ตอนที่ 91 โยนออกไปให้หมด

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 91 โยนออกไปให้หมด

อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้มพร้อมกับจับมือเย่ซิวตู๋ให้แน่นขึ้น “เป็นอะไรกัน? เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ? พวกเราสองคนน่ะ…อะหึ”

สองพยางค์สุดท้ายคลุมเครือเสียจนทำให้คนที่อยู่โดยรอบหน้าแดงใจเต้นแรง หลิ่วเซียงเซียงยิ่งเสริมภาพการสาบานต่อทะเลและภูเขาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลายระหว่างพวกเขาทั้งสองในสมองของตัวเอง ยิ่งคิด เส้นเลือดที่ขมับก็ยิ่งปูดรุนแรงขึ้น

ผ่านไปครู่หนึ่งท่าทางดุร้ายก็เปิดเผย นางไม่ได้แสดงท่าทางน่าสงสารหวังว่าเย่ซิวตู๋จะช่วยหาความเป็นธรรมให้นางเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป ชี้หน้าอวี้ชิงลั่วด้วยความเดือดดาลและแผดเสียงแหลม “เจ้ามีสิทธิ์อะไร? เจ้าเป็นใครถึงไปยืนเคียงข้างท่านอ๋องซิว เจ้าคู่ควรกับเขาหรือ? เจ้ามันสตรีไร้ยางอาย ไสหัวออกไปให้ไกล มิเช่นนั้น มิเช่นนั้นเจ้าตายแน่”

สติปัญญาของสตรีที่มาตกหลุมรักผู้นี้ช่างน่ากังวลเสียจริง อวี้ชิงลั่วแอบครุ่นคิด ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยหางตาอย่างไม่เกรงใจ “ข้าไม่คู่ควรกับเขา หรือว่าเจ้าคู่ควร? ตอนนี้เจ้าลุกยังไม่ขึ้น ทำได้แค่นั่งโอดครวญอยู่ที่พื้น มีประโยชน์อันใดกัน?”

“ข้าคือบุตรีของเวยหยวนโหว สถานะของข้าเมื่อเทียบกับเจ้ายังสูงส่งกว่าพันเท่าหมื่นเท่า เจ้ามันสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าไร้ยางอาย คนแบบเจ้ามาแทนที่รองเท้าของข้ายังไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ เหอะ ข้าไม่คู่ควรกับท่านอ๋องซิว? ข้าจะบอกอะไรให้ ข้าและท่านอ๋องซิวได้รับการแต่งงานที่ทรงพระราชทานให้ มีพระราชโองการว่าข้าต่างหากล่ะเป็นพระชายาที่ท่านอ๋องซิวจะใช้คนแปดคนยกเกี้ยวเข้ามาสู่ขอจากนี้ไป”

หลิ่วเซียงเซียงพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรง ยิ่งพูดความมั่นใจก็ยิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะตอนที่นึกได้ว่างานแต่งของนางเป็นเรื่องที่จักรพรรดิทรงเป็นเจ้าภาพให้ ต่อให้ท่านอ๋องซิวมีสตรีนางอื่น ต่อให้เขาชอบสตรีนางอื่น เขาก็ต้องฟังตามพระบัญชาของจักรพรรดิเพื่อสู่ขอนางให้เป็นพระชายาอยู่ดี

“สตรีแบบเจ้า แม้แต่พระชายารองยังเป็นไม่ได้เลย เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาพูดกับข้าอยู่ที่นี่? ข้าจะบอกอะไรให้ สิ่งที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้ หลังจากนี้เมื่อข้าเป็นพระชายา เจ้าก็ต้องปรนนิบัติข้า คุกเข่าโขกศีรษะให้ข้าด้วยความนอบน้อม” มีเย่ซิวตู๋ยืนอยู่ที่นี่ นางจึงไม่กล้าพูดว่าจะเอาชีวิตของอีกฝ่าย จึงทำได้เพียงแค่ใช้สถานะเพื่อข่มอวี้ชิงลั่ว

เพียงแต่ ไม่ว่าจะเป็นเย่ซิวตู๋หรืออวี้ชิงลั่ว ต่างก็ไม่มีใครตกหลุมพรางของนาง

ด้วยเหตุนี้เมื่อหลิ่วเซียงเซียงพูดจบ เย่ซิวตู๋จึงยิ้มเยาะกล่าวว่า “ช่างหยิ่งผยองนัก คุณหนูหลิ่วยังไม่ได้เป็นพระชายาซิว แต่ยังกล้าพูดสาธยายภายในจวนของเราขนาดนี้ ทั้งยังทำร้ายคนของเรา หลังจากนี้หากเป็นพระชายาซิว เจ้าไม่ปีนขึ้นมาอยู่บนหัวของเราเลยหรือ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ซิวตู๋แทนตัวเองว่า ‘เรา’ ต่อหน้าอวี้ชิงลั่ว น้ำเสียงก็สูงขึ้นด้วย ทั้งมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามและทรงพลัง ทำให้ภายในห้องโถงเกิดความเงียบสงัด แม้แต่หลิ่วเซียงเซียงก็ตกใจจนหดศีรษะ

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เริ่มกล่าวหาถึงความอยุติธรรมอีกหน “ท่านอ๋องซิว ข้าเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ลูกน้องเหล่านี้ไร้มารยาทกับข้า ข้าเพียงแค่อยากเจอท่านอ๋องซิว จึงให้พวกเขาไปรายงานก็เท่านั้น แต่พวกเขากลับไม่มีใครเห็นข้าอยู่ในสายตา ไม่สนใจข้ายังพอทน แต่ยังเรียกสตรีผู้นี้มาทำให้ข้าได้รับความอัปยศอดสูถึงที่นี่ ทั้งยังทุบตีข้าจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ ท่านอ๋อง ท่านดูสิ บนตัวของข้ามีแต่บาดแผลจริง ๆ นะ”

โอ้โห เริ่มแสร้งทำตัวน่าสงสารอีกแล้วสินะ

ก็แค่แสร้งทำตัวน่าสงสาร ใครบ้างที่ทำไม่เป็น

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองนางปราดหนึ่ง ก่อนจะหันมาด้วยท่าทางน่าสงสาร “ซิวตู๋ ที่แท้ ที่แท้ท่านก็มีคู่หมั้นแล้ว”

“…” สตรีผู้นี้ เล่นอะไรอีกแล้ว?

ทว่าใบหน้าของนางเช่นนี้ช่างเข้ากับท่าทางอ่อนโยนของนางนัก ทำให้เขารู้สึกจักจี้หัวใจ แอบรู้สึก…อาลัยอาวรณ์ที่จะปล่อยมือเสียแล้วสิ

คนอื่น ๆ ภายในห้องโถงต่างตกอยู่ในสภาพขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ไม่เห็นสีหน้าของนาง เพียงแต่รู้สึกว่าไม่สามารถนำนางและรูปลักษณ์โดยปกติมาเกี่ยวโยงกันได้ พวกเขาไม่คุ้นชินกับคำพูดหวานเลี่ยนเช่นนี้เลยจริง ๆ

หลิ่วเซียงเซียงชะงัก โดยเฉพาะตอนที่เห็นสายตาของเย่ซิวตู๋ที่เอาแต่มองอวี้ชิงลั่ว นางก็ยิ่งไม่สามาถร้องไห้ออกมาได้อีก

“ซิวตู๋ ท่านเคยบอกข้ามิใช่หรือ หากท่านทำตัวสองจิตสองใจกับข้า ท่านจะขอลาตาย?” อวี้ชิงลั่วเงยหน้าจ้องมองนัยน์ตาของเขาอย่างจริงจังต่อไป

เย่ซิวตู๋ถึงกับมุมปากกระตุกโดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยให้เห็น ไม่ส่งเสียงพูดจา

“ลาตาย?” หลิ่วเซียงเซียงเบิกตาโตราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไรกัน”

อวี้ชิงลั่วหันกลับมาทันใด “ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ก่อนหน้านี้ตอนที่ซิวตู๋อยู่กับข้าเขาเคยพูดไว้ นับจากนี้ไปเขาจะไม่ทอดทิ้งข้า หากข้าตายเขาก็จะตายตามข้าไปด้วย อีกอย่าง หากเขาแต่งงานกับสตรีอื่นหรือทำเรื่องผิดต่อข้า เขาจะปลิดชีพตัวเอง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพูดจริงทำจริง เขาจะกลืนยาพิษ ส่วนยาถอนพิษนั้นเขาได้มอบให้ข้าแล้ว เขาบอกให้ข้าปลิดชีพเขาได้ทุกเมื่อ”

“…”

แม่นางอวี้ นายท่านที่เจ้าบรรยายถึง ลุ่มหลงในความรักมากเกินไปแล้วจริง ๆ

เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ถึงกับหมดคำพูด พูดไม่ออก

หลิ่วเซียงเซียงก็พูดไม่ออกเช่นกัน นางตกใจจนนิ่งค้าง ออกแรงสะบัดหน้าส่งเสียงพูด “ไม่มีทาง จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านอ๋องซิวไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้ สตรีอย่างเจ้าพูดจาเหลวไหลแล้ว”

“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล เจ้าถามเขาดูสิ” อวี้ชิงลั่วจับใบหน้าเย่ซิวตู๋ให้หันมามอง ทั้งยังเงยหน้าจ้องมองเขาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

เย่ซิวตู๋ถึงกับกลั้นขำในใจ ยังคงพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

การพยักหน้านี้ ทำให้หลิ่วเซียงเซียงเข่าทรุดในทันที “ไม่มีทาง ไม่มีทาง ข้าไม่เชื่อ”

เย่ซิวตู๋ไม่อยากเห็นนางโวยวายอยู่ที่นี่ เสียงนั้นแสบแก้วหูจนทำให้เขาปวดศีรษะ จึงหันไปพูดกับเผิงอิงว่า “จับตัวคนที่อยู่ในนี้โยนออกไปให้หมด”

เผิงอิงชี้หน้าตัวเอง ทำไมต้องเป็นเขา?

เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็นชา ความหมายที่อยู่นัยน์ตาเข้าใจได้เป็นอย่างดี ‘ใครใช้ให้เจ้าไม่ลงมือทั้ง ๆ ที่กลับมาถึงตั้งแต่แรก เกือบปล่อยให้หลิ่วเซียงเซียงทำร้ายอวี้ชิงลั่วกันล่ะ’

เผิงอิงเป็นผู้บริสุทธิ์ แม่นางอวี้เก่งกาจถึงขั้นนั้น อีกฝ่ายทำร้ายนางไม่ได้อยู่แล้ว นี่นายท่านกำลังใส่ความข้านะ

เผิงอิงมุมปากกระตุกวูบ โบกมือสั่งให้ผู้พิทักษ์ทมิฬที่รออยู่ด้านนอกเข้ามา เป็นผู้นำจับลูกสมุนทั้งหมดของตระกูลหลิวเหล่านั้นออกไปด้านนอกจวน

ส่วนหลิ่วเซียงเซียงในตอนนี้ก็พอจะยอมรับได้แล้วว่าตนไร้ความสามารถ ต่อให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อว่าเย่ซิวตู๋จะเป็นคนเฉียบขาดเช่นนี้ เพื่อสตรีนางหนึ่งเขาถึงกับยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ภายในใจจึงเกิดความสงสัย แต่เมื่อนึกถึงเย่ซิวตู๋ที่เย็นชามาโดยตลอดพยักหน้าเมื่อครู่ หัวใจของนางก็จมดิ่งลงอย่างไม่หยุด

เผิงอิงเห็นว่านางกำลังลำบากใจ นี่เป็นถึงคุณหนูของตระกูลเวยหย่วนโหว จึงมิอาจปฏิบัติกับนางเหมือนกับลูกสมุนเหล่านั้นได้ ท่านอ๋องของพวกเขาไม่กลัว เวยหย่วนโหวก็มิอาจทำอะไรท่านอ๋องได้ แต่การจัดการกับเขาที่เป็นแค่ผู้คุ้มกันตัวเล็กกระจิริด เขาอาจถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมได้

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเผิงอิงจึงสั่งให้คนไปยกเกี้ยวขึ้น จากนั้นก็เชิญหลิ่วเซียงเซียงที่สติยังคงหลุดลอยให้เข้าไปนั่งด้านใน ก่อนจะยกขึ้นและเดินทางไปยังโรงหมอภายในตัวเมืองอย่างเนิบช้า

ในที่สุดเรื่องตลกขบขันที่กินเวลาครึ่งค่อนวันก็สิ้นสุดลง อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ออกแรงดึงมือของตัวเองกลับมา จัดระเบียบหน้าตาตัวเองเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ตอนที่นางกำลังสางเส้นผมสองหน จู่ ๆ ข้างหูก็ได้ยินเสียง ‘แปะ ๆ ๆ ๆ’ ดังขึ้น

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนังคุณหนูหลิ่ว ท่านอ๋องรำคาญหล่อนแล้ว

ใครมาหาอีกกันนะ?

ไหหม่า(海馬)