความอันตรายของขุนเขาไม่สิ้นสุด สำนักดาบราชันตั้งกฎไว้ว่า มีเพียงยอดฝีมือระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ที่สามารถเข้าไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุดได้ หรือรับภารกิจที่ต้องไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุดเท่านั้น

แต่กฎนี้ไม่เป็นผลต่อหยางเย่เพราะเขายังไม่ใช่ศิษย์ในสำนักดาบราชัน

ในวันถัดมาหยางเย่สร้างยันต์เสริมกำลังห้าแผ่น ยันต์ทั้งห้าแผ่นนี้อยู่ในระดับสูงทั้งหมด มันทำให้หยางเย่ดีใจอย่างมาก

ในวันที่สองหยางเย่เริ่มออกเดินทาง

หลังจากเดินทางตลอดเช้า หยางเย่ก็มาถึงเขตแดนขุนเขาไม่สิ้นสุด มีกลุ่มคนกระจัดกระจายอยู่ทั่ว กลุ่มเหล่านี้คือทหารรับจ้างที่เชี่ยวชาญในการเข้าสู่ขุนเขาไม่สิ้นสุดเพื่อล่าสัตว์อสูรทมิฬไปขาย พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่รอบนอก

หยางเย่มองไปยังผู้คนโดยรอบก่อนจะถอนสายตาออกมองไปยังผืนป่าหนาทึบกว้างออกไป หยางเย่รู้สึกกดดันเล็กน้อยยามมองไปที่ป่าทึบ “มันอาจเป็นผืนป่าของอสรพิษ เมื่อก้าวเข้าสู่ป่านั้น ก็หมายความว่าอยู่ในขุนเขาไม่สิ้นสุดแล้ว”

ขณะที่สังเกตบริเวณรอบป่า ชายกล้ามโตเดินมาหาเขา “น้องชาย เจ้าจะเข้าไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุดงั้นหรือ?”

หยางเย่หันมายังชายกล้ามโตที่ยิ้มให้เขา ชายผู้นั้นอายุราวสามสิบปี เขามีคิ้วที่หนา ตาโต และผิวสีดำ หยางเย่มองไปยังไหล่ของชายผู้นั้น เพราะเขาวางพาดดาบใหญ่ไว้บนไหล่ ดาบมีขนาดที่ใหญ่มากและน้ำหนักอย่างน้อยสองร้อยกิโลกรัม

หลังจากหยุดมองที่ไหล่ของชายผู้นั้น หยางเย่พยักหน้าตอบ

เมื่อเขาเห็นหยางเย่พยักหน้า ชายกล้ามโตหัวเราะดังลั่นออกมา “น้องชาย ในเมื่อเจ้าจะเข้าไปแล้วไฉนไม่เข้าไปพร้อมพวกเราล่ะ? กลุ่มของพวกเราเพิ่งขาดสมาชิกไป เจ้า?” ขณะกล่าวเขาชี้ไปยังกลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่

หยางเย่มองไปยังกลุ่มคนที่ชายผู้นั้นชี้ เขาเกิดอาการลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบ เพราะเพิ่งมาถึงสถานที่แห่งนี้และยังไม่ทราบข้อมูลของป่าดี จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใดที่จะไปกับบรรดาทหารรับจ้างเพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่