คนอื่นนั้นจะใช้มันเพื่อช่วยชีวิตหรือไม่นั้นผมไม่รู้ แต่ว่าคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้และคนที่กังวลใจที่สุดก็น่าจะเป็นสือเพ่ยหลินแล้วล่ะ
เมื่อผู้ประมูลประกาศว่าเมื่อการประมูลสามารถเริ่มประมูลราคาได้ สือเพ่ยหลินก็จะกดหมายเลขบนเครื่องของผู้ประมูล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากำลังจะยกมือขึ้น เขาถูกสือเพ่ยเฉินจับไว้ และสือมูเฉินก็ส่ายหัวใส่เขา: “เดี๋ยวก่อน รอดูสถานการณ์กันก่อน”
ความเจ็บป่วยไม่ได้อยู่ที่ร่างกายของคุณเอง แน่นอนว่าคุณไม่เดือดร้อน สือเพ่ยหลินขมวดคิ้วและเหลือบมองสือมูเฉินอย่างกังวลใจ และเห็นบนหน้าจอขนาดใหญ่ในห้อง 201 ซึ่งมีคนเริ่มกดประมูลราคาแล้ว ในขณะนั้นราคาอยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น พิธีกรการประมูลจึงทุบค้อน จากนั้นแล้วกำลังจะทุบค้อนเป็นครั้งที่สอง
สือเพ่ยหลินต้องการที่จะกดมันอย่างใจจดใจจ่อ แต่ว่ามีคนที่ประมูลเร็วกว่าเขา
ตัวเลขบนหน้าจอจาก 3 เปลี่ยนเป็น 5 แล้ว
ต่อมา แทบจะไม่มีเวลาให้ลังเลใจเลย ตัวเลขด้านบนยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ตาพร่าและเมื่อมันหยุดลง เลขก็พุ่งสูงจนถึงเลข 18 แล้ว!
แหวนทองหนึ่งวงน้ำหนักไม่เกิน 30 กรัม ราคาประมูลทองนี้ราคาสูงเกินจริงไปมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสองห้องที่แข่งขันกันในตอนนี้ เป็นเพราะแบรนด์ honor จึงแห่กันมาทั้งนั้น!
ใครก็ตามที่รู้อะไรเกี่ยวกับตลาดมืดคนอื่นล้วนก็รู้เช่นกัน และขอความช่วยเหลือจากเส้นสายกิตติมศักดิ์ของแบรนด์ honor เพื่อต้องการเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าคุณจะยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อมันหรือไม่ มันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่จะให้แบรนด์ honor ทำนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่!
ดังนั้น เมื่อราคาเพิ่มเป็น 780,000 ดอลลาร์สหรัฐ อัตราราคาการประมูลก็ก้าวช้าลงมาก และดูเหมือนทั้งสองฝ่ายกำลังลังเลใจ
ในท้ายที่สุด ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 880,000 ดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่าจะไม่ใช่เขาที่ต้องการซื้อมัน แต่หลานเสี่ยวถางนั่งดูการประมูลในครั้งนี้อย่างดุเดือดอยู่ข้าง ๆ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ในเวลานี้ พิธีกรการประมูลได้ใช้ค้อนทุบสองครั้ง ราคาการประมูลอยู่ที่ 880,000 เหรียญสหรัฐฯแล้ว และในขณะนี้สือมูเฉินพยักหน้าให้กับสือเพ่ยหลิน และประมูลตัวเลขอย่างรวดเร็ว: “91”
สือเพ่ยหลินฟังเขาโดยไม่รู้ตัว และป้อน 91 โดยตรง หลังจากเสร็จสิ้นการป้อนข้อมูล เขารีบมองสือมูเฉินพร้อมถามว่า:“ทำไมถึงไม่ประมูลเป็นเลข 90?”
“ถ้าเป็น 90 อีกฝ่ายก็จะประมูล 91 แน่นอน และถ้าคุณคว้า 91 ไปแล้ว อีกฝ่ายอาจยอมแพ้ เพราะสถานการณ์เมื่อกี้นี้เขาเริ่มลังเลแล้ว” สือมูเฉินกล่าวว่า:“ดูเหมือนว่า การที่คนเข้าร่วมการประมูลในวันนี้นั้น ใช่ว่าทุกคนต้องการใช้มันเพื่อไปช่วยชีวิตคนหรอกนะ เพ่ยหลิน คุณนี่นับว่าดวงดีมากจริงๆ ”
ถ้าเหตุผลเป็นเพราะต้องการใช้เพื่อช่วยชีวิต แม้ว่าอาจจะต้องล้มละลายก็ต้องประมูลมันมาให้ได้!
หลังจากที่สือเพ่ยหลินป้อนหมายเลขแล้ว พิธีกรการประมูลได้ทุบค้อนของเขาสามครั้งติดต่อกัน และไม่มีใครคัดค้านการประมูลครั้งนี้ เป็นผลให้แหวนที่ราคาสูงลิ่ววงนี้ได้ตกเป็นของสือเพ่ยหลินแล้ว
ของที่จะประมูลในล็อตต่อไป เป็นของที่ประมูลก็ได้ไม่ประมูลก็ได้ แต่เมื่อสือมูเฉินเห็นจี้พลอยนั้น แววตาของเขาก็ลุกวาวทันที
ตั้งแต่วันที่เขาแต่งงานจนถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้ซื้อเครื่องประดับที่เป็นทางการให้กับหลานเสี่ยวถางเลย พอดีเลยวันนี้วันนี้อารมณ์ดี ประมูลจี้ให้เธอใส่หน่อย ถ้าเธอใส่แล้วมันต้องดูดีอย่างแน่นอน
ในขณะที่เขากำลังวางแผนเรื่องนี้อยู่นั้น สือมูเฉินเห็นหลานเสี่ยวถางลุกยืนขึ้นและเขาก็ถามเธอว่า:“เสี่ยวถางเกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” หลานเสี่ยวถางกล่าว
ห้องส่วนตัวของที่นี่เป็นห้องแยกกันชั่วคราว ดังนั้นจึงไม่มีห้องน้ำอยู่ภายในห้องส่วนตัวนี้จริงๆด้วย ดังนั้นสือมูเฉินพยักหน้า: “ถ้าเช่นนั้นผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
หลานเสี่ยวถางยิ้ม: “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้ค่ะ พวกคุณประมูลของอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะค่ะ!”
สือมูเฉินเหลือบมองสักครู่ และล็อตต่อไปที่จะประมูลคือจี้พลอย ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า: “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นคุณก็ระวังตัวด้วย รีบไปรีบกลับล่ะ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้าและเดินออกจากห้องส่วนตัวไป
โดยคาดไม่ถึงว่าการประมูลล็อตก่อนหน้าถูกขายไปเร็วมาก ดังนั้นเมื่อสือมูเฉินเห็นจี้ปรากฏขึ้น มุมปากของเขาก็ยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม
สือเพ่ยหลินที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก็สังเกตเห็นท่าทางที่แสดงออกมาของสือมูเฉินว่าสนใจของชิ้นนี้เป็นอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะถามว่า:“คุณอาครับ คุณอาต้องการประมูลเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว อาจะมอบให้อาสะใภ้” สือมูเฉินกล่าว:“ของล็อตที่จะประมูลในรอบนี้เหมาะสำหรับเธอมาก”
ดวงตาของสือเพ่ยหลินเย็นชาและเฉียบแหลมมาก เขาเงียบไปครู่หนึ่ง: “คุณอาครับ คุณอาหมายความว่าอย่างไรกันครับ? ผมยอมรับแม้ว่าผมจะไม่รู้จักคุณอาดีพอ แต่ผมก็รู้เช่นกันว่าตอนที่ผมอยู่กับเสี่ยวถาง คุณอาไม่เคยคิดเลยเถิดอย่างนั้นกับเธอ!”
ดูเหมือนสือมูเฉินทำเป็นไม่ได้ยินยังไงยังนั้นแหละ แล้วเขาก็ป้อนราคาในใจของเขาลงบนเครื่องประมูล
สือเพ่ยหลินที่นั่งอยู่ข้างๆเขาพูดขึ้นอีกครั้งว่า: “นอกจากนี้ คุณอาไม่เคยใช้ของที่คนอื่นเคยใช้แล้ว ทำไมคุณอาถึงเต็มใจที่แต่งงานกับเธอด้วยล่ะครับ?!”
“คุณไม่เคยใช้มันเลยไม่ใช่เหรอ?” พูดจบ สือมูเฉินก็กดเลขประมูลราคาเพิ่มขึ้นสู้กับอีกฝ่าย เขาเหลือบมองสือเพ่ยหลินอย่างเรียบเฉย
จู่ๆ สือเพ่ยหลินก็ถอนหายใจแรงขึ้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย: “คุณอาครับ คุณอากับเธอ……”
เมื่อเห็นว่าพิธีกรการประมูลได้ทุบค้อนไปแล้วสามครั้ง สือมูเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น: “เพ่ยหลิน อาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อแต่งงานแล้วจะไม่แตะต้องภรรยาของตัวเองเลยอย่างนั้นหรือ?”
เขาพูดเช่นนี้ เหมือนเขากำลังบอกเป็นนัยว่าเขาไม่ใช่คนปกติทั่วไปยังไงยังนั้นแหละ และเขาแต่งงานกับหลานเสี่ยวถางมาสองปีแล้ว และจะไม่มีเพศสัมพันธ์ใดๆ เลยเหรอ? !
ในตอนแรก ร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาหายดี เขาก็โกรธที่สภาพของหลานเสี่ยวถางในตอนนั้น ดังนั้น.……
สือเพ่ยหลินอารมณ์เสียมาก: “คุณอาครับ ผมแค่อยากถามคุณอาประโยคเดียวว่า คุณอาจริงใจกับเธอไหมครับ?”
สือมูเฉินหันหน้ามองไปทางสือเพ่ยหลิน ในขณะที่เขากำลังจะพูดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินคนกดกริ่งหน้าประตูห้องส่วนตัว
เขาพูดว่า: “เชิญเข้า”
คนที่เข้ามาเป็นพนักงานเสิร์ฟแต่งตัวเป็นชาวอินเดียนแดง เขาโค้งคำนับสือมูเฉินเล็กน้อยแล้วพูดว่า:“ต้องขอโทษทั้งสองคนด้วยนะครับ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นแขกห้อง 217 แต่เธอไปผิดทาง เวลานี้เธอถูกกักตัวไว้อยู่ครับ พวกคุณทั้งสองรู้จักเธอไหมครับ?”
สือมูเฉินตกใจ: “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
“เชิญท่านเดินตามผมมาทางนี้ครับ ” พนักงานกล่าว
“เพ่ยหลิน คุณรออยู่ในห้องส่วนตัวนี้ เดี๋ยวถ้าอากลับมาช้า จ่ายให้อาก่อน” ในขณะที่สือมูเฉินพูดอยู่นั้น เขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองเดินผ่านทางเดิน เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไปที่ประตูไม้ประตูไม้สีเรดวูด พนักงานเสิร์ฟปลดประตูแล้วคลายเกลียวออก
ในทันทีสือมูเฉินได้เห็นหลานเสี่ยวถางที่ถูกกักตัวไว้
ห้องนี้เป็นห้องที่มีโต๊ะกลมใหญ่ตั้งอยู่หนึ่งตัว ในห้องนี้มีผู้ชายอเมริกันอยู่หลายคน
เมื่อเห็นสือมูเฉินเข้ามา ดวงตาของหลานเสี่ยวถางเป็นประกาย และเหมือนเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชาวอเมริกันพูดขึ้นว่า: “คุณผู้ชายครับ คุณคือสหายของหญิงสาวคนนี้หรือไม่? เธอบุกรุกเข้ามาในการประชุมของเรา ตามกฎระเบียบของเราจะต้องทิ้งดวงตาไว้หนึ่งคู่หรือไม่ก็หูหนึ่งคู่ครับ ”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินสิ่งนี้ เธอใจหายวาบจนเข่าอ่อน และเธอมองไปที่สือมูเฉินด้วยความตื่นตระหนก
สือมูเฉินพยักหน้าโดยที่ไม่แสดงอาการสีหน้าใดๆออกมาเลย จากนั้นหันไปมองหลานเสี่ยวถางพร้อมถามว่า:“เสี่ยวถาง คุณได้บุกรุกเข้ามาในห้องประชุมของพวกเขาจริงๆหรือ?”
“มูเฉิน ฉันขอโทษ ป้ายที่นี่แตกต่างจากในประเทศจีนมาก เมื่อฉันเห็นลวดลายที่หน้าประตูและคิดว่าเป็นห้องน้ำ……” หลานเสี่ยวถางอารมณ์เสียเล็กน้อย ในขณะนั้น เธอเข้ามาและเห็นผู้ชายในห้องนั้นเหมือนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป และเธอก็ตระหนักได้ว่าเธอเข้าผิดห้องแล้ว เธอรีบขอโทษแต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ไม่คาดคิด พวกเขากลับมีกฎระเบียบที่โรคจิตขนาดนี้อีกด้วย!
“ไม่ต้องกลัว คุณจะไม่เป็นไร” สือมูเฉินพยักหน้าให้หลานเสี่ยวถาง จากนั้นเดินไปกลางกลุ่มแล้วพูดว่า :“ ทุกคนครับ เห็นแก่หน้าผมสักครั้งได้ไหมครับ?”
“เห็นแก่หน้าคุณอย่างนั้นเหรอ?” พวกเขาหัวเราะ: “ใครไม่รู้กฎของพี่ใหญ่เราบ้าง แม้ว่าจะเป็นท่านประธานาธิบดีมาก็ไม่ละเว้น!”
สือมูเฉินขมวดคิ้ว: “มีทางเลือกอื่นอีกไหม”
“มีมันก็มีนะ แต่ผลลัพธ์มันก็เท่าเดิม!” ชายสวมหมวกกล่าวว่า:“คุณสามารถเลือกเดิมพันกับผมได้หนึ่งครั้ง หากคุณชนะ เราจะปล่อยเธอไปทันที หากคุณแพ้ ดวงตาของคุณและเธอต้องเก็บไว้ที่นี่ทั้งคู่!”
“ตกลง ผมจะเดิมพันกับคุณ” สือมูเฉินพูดแล้วดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
“เจ้าหนุ่ม คุณรู้ไหมว่าใครเป็นพี่ใหญ่ของเรา?”มีคนรีบพูดกับสือมูเฉิน: “เขาคือเซียนพนันอันดับต้นๆของเราที่นี่! เวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยแพ้ให้กับใครเลย!”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยิน หัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม และเธอก็รีบไปคว้าตัวสือมูเฉิน: “มูเฉินอย่าเดิมพันกับเขาเลย คุณไม่ต้องมาสนใจฉันแล้วนะคะ!”
“จะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ?” สือมูเฉินมองไปทางชายที่สวมหมวก: “คุณครับ ขอยืมใช้ห้องน้ำหน่อยสะดวกไหมครับ?”
ชายคนนั้นพยักหน้า และมองไปทางหลานเสี่ยวถางพร้อมชี้ไปที่ห้องน้ำในห้อง
เมื่อสือมูเฉินเห็นหลานเสี่ยวถางที่เข้าห้องน้ำเสร็จออกไป เขากวักมือเรียกพร้อมพูดกับเธอว่า :“เสี่ยวถางมานี่”
หลานเสี่ยวถางตื่นตระหนกและรู้สึกประหม่าอย่างมาก เธอเดินไปหาสือมูเฉินและนั่งลงพร้อมส่ายหัวให้เขา: “มูเฉิน อย่าเดิมพันกับพวกเขาเลยนะ ทิ้งฉันไว้คนเดียวที่นี่เถอะ ปัญหาที่ฉันเป็นคนก่อขึ้นฉันก็จะรับผิดชอบปัญหาของฉันเอง!”
“เอาล่ะ คุณจะให้ผมทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียวโดยที่ไม่สนใจคุณเนี่ยนะ ?”สือมูเฉินบีบฝ่ามือของหลานเสี่ยวถาง: “ดูสิ เหงื่อออกเต็มแล้ว”
ฝั่งตรงกันข้าม ชายสวมหมวกคนนั้นก็นั่งลงและพูดกับทั้งสองคนว่า:“ในเมื่อทั้งสองคนก็นั่งลงแล้ว และไม่มีโอกาสคืนคำได้! หากคุณสละสิทธิ์ ผลลัพธ์มันเท่ากับว่าแพ้เช่นกัน !”
ฉือมูเฉินพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ: “ในเมื่อผมนั่งลงแล้วผมก็ไม่ทางสละสิทธิ์ แต่ว่าต้องพูดไว้ก่อนนะครับ ถ้าหากเกมนี้ผมชนะ พวกคุณต้องรับประกันได้ว่าผมและภรรยาของผมนั้นจะออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย!”
“ไม่มีปัญหา!” ชายคนนั้นพูดว่า: “คุณต้องการเดิมพันอะไร คุณเลือกสิ่งที่คุณต้องการเดิมพันได้เลย ” ในขณะที่พูดอยู่นั้นเขาก็เหลือบมองสือมูเฉินไปด้วย
สือมูเฉินยื่นมือออกไปคว้าตัวหลานเสี่ยวถางมาไว้ในอ้อมแขน และพูดขึ้นว่า: “เอาง่ายๆไพ่โป๊กเกอร์แล้วกัน”
ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามผงะไปครู่หนึ่งแล้วยิ้ม: “เดิมพันกับสิ่งที่ผมถนัดที่สุด นี่เจ้าหนุ่ม เจ้าแพ้แน่นอน!”
“ใครแพ้ ใครชนะ รอจบเกมถึงจะรู้กัน!” สือมูเฉินกล่าวต่อ: “แจกไพ่เถอะ!”
ไพ่โป๊กเกอร์ถือว่าง่ายที่สุดในเกม แต่ยิ่งง่าย ยิ่งยากต่อการเอาชนะเช่นกัน
ด้านข้าง ชายในชุดสูทหยิบไพ่ชุดใหม่ออกมา เปิดกล่องต่อหน้าทุกคน จากนั้นยื่นให้ทั้งสองคนจั่วไพ่คนละสามใบ
หลานเสี่ยวถางไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และเธอก็ประหม่ามากจนเธออดไม่ได้ที่จะกอดแขนของสือมูเฉิน และหดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ไพ่ถูกยื่นไปตรงหน้าสือมูเฉิน เขาสุ่มดึงไพ่สามใบจากด้านใน จากนั้นดึงไพ่เข้ามาใกล้ แล้วแอบดูแวบหนึ่ง และปิดมันอย่างรวดเร็ว
หลานเสี่ยวถางที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเห็นตัวเลขด้านบน อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมัน และเธอไม่รู้ว่าไพ่ที่สือมูเฉินจั่วได้นั้นมันเป็นไพ่ดีหรือไม่
ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหาวอย่างเกียจคร้านและพูดว่า :“พลิกไพ่เถอะ!”
ทันใด้นั้น พนักงานแจกไพ่จึงพลิกไพ่ใบแรกของสือมูเฉินและชายฝ่ายตรงข้าม
ของสือมูเฉินเป็นไพ่โพธิ์แดงQ และของชายตรงข้ามคือไพ่ดอกจิกK
ตามกฎแล้ว K ของคู่ต่อสู้นั้นใหญ่กว่า ดังนั้นสือมูเฉินจึงก้มศีรษะลงเล็กน้อยในขณะนั้น
“เจ้าหนุ่ม เจ้าแพ้แน่!” ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง และกวักมือเรียกลูกน้องที่อยู่ข้างๆเขา และให้ลูกน้องจุดซิการ์ให้เขา
“ผมคิดว่ามันไม่จำเป็น” สือมูเฉินเอานิ้วจิ้มไปที่โต๊ะน้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง
ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง และเมื่อเขาเห็นสีหน้าของสือมูเฉิน เขาก็อยู่ในสภาพที่ผ่อนคลายตามธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ถ้าเช่นนั้นก็พลิกไพ่ใบที่สองเถอะ!” ชายคนนั้นพ่นควันออกมาเป็นวงกลม
เมื่อพนักงานไพ่แตะไพ่ใบที่สองของสือมูเฉินอยู่นั้น เขาก็พูดออกมาทันที: “เดี๋ยวก่อน”