บทที่ 119 ท่านเจ้าเมืองมาแล้ว

วันต่อมา ณ ห้องทำงาน ศาลาว่าการเมือง

นายท่านเหวินนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา

“นายท่าน!” เจ้าหน้าที่เข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้า

ตามจริงแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทำความเคารพ แต่เป็นเพราะนายท่านเหวินนั้นมีอำนาจมาก เจ้าหน้าที่ทุกคนรู้ดี เพราะพี่สาวของเขาคืออนุคนโปรดของท่านเจ้าเมือง พวกเขาจึงทำได้แค่ต้องนอบน้อมเท่านั้น เพราะหากทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเมื่อไหร่ มันไม่ส่งผลดีต่อตัวเขา เหมือนเหล่าเจิ้งที่เอ่ยค้านในศาล เขาถูกทำโทษให้เฝ้าเวรยามตอนกลางคืน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสังเวชมาก เจ้าหน้าที่คนนั้นยังคงนั่งคุกเข่าอยู่

“นายท่าน! ข้าทำตามคำสั่งของท่าน ส่งลูกน้องไปตรวจสอบที่เมืองเหยาสุ่ยเรื่องพื้นเพของนักโทษเว่ยฉิงแล้ว เขามีภูมิหลังครอบครัวที่เรียบง่าย เป็นคนจากหมู่บ้านลี่เจียพ่อแม่ตายจาก มีพี่สาวอยู่หนึ่งคน มีภรรยาและบุตรสามคน คนหนึ่งเข้าเรียนที่สำนักศึกษา อีกสองคนยังเล็ก ภรรยาของเขาเป็นเจ้าของกิจการร้านชาด”

“โอ้? สตรีหยิ่งผยองคนนั้นเป็นแค่เจ้าของกิจการเล็ก ๆ หรือ?” นายท่านเหวินถาม

“แต่ว่านายท่าน นางสนิทกับฮูหยินมู่แห่งเมืองเหยาสุ่ยขอรับ”

“ฮูหยินมู่?”

“บุตรสาวตระกูลเจียงขอรับ”

“สกุลเจียงหรือ?” นายท่านเหวินยิ้มเยาะ เขาและสกุลเจียงไม่ถูกกันอยู่แล้ว เรื่องนี้มาถึงมือเขาเองอย่างไม่คาดฝัน เขาย่อมไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่!

เหล่าเหวินลุกขึ้นกระทันหัน

“ไปเรียกเจ้าหน้าที่สองคนไปที่ห้องขังกับข้า”

เขาเดินไปที่ห้องขังอย่างอวดเบ่งพร้อมกับเจ้าหน้าที่สองสามคน เมื่อถึงห้องขังเขาออกคำสั่งให้พาเว่ยฉิงออกมาทันที

“นักโทษเว่ยฉิง หลังจากคำพิจารณาของข้าเกี่ยวกับหลักฐานที่เจ้าเป็นผู้สมคบคิดกับโจรได้ข้อสรุปแล้ว หากเจ้ายินดีจะสารภาพออกมา โทษหนักจะกลายเป็นเบา แต่ถ้าหากเจ้ายังปากแข็งล่ะก็คงต้องใช้กำลังง้างปากเจ้าแล้ว!” เขานั่งบนเก้าอี้และพูดอย่างเย็นชา

เว่ยฉิงขมวดคิ้ว เมื่อวานนี้เขาไม่ได้รับสารภาพ พอมาวันนี้ถึงกับจะมาใช้กำลังข่มขู่กันหรือ?

ในตอนแรกเว่ยฉิงไม่ต้องการมีเรื่องกับทางการ จึงให้ความร่วมมือที่ดีกับเจ้าหน้าที่มาตลอด แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับในตอนนี้คือการเป็นแพะรับบาปในความผิดที่ไม่ได้ก่อ เว่ยฉิงมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาอดใจไม่ไหวตวาดกลับไปว่า

“จะให้ข้าสารภาพผิดเรื่องอะไร! เจ้าใช้เท้าสืบคดีหรือ? สอบสวนชุ่ย ๆ ราวกับผายลมเช่นนี้!”

เหล่าเหวินแทบจะอกแตกตายด้วยความโกรธ ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาขนาดนี้มาก่อน!

“ลงมือ!” เขาเหลือบมองเครื่องทรมานพูดออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม

“เอาเหล็กไปเผาไฟ!! นาบหน้ามันให้สาสม!”

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอาเหล็กนาบไปเผาไฟจนเป็นสีแดง ส่วนอีกสองคนพยายามที่จะบังคับให้เว่ยฉิงคุกเข่าลงกับพื้นแต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มขยับได้ และตอนนี้เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาช่วย

“ไปช่วยกัน!”

แม้แต่เจ้าหน้าที่ถึงสี่คนก็ไม่สามารถบังคับให้เว่ยฉิงคุกเข่าลงได้

“เจ้าไม่ฟังคำสั่งข้าเช่นนี้ เจ้าจะกบฏใช่หรือไม่!!” นายท่านเหวินตะโกนอย่างขุ่นโกรธ

“การขัดขืนเจ้าคือกบฏหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากที่ใด! ไอ้คนไร้ยางอาย!” เว่ยฉิงตอกกลับ

เหล่าเหวินรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง

“ไปเรียกเจ้าหน้าที่มาให้หมด!”

ให้ตายเถอะ! ข้าต้องทำให้มันสารภาพให้ได้วันนี้ พรุ่งนี้จะได้สั่งประหารมันเสีย !

“เรียกเจ้าหน้าที่มาเพื่อเหตุใดมากมาย?” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา พร้อมกับร่างของบุรุษวัยสี่สิบปี เมื่อเหล่าเหวินเห็นบุรุษผู้นั้นเขารีบก้มลงคำนับทันที

“ใต้เท้า! ท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ? คุกที่นี่สกปรก ท่านขึ้นไปที่ห้องโถงหลักเถิดขอรับ เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ข้ากำลัง…”

บุรุษผู้นี้คือเจ้าเมืองเหอตง นายท่านจู

“เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลยเจ้าหน้าที่เหวิน เหตุใดเจ้าจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาทั้งหมด?” เจ้าเมืองจูถาม

“นายท่านขอรับ โจรภูเขาคนนี้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและขัดขืนการจับกุม ข้าจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาเสริมขอรับ?” เขากล่าวหาเว่ยฉิงอย่างหน้าไม่อาย

“นายท่านตอนที่ท่านไม่ได้อยู่ ข้าได้จับกุมโจรผู้นี้มาได้ขอรับ ตอนนี้กำลังสอบสวนเขาเพิ่มเติม!”

เจ้าเมืองจูเหลือบมองไปที่เว่ยฉิงก่อนจะง้างมือตบไปที่หัวของเหล่าเหวิน

“ข้าเห็นแต่ว่าเจ้าพยายามที่จะทำร้ายเขา!”

เจ้าเมืองจูตบไปอีกหลายครั้ง จนเหล่าเหวินลงคุกเข่าเพื่อขอความเมตตา

“เจ้าหน้าที่เหวิน! แม้ว่าเจ้าจะได้รับมอบหมายงาน แต่เจ้าก็ควรให้ความเป็นธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ?” คนที่อยู่หลังเจ้าเมืองจูพูดขึ้น

เจ้าเมืองจูมีคนติดตามมาด้วยสองคนเป็นบุรุษและสตรี ผู้หญิงคนนั้นคือฮูหยินมู่ ส่วนบุรุษข้าง ๆ คือเจียงจื่อเฟิงพี่ชายของฮูหยินมู่

เจียงจื่อเฟิงเป็นคนรักน้องสาวของตน และเมื่อได้รับคำขอร้องจากน้องสาว เขาวางมือจากงานทุกอย่างเพื่อหาทางช่วย เจียงจื่อเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าเมืองจู หลังจากที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในเมืองตอนนี้ เขาจึงรีบถามที่อยู่และส่งจดหมายอธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมถึงเชิญให้เจ้าเมืองกลับมาที่เหอตง

“ใต้เท้า! ชายคนนี้มีนามว่าเว่ยฉิงน้องสาวของข้ารู้จักคุ้นเคยกับเขาอย่างดี ข้าทราบมาว่าเว่ยฉิงนั้นทำงานอยู่ที่จวนสกุลเซี่ย คนดีย่อมทำแต่สิ่งดี แต่เจ้าหน้าที่เหวินเพิ่งทำหน้าที่ได้ไม่นาน…”

เจ้าเมืองจูได้ฟังก็โกรธอีกครั้ง เขาตบหัวเหล่าเหวินเข้าไปอีกสองสามครั้ง

“เจ้าหาเรื่องให้ข้าหรืออย่างไร? เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่เหตุใดจึงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ !”

“ใต้เท้า ! โชคดีที่ยังไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ไป ถ้าเช่นนั้นปล่อยคนบริสุทธิ์ผู้นี้ไปได้หรือไม่?”

“ปล่อย! ปล่อยเลย ปล่อยเดี๋ยวนี้!” เจ้าเมืองจูมองไปทางเว่ยฉิง

“เจ้าไปเถอะ!”

“เจ้าเมืองจู เจ้าหน้าที่เหวินผู้นี้ใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ควรจัดการเช่นไรหรือ?” ฮูหยินมู่ถามขึ้นมาตรง ๆ

“ปลดจากตำแหน่ง ขับไล่ออกจากเมือง!”

ทันทีที่เจ้าเมืองจูกล่าวจบ นายท่านเหวินตกใจจนนั่งลงไปกับพื้นห้องขัง

จบสิ้นแล้ว…

ดวงตาของเขามองอย่างอาฆาตไปที่พี่น้องสกุลเจียง เป็นมันสองคนที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้!

“ฮูหยินมู่…ภรรยาข้า” เว่ยฉิงมองไปที่นาง

“เสี่ยวถังรอเจ้าอยู่ที่ประตู”

เมื่อได้ยินว่าภรรยาของตนสบายดี เว่ยฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ข้าขอเวลาสักครู่ แล้วจะรีบตามไป”

เว่ยฉิงเข้าไปในคุกที่เขาอยู่มาเป็นเวลาห้าวัน เห็นว่าผู้เฒ่าหยินกำลังมองมาที่เขายังกระตือรือร้น

“น้องชาย เจ้าจะไปแล้วหรือ?”

เว่ยฉิงพยักหน้า

“ไปได้ก็ดี! รีบกลับไปซะ ครอบครัวของเจ้ากำลังรออยู่” ชายชรากล่าว

เว่ยฉิงหยิบเสื้อผ้าและไหสุราที่วางอยู่มุมห้องขึ้น เขาส่งไหสุราให้แต่ผู้เฒ่าหยิน ชายชรารับมันไปและยกยิ้ม แต่ทันใดนั้นเขาก็คว้ามือของเว่ยฉิงไว้แน่น

“น้องชาย ข้าขอพูดอะไรสักคำได้หรือไม่”

——–