ตอนที่ 139 ความสาวน้อยที่ไม่คาดคิด

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

139 ความร่วมมือที่ไม่คาดคิด

 

“――รอเดี๋ยวก่อน! นั่นคืออะไร……อะ รอก่อน! บอกให้รอก่อนไง!”

 

ท้ายที่สุดสตาฟทุกคนตัดสินใจที่ตะไม่สนใจเสียงนั่น

ก็ควรต้องเป็นแบบนั้น จริง ๆ แล้วฉันเองก็เริ่มหงุดหงิดเหมือนกัน

 

ในที่สุดท้องฟ้าก็กลายเป็นสีขาว แต่ก็ยังเช้าอยู่มาก

ขณะที่พวกเราเคลื่อนที่และถ่ายทำกันโดยเน้นที่ความเร็ว พวกเราก็มาถึงบ้านหลังที่สี่แล้ว

 

จนถึงตอนนี้ ฉันเดาว่าน่าจะสามารถพูดได้ว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี

 

ทีมงานถ่ายทำรู้สึกกังวลมากกว่าปกติ เนื่องจากทราบก่อนการถ่ายทำจะเริ่มแล้วว่าจะต้องถ่ายทำโดยคำนึงถึงเวลา บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด และไม่มีที่ว่างสำหรับความล้มเหลว

 

แน่นอน ฉันก็ด้วย

ฉันไม่อยากให้มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะจะทำให้บรรยากาศแย่ลง และเสียเวลา

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ฉันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ความสนใจมุ่งมาที่ฉันและทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ฉันรับผิดชอบในการอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้กับคนที่ถูกถ่ายทำ และติดตามข้อผิดพลาดของสตาฟ

 

แม้แต่ริโนกิสก็ยังมีส่วนร่วมเป็นผู้นำในการแบกอุปกรณ์หนักให้「ถือสัมภาระเองค่ะ」

แม้ว่าจะเป็นฉันที่ขอให้ช่วย แต่เธอก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

 

แม้ว่าตารางงานจะไม่สมเหตุสมผล แต่ทุกคนก็จริงจังเหมือนเดิมเพื่อพยายามทำให้สำเร็จแม้รู้ว่าไม่มีเหตุผลก็ตาม ฉันกังวลนิดหน่อยว่าจะมีเวลาไม่เพียงพอ

 

――ทั้งที่มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

 

พลเอกคาคานะ ผู้บัญชาการทหารอากาศเอาแต่ถามฉันกับทีมงานที่กำลังพยายามทำทุกอย่างให้เรียบร้อย อยู่เรื่อย ๆ ว่า 「นั่นคืออะไร」「นั่นใช้ทำอะไร」

 

ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ

ทุกสิ่งที่กำลังได้เห็นและทำอาจเป็นวัฒนธรรมต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคย ในฐานะดูแล เธอต้องการเข้าใจสถานการณ์และสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังทำอยู่โดยละเอียด

ฉันคิดว่ามาจากความจริงจังและความเป็นเลิศของเธอ

 

ทว่า ช่วงเวลากลับเลวร้าย

ทุกคนกำลังเคลื่อนไหวกันอย่างเร่งรีบมาก ดังนั้นโปรดอย่าถามคำถามที่ทำให้ทุกคนต้องหยุด

 

ฉันขอเธอหลายครั้งแล้ว「ในตอนที่เรือเหาะกำลังเดินทาง」 แต่เธอก็ไม่รับฟังจริง ๆ

 

นี่ก็เข้าใจได้เช่นกัน

เพราะเมื่อทำเสร็จแล้วก็สายเกินไป ความรู้สึกระมัดระวังของเธอเกิดขึ้นจากการป้องกันตัวเองและการป้องกันประเทศ โดยต้องการหยุดบางสิ่งที่ใกล้จะเกิดขึ้นและจำกัดความเสียหาย

 

ทว่า ว่าแล้ว แย่เกินไป เลวร้ายมาก

 

“คาคานะซามะ กรุณาอย่าไปหยุดสตาฟสิคะ”

 

คาคานะพยายามเข้าไปคว้ามือของสตาฟให้หยุด ฉันจึงต้องรีบหยุดเธอแทน

 

วันนี้เป็นครั้งที่หกแล้วที่ฉันได้พูดประโยคนี้

แม้จะพึ่งเช้า และท้องฟ้าพึ่งเริ่มสว่างขึ้น แต่ฉันพูดไปแล้วหกครั้ง

 

“ไม่ แต่ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน”

 

“สิ่งนั้นเรียกว่ารีเฟลกเตอร์ค่ะ แผ่นนี้จะทำหน้าที่ส่องแสงไปที่เป้าหมายที่ถูกถ่ายทำเพื่อให้ดูดีขึ้นเมื่ออยู่ในกล้อง

 

ที่แรก ที่ที่สอง ที่ที่สาม

คฤหาสน์ก่อนหน้ามีแสงสว่างจ้าภายในเนื่องจากการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้งาน

 

ยังไงก็ตาม บ้านหลังที่สี่นี้ เป็นบ้านของสามัญชัน

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเช้าแล้ว พวกเขาก็ดับไฟลง

 

สำหรับการถ่ายทำครั้งนี้ มีกฎข้อบังคับให้「ถ่ายทำได้รับอนุญาตให้อยู่เฉพาะภายในอาคารเท่านั้น」ดังนั้นจึงต้องทำการถ่ายทำกันภายในห้อง

 

พูดอีกอย่างคือการถ่ายทำในอาคาร ซึ่งหากไม่มีแหล่งกำเนิดแสง ก็จะหมายความว่าต้องถ่ายทำในที่มืด

เพราะแบบนั้นจึงต้องมีตัวช่วยส่องแสง

หากถ่ายทำไปทั้ง ๆ แบบนี้ จะทำให้เกิดเงาบนใบหน้าทำให้ดูไม่น่าดู

 

” ――ขะ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ อาโน๊ แต่งตัวแบบนี้ได้จริง ๆ เหรอคะ……?”

 

ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดเดรสดีไซน์เก่าเล็กน้อย ถูกช่างแต่งหน้าจับให้นั่งบนเก้าอี้「อ้า ดีแล้วดีแล้ว! มาทางนี้เลย!」และรีบแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว

เธอไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้เท่านั้น แต่ยังรู้สึกเหมือนบ้านของเธอถูกบุกรุกในขณะที่ยังหลับอยู่ด้วย และเธอยังไม่ได้เตรียมตัวสำหรับตอนเช้า ดังนั้นเธอจึงสับสนมาก

 

ทว่านั่นไม่สำคัญ

ฉันหมายถึง ฉันไม่สนใจว่าเธอจะกลับไปนอนต่อหรือไม่เมื่อธุระของพวกเราเสร็จสิ้นลง ฉันแค่อยากให้เธออยู่กับพวกเราแค่ตอนนี้เท่านั้น

 

“โอ๊ะ โอ้ย! นั่นอะไรน่ะ!? มาร์ชแมลโลว์!?”

 

“นั่นก็แค่พัฟค่ะ ……เอ๊ะ? ไม่รู้จักเหรอคะ?”

 

คน ๆ นี้แต่งหน้าใช่ไหม? แต่ทำไมถึงไม่รู้จักล่ะ? เครื่องสำอางและวิธีการแต่งหน้าแตกต่างจากในแว็ง เดอ ครุชเหรอ? ……อะ ให้เมดจัดการให้สินะ น่าจะเป็นแบบนั้น

 

“นั่นคือ!? หวีไม่ใช่รึ!?”

 

“ถูกต้องค่ะ หวีนั่นแหละ เหมือนที่ใช้หวีผมของคุณนั่นแหละ ได้โปรดใจเย็น ๆ หน่อยสิคะ นี่เป็นปัญหามากเลยนะคะที่คุณถามทุกอย่างแม้แต่สิ่งที่คุณรู้จักอยู่แล้วแบบนี้”

 

การจริงจังเป็นเรื่องปกติ แต่การจริงจังเกินไปก็เป็นปัญหาเช่นกัน แม่นี้เป็นคนจริงจังประเภทที่เลวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

พูดตามตรง ฉันเคยรู้สึกเหมือนจะเริ่มสนใจคาคานะเป็นการส่วนตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว

 

“――เนียจัง ฝากด้วย!”

 

ฉันถูกเรียกโดยหัวหน้าทีมงาน และตอบกลับ「ค่ะ」――ฉันแสดงตัวอย่างของการถูกถ่ายทำให้เห็น เนื่องจากพวกเราไม่สามารถใช้หินเวทมนตร์ที่ใช้บันทึกภาพสะท้อนอย่างทิ้งขว้างได้ เธอจึงถูกขอให้ฝึกซ้อมเล็กน้อยก่อนการถ่ายทำ

 

“――ดีมาก คาคานะตอนนี้กรุณาเงียบและดูเท่านั้นด้วยนะคะ โดยเฉพาะกรุณาอย่าพูดอะไรระหว่างการถ่ายทำ เพราะจะมีเสียงเข้ามาได้”

 

นี่เป็นครั้งที่สี่ที่ฉันทำเช่นนี้ โชคดีที่ไม่มีความล้มเหลว แต่ฉันก็กลัวว่าจะเกิดขึ้น

 

“ไม่ ทว่า มีหลายสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ และต้องการอะไร ข้าไม่เข้าใจสักอย่าง”

 

……ฉันเข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้สับสนขนาดนี้

แต่ ตอนนี้การถ่ายทำเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเหนือกว่าความสงสัยของเธอ

 

“ไม่ ไม่ได้ ทำตามที่บอกซะ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นคำสั่งจากตาแก่จักรพรรดิโดยตรงก็ตาม แต่นี้มากเกินไปสำหรับการเป็นผู้ดูแลแล้ว”

 

และคริสโตก็ปรากฎตัวขึ้น

 

คริสโตที่ฉันรู้จักเป็นผู้ชายเหลย์บอยเจ้าสำราญที่ทำตัวลักลั่นอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เขาเองก็ดูตึงเหมือนกัน

นอกจากนี้เขายังทำหน้าที่เป็นเด็กขนสัมภาระให้กับพวกเราอีกด้วย การถ่ายทำดูน่าสนใจ และเขาก็เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดจากระยะห่างเล็กน้อย แต่――ก็กะแล้วว่าเขาต้องยื่นปากเข้ามาแทรกในสถานการณ์แบบนี้

 

“พูดอะไรกันเพคะ หากปล่อยให้มีบางสิ่งเกิดขึ้นก็จะสายเกิดไปนะเพคะ”

 

“หมายถึงเรื่องอะไรกัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ”

 

“จนถึงตอนนี้อาจใช่เพคะ แต่หลังจากนี้ไปไม่ผิดแน่นอน ข้าไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่กันแน่”

 

“ข้าก็อธิบายไปหลายรอบแล้วไม่ใช่รึไง มานี่หน่อยสิ”

 

“ไม่เพคะ คริสโตซามะ ข้าต้องสอดส่อง……. !”

 

คริสโตจับมือของคาคานะแล้วเดินลากออกไป มองข้ามไหล่กลับมาและพยักหน้าให้ ――ฉันเดาว่าเขาหมายความว่าควรรีบถ่ายทำในขณะที่ทำได้ ในระหว่างที่เขาสามารถควบคุมคนที่ขวางทางไว้ได้

 

ดูเหมือนสตาฟบางคนก็เห็นการจากไปของคาคานะเช่นกัน จึงทำงานได้เร็วขึ้น สำหรับตอนนี้

 

“ขออภัยที่ให้รอ ก่อนอื่น มาพูดถึงจุดประสงค์ในการถ่ายทำครั้งนี้กันก่อนนะคะ――”

 

และฉันเองก็รีบให้คำแนะนำ และแสดงตัวอย่างให้เห็น

 

――แล้วก็ ผู้หญิงคนนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อนเธอเป็นขุนนางระดับล่างซึ่งได้ลงทะเบียนเรียนที่ชูกาคุคังของแว็ง เดอ ครุช และได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับฟิเลเดีย

 

แม้แต่ในประเทศนี้ โรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนต้น และแผนกระดับปริญญาตรีก็ถูกแยกออกจากกัน และดูเหมือนว่าหลังเธอสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้น พวกเขาก็เหินห่างจากกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ตอนนี้เธอย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ และใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเหมือนสามัญชน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวขุนนาง แต่ก็แทบไม่มีโอกาสได้สวมชุดเดรสเลย และก็ยังไม่มีแม้แต่ชุดใหม่ด้วยซ้ำ

 

“อาโน จริงเหรอคะ ที่ฟิลซามะจะได้ยินเสียงของฉัน?”

 

ถึงตอนนี้พวกเธอจะห่างเหินกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะค่อนข้างสนิทกันเมื่อสมัยยังเรียนอยู่

เมื่อบอกว่าพรุ่งนี้ซัคเฟิร์ดกับฟิเลเดียจะแต่งงานกัน เธอก็กระโดดด้วยความดีใจ

 

เมื่อฉันตอบว่า 「ไม่เพียงแค่จะได้ยินเสียงของคุณเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นคุณได้อีกด้วย」 เธอดูมีความสุขเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะยังคงไม่เข้าใจจริง ๆ ก็ตาม

 

 

 

“คุณหนูค่ะ ดิฉันมีข้อเสนอคะ”

 

หลังจากได้รับเสียงคำอวยพรที่สี่ พวกเราก็ถอนตัวทันที

ริโนกิสพูดขึ้นมาแบบนั้น ขณะที่พวกเราขึ้นเรือเล็กที่จอดรออยู่ และมุ่งหน้าไปยังท่าเรือเหาะ

 

“เพื่อให้คาคานะซามะยอมเงียบเสียง ดิฉันคิดว่าจะเป็นการดีกว่าหากแสดงให้เห็นชัด ๆ ไปเลยว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ค่ะ”

 

เรือเล็กลำนี้ มีฉัน ริโนกิส และคริสโต กับชุดอุปกรณ์

หลังจากประชุมอันดุเดือดเมื่อวานนี้ รู้สึกเหมือนถูกปฏิบัติอย่างหยาบคายขึ้นเล็กน้อย แต่เนื่องจากมีเจ้าชายอยู่บนเรือ จึงได้รับการปฏิบัติแยกจากคนทั่วไป ตอนนี้ฉันไม่คิดว่าจะมีใครสนใจ แต่เผื่อไว้

 

“แสดงให้เห็น กำลังบอกว่า……แสดงให้เห็นว่าวันนี้ถ่ายทำอะไรไปบ้างสินะ?”

 

“ใช่แล้วค่ะ แสดงหลักฐานในสิ่งที่กำลังทำให้เห็น ๆ ไปเลย คนแบบนั้นอ่อนแอต่อหลักฐานที่ชัดเจน ยิ่งเป็นหลักฐานที่จับต้องได้แล้วด้วย”

 

เข้าใจล่ะ อ่อนแอหรือเปล่าไม่รู้ แต่อาจจะได้ผล แต่เป็นไปได้ไหมที่จะทำอะไรแบบนั้น?

 

“หากมีสิ่งที่ทำได้ ก็ควรจะทำ”

 

คริสโตกอดอกด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ทีมงานถ่ายทำเริ่มตอบโต้คาคานะโดโนะหยาบคายขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจริงไหม?

นอกจากนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เธอพามาด้วยก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจกันแล้ว ในระดับนี้ต่อไปเราอาจจะประสบปัญหาได้”

 

……ชิ ยุ่งยากซะจริง……แต่ไม่มีเวลาแล้ว……

 

“ลองถามหัวหน้าทีมงานดูสิ”

 

ภาพสะท้อนที่ถ่ายทำตอนนี้จะถูกใช้สำหรับงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ พูดอีกอย่างการตัดต่อต้องทำที่แว็ง เดอ ครุช

 

ฉันไม่ได้รับแจ้งอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ดังนั้นฉันจึงไม่รู้รายละเอียด แต่หากสามารถทำเป็นภาพจริงได้ตอนนี้ บางทีเราควรแสดงให้คาคานะดู แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของภาพสะท้อนก็ตาม

 

หากสิ่งต่าง ๆ ยังดำเนินไปดังที่เป็นอยู่ตอนนี้ พวกเราจะประสบปัญหา นั่นเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตราย

ถ้าหากโดนบอกให้ยกเลิกการถ่ายทำ พวกเราจะไม่สามารถแม้แต่จะดูได้

 

เหนือสิ่งอื่นใด มือของฉันก็อยากยืดเส้นเหมือนกัน

ฉันก็รำคาญเหมือนกัน ไหนจะตารางงานที่แออัดยัดเยียดขนาดนี้ ……ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับการถ่ายทำล่าสุดในดินแดนลิสตันจะเบากว่ามาก เพราะฉันไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวในนั้น

 

 

 

ระหว่างขึ้นเรือเหาะ และเคลื่อนที่ไปยังเกาะลอยฟ้าถัดไป ฉันก็เสนอแนวคิดนี้ให้กับหัวหน้าทีมงานและสตาฟคนอื่น ๆ

 

――ทำไมเราไม่แสดงให้คาคาะเห็นว่าพวกเราถ่ายทำอะไรมาบ้างล่ะ

 

พวกเขารู้สึกหงุดหงิดกับการแทรกแซงที่มากเกินไปของคาคานะ และตอบตกลงทันที

ดูเหมือนพวกเขาเองก็คิดว่าคงจะมีแต่แย่ลง หากสิ่งต่าง ๆ ยังดำเนินไปเหมือนเดิม น่าจะเป็นอย่างงั้น หากไปมีปัญหากับทหารจากประเทศอื่น หากไม่ทำให้ถูกต้องก็มีแต่ชีวิตของคุณที่อาจตกอยู่ในความเสี่ยง

 

และจากนั้น เมื่อฉันเรียกคาคานะมาได้ พวกเราก็เปิดภาพสะท้อนที่พึ่งถ่ายทำให้ดู

 

พรุ่งนี้พวกเราก็จะถ่ายทำแบบนี้เช่นกัน และ

ด้วยวิธีนี้ภาพความทรงจำจะคงอยู่ตลอดไป และคุณจะสามารถจดจำความตื่นเต้นของ「วันพิเศษ」นั้นได้เสมอ

 

“………….”

 

            ――ขอแสดงความยินดีในงานแต่งงานของท่านด้วย――

 

คาคานะเฝ้าดูอย่างตั้งใจขณะที่「ภาพที่พึ่งเห็นไปเมื่อไม่นานมานี้ปรากฎบนสายตาทีละฉาก」สะท้อนอยู่บนเมจิกวิชั่น

ขออีกแค่รอบเดียว และ เธอก็จ้องระหว่างขอซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง

 

“……งั้นรึ เป็นแบบนี้เองสินะ งั้นรึ……อุมุ เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจสิ่งที่พวกเจ้ากำลังทำแล้ว ทั้งพฤติกรรม ทั้งสาเหตุที่เร่งรีบเช่นนั้น เข้าใจแล้ว”

 

งั้นรึ งั้นรึ ขณะที่พยักหน้าซ้ำไปซ้ำมา……ดวงตาของคาคานะชื้นเล็กน้อย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาจากเมจิกวิชั่น

 

“เพื่อนและคนที่รู้จักซึ่งไม่สามารถเชิญให้เข้าร่วมพิธีได้ แม้แต่คนเหล่านั้นก็ยังสามารถร่วมเฉลิมฉลองได้สินะ

ข้ามั่นใจว่าซัคเฟิร์ด・ฮาสกิตันโดโนะ กับ ฟิเลเดีย・คอร์คูลิสโดโนะจะต้องมีความสุขแน่นอน ถ้าข้าเป็นเจ้าสาวก็คงร้องไห้เช่นกัน”

 

คาคานะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดดวงตาของเธอเบา ๆ ฉันเดาว่าน่าจะหยาบคายหากพูดประมาณว่า 「เธอร้องไห้แล้ว」

 

“อีกกี่ที่?”

 

“ยี่สิบสองงานจนถึงตอนกลางคืนค่ะ”

 

และต้องอยู่แก้ไขงานทั้งคืนด้วย

 

ทีมงานรู้สึกกังวลใจเพราะพวกเขาแทบไม่มีโอกาสได้พักเลย

หากยังทำแบบนี้ต่อไป พวกเขาเข้าใจดีว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าสู่นรกแห่งงานที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีเวลา ไม่มีที่ว่าง ไม่มีที่ให้ฟื้นฟูจิตใจ นั่นคงจะน่าหงุดหงิดใจน่าดู

 

“พวกเจ้าจะทำได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน? ……ไม่สิ เมื่อคำนึงถึงเส้นทางของเรือเหาะก็ยิ่งน่าสงสัย ดีล่ะ ข้าจะส่งผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าให้นำไปก่อน”

 

หืม? นำไปก่อน?

 

“ให้คนของข้าไปก่อน เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการกล่าวคำอวยพร คิดว่ายังไงล่ะ?

ดูท่าแล้วคงมีแค่ขุนนางที่อยู่อยู่ในตำแหน่งที่มีชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้นที่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าสินะ แต่คนอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นคงถูกบอกให้รออยู่ที่บ้านแค่นั้นถูกไหม?

ถึงจะแค่บอกให้แต่งตัวเป็นทางการแล้วรอ ก็น่าจะทำให้การดำเนินงานรวดเร็วขึ้นเมื่อไปถึงสถานที่จริงไหม?”

 

――ยอดเยี่ยม

 

“จะดีเหรอคะ?”

 

พวกเราเคยคิดที่จะทำแบบนั้นแต่คนไม่พอ

 

และไม่มีเวลาด้วย

นี่คือแผนที่ตัดสินใจเมื่อวานของวันนี้ พวกเรายังมีเรือเหาะไม่เพียงพอสำหรับการเตรียมตัว และยังมีหลายอย่างที่ขาดไป

 

ทว่า หากเป็นพวกทหาร

และบุคคลที่อยู่ที่นี่กับพวกเรา คือผู้บัญชาการทหารอากาศ ทั้งเรือเหาะและกำลังพลจะพร้อมในไม่ช้า

 

“จะดีหรือ คาคานะโดโนะ? นี่จะถือว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบเอาน่ะ?”

 

คริสโตพูดพร้อมหัวเราะ และคาคานะพูดขณะก้มมองที่เมจิกวิชั่นอีกครั้ง

 

“หลังจากนี้ ข้าจะให้เวลาพักผ่อนกับผู้ใต้บังคับบัญชา สิ่งที่ข้าทำคือร้องขอความช่วยเหลือส่วนตัวเท่านั้น ――ข้า กระหม่อมไม่รู้จักฟิเลเดีย・คอร์คูลิสโดโนะ แต่ในฐานะของผู้หญิงเหมือนกัน กระหม่อมไม่ต้องการให้งานแต่งงานที่เป็นช่วงเวลาสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของนางต้องล้มเหลว และเมื่อลงมือทำแล้ว กระหม่อมก็อยากให้ประสบความสำเร็จเพคะ”

 

ในฐานะผู้หญิงเหมือนกันสินะ

ถ้าจำไม่ผิด เธอกำลังคบหากับพลเอกกวิน แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน

 

…………

 

ม๊า ทุกคนต่างก็มีสถานการณ์ของตัวเอง ดังนั้นฉันไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

 

 

คาคานะซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นศัตรู ในตอนนี้ได้ใช้อำนาจร่วมมืออย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน

สิ่งนี้จะเพิ่มความเร็วในการถ่ายทำเล็กน้อย