ตอนที่ 145 ลำบากยากเข็ญ!

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 145 ลำบากยากเข็ญ!

“ข้าไม่โหดร้ายปานนั้น!”

เสียงตะโกนด้วยความขุ่นเคืองดังมากจากเซียวกั้ว

เวลานี้เขาไม่มีความดีใจที่ได้สืบทอดบรรดาศักดิ์ มีเพียงความขุ่นเคือง

เวลานี้แล้ว พระชายาฉินยังพูดจาเสียดสีเขา

เฮอะๆ …

เขาพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ใช่คนดี แต่ข้าก็ไม่ใช่คนเลวที่ชั่วช้าต่ำทราม ไม่เคยคิดจะกลั่นแกล้งผู้ใด ยิ่งไม่เคยคิดจะกำจัดผู้ใด ท่านพูดเช่นนี้เพื่อบีบเค้นให้ข้าลงมือสมดังปรารถนาของท่านหรือ”

พระชายาฉินผงะ จากนั้นนางก็หัวเราะเสียงเย็น “คนที่ได้สืบทอดบรรดาศักดิ์ช่างไม่เหมือนเดิม กล้าโต้เถียงและซักถามข้าเสียแล้ว วันหน้า เจ้าคงจะลงมือกับซวิ้นเอ๋อร์ด้วยใช่หรือไม่ เจ้ายังบอกว่าข้าใส่ร้ายเจ้า ทั้งที่ในใจของเจ้าคิดร้าย ท่านอ๋อง ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ซวิ้นเอ๋อร์นะเจ้าคะ!”

พระชายาฉินเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อครู่ก่อนยังกำลังตวาดด้วยเสียงแหลม ครู่ต่อมาก็เริ่มร้องไห้ขอความช่วยเหลือ

นางปาดน้ำตาเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรม คาดหวังให้ท่านอ๋องตงผิงทวงความยุติธรรมให้นาง

ท่านอ๋องตงผิงชราแล้ว เหนื่อยแล้ว เพลียแล้ว!

เขาสง่ามาทั้งชีวิต สุดท้ายกลับต้องจบลงด้วยการถูกจองจำ ช่างไม่อยากยอมจำนน อีกทั้งยังน่าอับอาย

พระราชโองการออกมาแล้ว เวลานี้พูดสิ่งใดล้วนสายเกินไป

เขาก็ไม่อยากจะโต้เถียง หากแต่เกลี้ยกล่อมพระชายาฉินด้วยความหวังดี “เจ้าใหญ่ก็เป็นคนมีมโนธรรม เขาสืบทอดตำแหน่ง คนทั้งตระกูลก็สามารถปลอดภัย ส่วนเจ้าก็อย่าอาละวาดอีกเลย หากอาละวาดหนักย่อมไม่มีผลดีกับผู้ใด”

เขากำลังตักเตือนนาง อย่าได้ฉีกหน้าเซียวกั้วที่กำลังจะสืบทอดตำแหน่ง ต่อจากนี้ยังต้องหวังพึ่งเซียวกั้วในการใช้ชีวิต

สู้ยอมรับทุกสิ่งอย่างสงบดีกว่าฉีกหน้ากับอีกฝ่าย

เห็นแก่หน้าของเขา เซียวกั้วย่อมจะปฏิบัติดีกับพวกนางแม่ลูก

แต่พระชายาฉินไม่ยอม!

ตำแหน่งที่เป็นของบุตรชายในเดิมทีตกอยู่ในมือของเซียวกั้ว อีกทั้งยังจะให้นางยอมรับทุกสิ่งอย่างสงบ หรือแม้กระทั่งไปประจบเซียวกั้ว นางยอมรับไม่ได้

เกียรติยศและศักดิ์ศรีของนางล้วนยอมรับไม่ได้

ให้นางก้มหัวให้เซียวกั้วยากยิ่งกว่าเอาชีวิตของนางเสียอีก

นางร้องไห้อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์

มีเพียงเท่านี้จึงจะระบายโทสะภายในใจของนางได้

ท่านอ๋องตงผิงปวดหัวกับเสียงร้องไห้ของนาง

เขากวักมือเรียกเซียวกั้ว “เจ้าตามข้ามายังห้องตำรา ข้ามีเรื่องจะกำชับเจ้า”

เซียวกั้วพยักหน้า เดินตามท่านอ๋องตงผิงออกจากโถงใหญ่ไป

เสียงร้องไห้หยุดลงทันที

คนจากไปแล้ว พระชายาฉินย่อมไม่มีความจำเป็นที่จะร้องไห้ต่อไป

นางเช็ดน้ำตา พลันจูงเซียวซวิ้น “ไป ไปคุยในห้องโถงด้านใน”

สามวันต่อมา ท่านอ๋องตงผิงย้ายออกจากจวน ถูกจองจำอย่างเป็นทางการ

พระชายาฉินผู้เป็นภรรยาติดตามอยู่ข้างกาย

เซียวกั้วสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เขากลายเป็นท่านอ๋องตงผิงองค์ใหม่

เมื่อได้รับอิสระ เซียวกั้วก็ส่งคนสืบข่าวของเซียวอี้ทันที

เซียวอี้ยังไม่กลับเมืองหลวง

แต่ข่าวของราชสำนักกลับส่งเข้ามาถึงหูเขาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อรู้ว่าการที่ตนเองได้สืบทอดตำแหน่งเพราะบารมีของท่านโหวผิงอู่ สืออุนผู้เป็นลุง เซียวกั้วก็ทำหน้าฉงน

เหตุใดท่านลุงจึงต้องช่วยเขา

ไม่พบหน้ามานานหลายปี ไร้การติดต่อผ่านทางจดหมาย อีกทั้งไม่เคยส่งของขวัญไปมาหาสู่ในวันเทศกาล

เวลาที่สำคัญ ท่านลุงกลับยื่นมือมาช่วยเหลือเขา ทำให้เขาได้สืบทอดตำแหน่งอย่างราบรื่น เพราะเหตุใดกัน

ไม่ว่าเรื่องใดย่อมต้องมีสาเหตุ

เซียวอี้ผู้เป็นน้องชายจัดการเรื่องเหล่านี้หรือ

คงจะใช่!

เพียงแต่เซียวอี้ผู้เป็นน้องชายใช้สิ่งใดโน้มน้าวท่านลุง

เซียวกั้วไม่เคยพบกับท่านลุง แต่ก็ได้ยินข่าวลือมาไม่น้อย

ท่านโหวผิงอู่ สืออุนไม่ใช่คนที่เจรจาได้ง่าย

เซียวอี้ต้องใช้สิ่งใดแลกเปลี่ยน จึงทำให้ท่านลุงยื่นมือออกมาช่วยเหลือเขา

เซียวกั้วรู้สึกว่าตนเองติดหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงในทันที

ไม่เพียงติดหนี้บุญคุณของท่านลุง อีกทั้งยังติดหนี้บุญคุณของเซียวอี้

บุญคุณที่หนักหนาเช่นนี้ เขาจะใช้หมดในชาตินี้หรือไม่

ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงออกพระราชโองการอย่างเป็นทางการ เรียกคืนพื้นที่ศักดินาของเหล่าท่านอ๋อง เรียกคืนอำนาจในการเก็บส่วย ปลดกองกำลังของเหล่าท่านอ๋อง

แม้จะทำเรื่องนี้เสมอมานับตั้งแต่ปีที่แล้ว

แต่จนกระทั่งปีนี้ พระราชโองการถึงได้ออกมาอย่างเป็นทางการ

พื้นที่ศักดินากลายเป็นทรัพย์สินของราชสำนัก จัดตั้งสำนักหยาเหมินท้องถิ่น ส่งขุนนางเดินทางไปดูแลและเก็บส่วยโดยราชสำนัก

พื้นที่ทุกแห่ง ส่วนหนึ่งเก็บเข้าแปลงนาหลวง อีกส่วนให้สำนักราชการจำหน่าย

การซื้อขายที่ดินในครั้งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับราษฎรธรรมดา

พื้นที่ที่นำออกมาซื้อขายทั้งหมด บรรดาตระกูลใหญ่ต่างแบ่งปันกันลับหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตอนที่สำนักราชการแขวนประกาศออกมา การซื้อขายที่ดินก็สำเร็จลงนานแล้ว

บางตระกูลใหญ่ได้ส่งคนมุ่งหน้าไปเพาะปลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สงครามยาวนานต่อเนื่องถึงสองปี บรรดาท่านอ๋องขาดทุนจนเหลือเพียงกางเกงตัวเดียว

ฮ่องเต้และบรรดาตระกูลใหญ่ในแผ่นดินกลับมีรายรับมหาศาล

ส่วนราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสงครามทำได้เพียงยอมรับความโชคร้าย

ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงฮึกเหิม

เมื่อจัดการบรรดาท่านอ๋องแล้ว ต่อมาก็เริ่มลงมือในการเรียกคืนพื้นที่ศักดินาของพระบรมวงศานุวงศ์

ต่อจากนี้ ราชวงศ์ต้าเว่ยจะไม่มีการแบ่งพื้นที่ศักดินาอีกต่อไป มีให้แต่งตั้งบรรดาศักดิ์

คนแรกที่เริ่มลงมือก็คือท่านหญิงจู้หยาง เซียวฮูหยิน

วันหนึ่ง เซียวฮูหยินถวายฎีกา ส่งคืนพื้นที่ศักดินาด้วยตนเอง

ทั้งราชสำนักตกตะลึง!

“ฝ่าบาทย่อมทรงเจรจากับท่านหญิงจู้หยางไว้ก่อนแล้ว”

“ฝ่าบาททรงมีแผนการอยู่ก่อนแล้วจริงด้วย เพียงแต่ไม่คิดว่า ฝ่าบาทจะทรงขอความร่วมมือจากท่านหญิงจู้หยาง”

“ย่อมต้องหาคนที่รังแกง่ายก่อน เพื่อความปลอดภัย ท่านหญิงจู้หยางทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท ส่งคืนพื้นที่ศักดินาด้วยตนเอง”

“จิ๊ๆๆ …”

บรรดาขุนนางต่างครุ่นคิด ฮ่องเต้ทรงรีบร้อนเสียจริง!

ไม่อาจรอได้แม้แต่ครู่เดียว เพิ่งจัดการบรรดาท่านอ๋องเสร็จสิ้นก็คิดจะจัดการพระบรมวงศานุวงศ์ต่อในทันที

ก้าวใหญ่เพียงนี้ ไม่กลัวเจ็บตัวหรือ

เซียวฮูหยินถวายฎีกาส่งคืนพื้นที่ศักดินา ทำให้ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงพอพระทัยอย่างมาก

ตอนว่าราชการในท้องพระโรง ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงชื่นชมความจงรักภักดีของเซียวฮูหยินต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก

ก่อนจะออกรับสั่ง พระราชทานเงินให้เซียวฮูหยินจำนวนหนึ่ง

ซุนปังเหนียนส่งบุตรบุญธรรมนำรางวัลพระราชทานไปยังจวนท่านหญิง

เซียวฮูหยินน้อมรับเอาไว้ แต่ภายในใจรังเกียจอย่างมาก

นางส่งพื้นที่ศักดินาคืนให้ราชสำนักด้วยตนเอง ความดีความชอบที่ใหญ่เพียงนี้ สุดท้ายฮ่องเต้พระราชทานให้แค่เงินหนึ่งร้อยตำลึงและทองหนึ่งร้อยตำลึง

รางวัลเพียงเท่านี้ไม่พอที่จะยัดร่องฟันด้วยซ้ำ

เซียวฮูหยินมีท่าทีเกียจคร้าน

ฤดูใบไม้ผลิที่มีอากาศอบอุ่นและดอกไม้แบ่งบาน ทำให้คนไม่กระฉับกระเฉง มักอยากจะนอนหลับไป

นางกำชับพ่อบ้าน “นำเงินบันทึกเข้าคลัง”

พ่อบ้านรับคำสั่ง

เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา “ฮ่องเต้ทรงใจแคบเสียจริง”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงยิ้ม “เขาเป็นคนใจแคบเช่นนี้เสมอมา ข้าไม่เคยคาดหวังให้เขาใจกว้างสักครั้ง โชคดีที่พวกเราได้รับการชดเชยจากทางอื่น”

โชคดีที่ท่านโหวผิงอู่ สืออุนให้ความช่วยเหลือ เพียงแค่เขาเอ่ยถึงในฎีกาก็สามารถเรียกร้องค่าชดเชยแทนเซียวฮูหยินได้

เซียวฮูหยินได้แปลงนาหลวงสองแห่ง พื้นที่รวมกันมีราวหนึ่งแสนไร่

ขนาดของแปลงนาไม่ใหญ่ไม่เล็ก

แต่ไม่อาจเทียบได้กับพื้นที่ศักดินา

โชคดีที่มีดีกว่าไม่มี ถือว่าได้รับการชดเชยบ้างแล้ว

เซียวฮูหยินพูดต่อ “หน้าของท่านโหวผิงอู่ สืออุนใหญ่เสียจริง คำพูดเดียวของเขาเทียบได้กับคำพูดนับพันนับหมื่นของผู้อื่น ต่อจากนี้ เมืองหลวงย่อมต้องวุ่นวายสักพักหนึ่ง ไม่มีผู้ใดยอมส่งคืนพื้นที่ศักดินาด้วยความเต็มใจ ข้าจะออกคำสั่งปิดประตู ปฏิเสธการเข้าพบ เจ้าก็พยายามอย่าออกไปข้างนอก”

เยียนอวิ๋นเกอตอบรับ “ข้าฟังท่านแม่”

การซื้อขายที่ดินในคราวนี้ไม่มีส่วนของเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอยังไม่มีสิทธิ์เข้าแวดวงสังคมของตระกูลใหญ่ในการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน

นางทำได้เพียงมองบรรดาตระกูลใหญ่แบ่งพื้นที่ศักดินาของเหล่าท่านอ๋องด้วยสีหน้าอิจฉา

ล้วนเป็นที่แปลงดี!

ล้วนเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์!

ซื้อมาก็สามารถเพาะปลูกได้ทันที เสียดายที่ไม่มีส่วนของนาง

นางไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะแทรกมือเข้าไป น่าโมโหยิ่งนัก

ใช่

เพลิงที่เผาเสบียงปีที่แล้วเป็นฝีมือของหลิวสือ

เขาไม่เพียงวางเพลิงเผาเสบียง อีกทั้งยังถอนตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย กองกำลังเหนือไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา

ทุกคนต่างคิดว่าเหล่าท่านอ๋องส่งคนมาวางเพลิง

แต่หารู้ไม่ว่า เรื่องวางเพลิงเสบียงเป็นความคิดของเยียนอวิ๋นเกอ

เจตนาเดิมคือยืดเวลาสงคราม ให้ฮ่องเต้หย่งไท่อย่ารังแกคนมากเกินไป

แต่ไม่คิดว่าท่านอ๋องตงผิงองค์ก่อนไม่เอาไหน เพลิงนี้ไม่เพียงไม่ปลุกระดมวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาขึ้นมา อีกทั้งยังทำให้เขายอมจำนนก่อนเวลาเสียอีก

เดิมทีสถานการณ์ที่เหล่าท่านอ๋องยังสามารถประคองได้ถูกเขาพังทลายในทันที

เวลาและโชคชะตา!

ราวกับฟ้าลิขิต ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยกำลังของคน

เมื่อราบรื่น ฮ่องเต้หย่งไท่จึงทรงเรียกคืนพื้นที่ศักดินาอย่างเร่งรีบและรุนแรงมากขึ้น

ไม่นานนักก็ถึงคราวเรียกคืนพื้นที่ศักดินาขององค์หญิงเฉิงหยาง

องค์หญิงเฉิงหยางจะทำอย่างไรได้

ทำได้เพียงเข้าไปร้องทุกข์ในวังหลวง

นางไม่เอ่ยถึงพื้นที่ศักดินาแม้แต่น้อย เพียงแค่ร้องไห้

ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

ระลึกความหลัง พยายามกระตุ้นมโนธรรมของฮ่องเต้ ไม่ให้เขาบีบเค้นน้องสาวมากเกินไป

“…ซูอวิ้นกับซูหาว อีกคนยังไม่ออกเรือน อีกคนยังไม่สมรส หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เสด็จพี่ หม่อมฉันช่างยากลำบากนัก!”

องค์หญิงเฉิงหยางร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ

ฮ่องเต้หย่งไท่ยังคงมีมโนธรรมต่อน้องสาวอยู่บ้าง

“เจ้าลุกขึ้นก่อน คุกเข่าบนพื้นได้อย่างไรกัน”

“หม่อมฉันรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ระยะนี้มักระลึกถึงวันที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่ยังทรงอยู่”

ฮ่องเต้หย่งไท่ถอนหายใจ “เจ้าลุกขึ้นมาก่อน ข้ายังมีงานอีกมาก เจ้าไปนั่งที่ตำหนักฮองเฮาก่อน ข้าจะตามไปทีหลัง”

องค์หญิงเฉิงหยางสะอึกสะอื้น “เสด็จพี่ต้องทรงมาหาหม่อมฉันนะเพคะ! ไม่มีพระองค์ หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี”

ฮ่องเต้หย่งไท่พยักหน้าตอบรับนาง

องค์หญิงเฉิงหยางเช็ดน้ำตา มุ่งหน้าไปตำหนักเว่ยยาง

ลำบากเสียจริง!

ผู้ใดเสนอความคิดเรียกคืนพื้นที่ศักดินาให้เสด็จพี่กัน!

คงจะหนีไม่พ้นขุนนางฝ่ายราชการกลุ่มนั้น

พวกคนที่ไม่กลัวความวุ่นวาย สมควรตาย!

เมื่อถึงตำหนักเว่ยยาง องค์หญิงเฉิงหยางออกแรงบีบน้ำตา

“ฮองเฮา พระองค์ต้องช่วยหม่อมฉัน!”

องค์หญิงเฉิงหยางร้องห่มร้องไห้ กระโจนเข้าอ้อมกอดของเถาฮองเฮา

เถาฮองเฮารีบหลบออก

องค์หญิงเฉิงหยางตัวอ้วนท้วม หากถูกนางกระโจนเข้าใส่ เกรงว่าจะบาดเจ็บสาหัส

องค์หญิงเฉิงหยางชะงักลงระหว่างทาง ไม่ได้กระโจนเข้าอ้อมกอดของเถาฮองเฮา

นางนั่งลงบนเก้าอี้ ใช้ผ้าเช็ดน้ำตา “ฮองเฮาเพคะ สำนักเซ่าฝู่จะเรียกคืนพื้นที่ศักดินาของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทำอย่างไรดี!”

“ฝ่าบาทตรัสว่าอย่างไร” สีหน้าของเถาฮองเฮาเรียบเฉย

เรื่องพื้นที่ศักดินาไม่เกี่ยวกับนาง นางทำหน้าที่เพียงมองดูเท่านั้น

“เสด็จพี่ให้หม่อมฉันมาหาฮองเฮา เวลานี้หม่อมฉันหมดหนทาง ฮองเฮาต้องช่วยหม่อมฉันนะเพคะ!”

องค์หญิงเฉิงหยางร้องไห้เสียงดัง ทั้งตำหนักเว่ยยางดังก้องไปด้วยเสียงของนาง

เถาฮองเฮานวดคลึงขมับ “เรื่องพื้นที่ศักดินา ข้าจะมีทางได้อย่างไร แต่ว่าเจ้าเป็นน้องสาวของฝ่าบาท ฝ่าบาทย่อมต้องทรงเมตตาเจ้า”

“ฮองเฮาอย่าปลอบหม่อมฉันเลย! เรื่องที่เสด็จพี่ตัดสินพระทัยแล้ว ผู้ใดก็รั้งไม่อยู่ สงสารซูอวิ้นและซูหาว คนหนึ่งยังไม่ออกเรือน อีกคนยังไม่สมรส แต่พื้นที่ศักดินากลับไม่มีแล้ว จะทำอย่างไรดี!”