บทที่ 102 ทำผิดย่อมมีราคาต้องชดใช้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 102 ทำผิดย่อมมีราคาต้องชดใช้

ซูเสี่ยวเถียนถูกซูเหล่าซานปกป้องเอาไว้ ทว่าก็เห็นร่างคนที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้น

เด็กหญิงตกตะลึง คนคนนี้อยู่ที่อำเภอจริง ๆ สินะ

แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาให้ขบคิดเลยเพราะตอนนี้เธอกำลังติดหัวหมุน สถานการณ์เช่นนี้จะหนีไปจากรงเล็บปีศาจอย่างราบรื่นได้อย่างไร

แต่ด้วยจำนวนคนที่ลงมือ ซูเสี่ยวเถียนกับซูเหล่าซานเดิมทีไม่ได้ต่อต้าน และในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกจับกุมไป

คนหนุ่มสาวที่สวมปลอกแขนสีแดงภาคภูมิใจมากที่ได้แสดงพลังให้คนทั้งสองดู โดยเฉพาะพ่อของเธอที่ถูกเตะอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้ง

“พวกเรามาเยี่ยมญาติจริง ๆ ครับ ของในตะกร้าพวกนี้ผมก็เอามาเยี่ยมพวกเขา” ซูเหล่าซานยังคงพยายามอธิบาย

คงเป็นเรื่องน่าแปลก หากคนเหล่านี้ฟังคำอธิบายของเขา ซูเสี่ยวเถียนหวาดวิตก หากถูกจับได้ขึ้นมาจริง ๆ อธิบายไปมากเท่าไรก็คงจะไร้ประโยชน์ และไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถอ้างชื่อของอาเขยได้หรือไม่ เธอไม่สนแล้ว จะใช้ได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญ เธอต้องลองเสี่ยงดู

“พวกเราเป็นญาติกับหัวหน้าเฉิน พวกเรากำลังจะไปหาพวกเขา” ซูเสี่ยวเถียนรีบพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

แต่ประโยคนี้แลกกับการล้อเลียนที่ไร้ยางอายของคนหนุ่มสาวพวกนั้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกแกได้ยินไหม? เมื่อกี้เด็กคนนั้นพูดอะไรนะ?”

“อายุก็น้อยยังกล้าพูดไร้สาระอีก ถึงว่าเป็นคนคอยวิ่งที่ตลาดมืด”

“ไม่แน่อาจจะเป็นอาชญกรตัวยงก็ได้ คราวนี้พวกเราจับปลาตัวใหญ่ได้แล้ว!”

พวกเขาพูดกันสนุกปากและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางของพวกเขา ทำให้ซูเสี่ยวเถียนนึกสงสัยว่าตนเองพูดสิ่งใดผิดไปหรือเปล่า

“พวกเราเป็นญาติกับหัวหน้าเฉินจริง ๆ!” ซูเหล่าซานพยายามอธิบาย

“พวกแกเป็นญาติหัวหน้าเฉิน? งั้นฉันก็เป็นญาติกับผู้นำมณฑลแล้ว!” ชายหนุ่มพูดไปด้วยพลางเตะยกขาเตะซูเหล่าซานไปด้วย

แม้เหล่าซานจะแข็งแรงขนาดไหน แต่ก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“หยุดมือซะ!”

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินเสียงอันคุ้นเคยก็เงยหน้าขึ้นมองฉับไว ชายร่างสูงใหญ่และทรงพลัง ไม่ใช่อาเขยอย่างเฉินจื่ออันของบ้านเธอหรอกหรือ?

“พวกแกกำลังทำอะไรอยู่” เฉินจื่ออันถามด้วยใบหน้าเย็นชา

“หัวหน้าเฉิน พวกเราจับคนที่คอยวิ่งของในตลาดมืดได้แล้วยังยึดของกลางในตะกร้ามาได้อีกด้วย” เด็กหนุ่มผู้นำรีบพูดประจบประแจงเอาใจ

คนพวกนนี้งานการไม่ทำ วัน ๆ เอาแต่มาวุ่นวายที่นี่

ช่วงต้นปีชีวิตทุกคนผ่านไปไม่ง่ายเลย เลยให้ความสนใจกับปีใหม่ที่จะมาถึง บ้านใครไม่อยากเปลี่ยนไปกินอาหารดี ๆ สักมื้อสองมื้อล่ะ

แต่ตลาดมืดก็ถูกคนพวกนี้คอยยึด ไม่มีตั๋ว แม้แต่อาหารก็ซื้อไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้ำตาลเอย เนื้อเอยอะไรพวกนั้นเลย

หากแต่เขาไม่อาจพูดตรง ๆ ออกไปได้ ไม่เช่นนั้นจะพาตัวเองซวยไปด้วย และไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะเปลี่ยนไปดีขึ้นเมื่อไร

“เหลวไหล!” เฉินจื่ออันสาปแช่ง

“หัวหน้าเฉิน อาชญากรพวกนี้ต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงเพื่อจะได้เป็นตัวอย่าง และตักเตือนทุกคน!”

เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มผู้นำไม่คาดคิดว่าเฉินจื่ออันจะสบถออกมา สีหน้าประจบสอพลอลดลงเล็กน้อย หากแต่ก็ยังพยายามพูดอย่างเต็มที่

“กลับไป ฉันคงต้องจัดคนไปดูบ้านพวกแกแล้วว่าทำเรื่องผิดกฎหมายด้วยหรือเปล่า” เฉินจื่ออันพูดอย่างไม่เกรงใจ

ชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายคิดไม่ถึงว่าเฉินจื่ออันจะพูดกับตนแบบนี้ และไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปอย่างไรดี

“หัวหน้าเฉิน ที่นี่คือตลาดมืด พวกเขามาที่นี่แถมทั้งแบกตะกร้าที่อัดแน่นไว้ด้วยของอีก จะเป็นคนดีได้อย่างไรคะ?” เด็กสาวผมเปียอธิบาย

เธอรู้จักเฉินจื่ออัน และก่อนหน้ายังเคยแอบชอบอีกฝ่าย แต่ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าตัวกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยหย่ามาก่อน และแม้แต่เธอก็ไม่ชายตามอง

“พวกเราแค่ผ่านมา!” ซูเหล่าซานรีบอธิบาย

“คุณอาเขย!” ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยปากร้องเรียก

เธออยากจะรีบวิ่งเข้าไปกอดต้นขาอีกฝ่าย แต่ตอนนี้ถูกควบคุมตัวไว้แน่น จึงทำเช่นนั้นไม่ได้

เมื่อพวกคนหนุ่มสาวที่มีปลอกแขนสีแดงได้ยินคำพูดของซูเสี่ยวเถียน สมองก็พลันไม่ตอบสนองไปไม่ชั่วขณะ

เด็กหนุ่มผู้นำรู้สึกโกรธแทนเฉินจื่ออัน และทนไม่ได้จึงเตะร่างเล็ก ๆ ของซูเสี่ยวเถียนไปหนึ่งที

“เวลาแบบนี้ยังกล้ามาพูดจาเหลวไหลอย่างนี้อีก!”

ทว่าเท้ายังไม่ทันถึงร่างกายเล็ก ๆ นั่น กลับกลายเป็นตนเองที่กระเด็นลอยออกไปแทน!

กลายเป็นเฉินจื่ออันเตะคนผู้นั้นจนลอยกระเด็นออกไป!

ล้อเล่นหรืออย่างไรกัน ซูเสี่ยวเถียนเป็นใคน? เป็นหลานหัวแก้วหัวแหวนของของตระกูลหลักซู!

ถ้าเด็กคนนี้โดนเตะต่อหน้าเขา คาดว่าพ่อตาคงอยากเตะเขาด้วย ทั้งยังโดนด่าว่าไร้ความสามารถอีกด้วย

บรรดาคนที่เหลือต่างตกตะลึง กระทั่งปล่อยมือจากซูเสี่ยวเถียนและซูเหล่าซานด้วยความโง่งม

“หัวหน้าตู้!”

“หัวหน้าเฉิน ต่อให้คุณเป็นผู้นำ แต่คุณจะทำอะไรพวกเราตามใจชอบไม่ได้นะ!” สาวผมเปียตะโกนลั่น

เฉินจื่ออันจ้องมองเธอด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อนุญาตให้พวกแกลงมือกับเด็กผู้หญิง แต่ไม่อนุญาตฉันให้ลงมือกับพวกแกงั้นหรือ?”

หญิงสาวอ้าปากพะงาบ ๆ โดยไม่รู้จะเอ่ยเอื้อนอะไร

“คุณอาเขย!” หลังจากซูเสี่ยวเถียนสลัดปัญหาทิ้งได้ ก็รีบวิ่งไปกอดต้นขาชายหนุ่มทันที “คุณพ่อกับหนูจะไปบ้านอาเขยค่ะ แต่ว่าโดนจับตอนเดินผ่านที่นี่!”

อะไรนะ? อาเขย?

งั้นสิ่งที่สองคนนี้พูดก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ? เป็นญาติของหัวหน้าเฉินจริง ๆ หรือ?

เด็กสาวผมเปียสองคนจ้องมองซูเสี่ยวเถียนอย่างมาดร้าย ที่แท้ก็เป็นหลานสาวของผู้หญิงที่เคยหย่าร้างคนนั้น!

เห็นแล้วทำให้คนรู้สึกรังเกียจนัก!

“พวกเขาจะไปเยี่ยมญาติที่บ้านฉัน แต่พวกแกกลับจับคนไว้โดยไม่มีเหตุผล รอไว้กลับไปได้จะไปคุยกับผู้ดูแลพวกแกอย่างดีเลย” เฉินจื่ออันพูดเยาะเย้ย

เด็กหนุ่มผู้นำผุดลุกขึ้นยืน ครั้นได้ยินสิ่งเฉินจื่ออันพูดก็ประหวั่นพรั่นพรึง

หัวหน้าเฉินจะต้องทำตามคำพูดของตนอย่างแน่นอน

ถ้าผู้ดูแลรู้ว่าพวกเขาจับญาติหัวหน้าเฉิน พวกเขาคงถึงคราวซวยแน่!

“หัวหน้าเฉินครับ มันเป็นความผิดพวกเราเอง ไม่คิดว่าพวกเขาจะเป็นญาติคุณจริง ๆ หากรู้ก่อนก็คงตัดขาสุนัขรับใช้ของตัวเองแล้ว พวกเราไม่กล้าหรอกครับ!”

พวกเขามาหาญาติจริง ๆ ทั้งยังเป็นญาติที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วย เวรเอ๊ย โชคร้ายเหลือเกิน!

ตอนนี้นอกจากขอโทษแล้ว พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย!

เฉินจื่ออันไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ซูเสี่ยวเถียนร้องไห้สะอึกสะอื้น “อาเขยคะ พวกเขาทุบตีคุณพ่อด้วย แล้วก็ยังบีบแขนหนูอีก!”

เสียงร้องไห้อ่อนแรงของเด็กหญิงทำให้เฉินจื่ออันรู้สึกเจ็บปวด

“เป็นพวกเราเองครับ เป็นพวกเราเองน้องสาวตัวน้อย ให้พวกเราขอโทษเธอได้ไหม?” เด็กหนุ่มผู้นำคนนั้นพูดทันที

ชายชาตรียอมเสียเปรียบ!

การขอโทษไม่มีอะไรย่ำแย่!

“อาเขยขา หนูเจ็บ!” ซูเสี่ยวเถียนเมินเฉยต่อคำขอโทษของพวกเขา

“พวกแกขอโทษเธอซะ!” เฉินจื่ออันพูดด้วยสายตาเย็นชา “แต่ว่า… ในเมื่อทำเรื่องผิด ย่อมมีราคาต้องชดใช้!”