ตอนที่ 114 แล้วพบกันใหม่
อวี้จิ่นเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เจียงจั้นยังไม่ทันหันไปก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
ทำไมพี่อวี๋ชีถึงมีท่าทีดุร้ายขนาดนั้น หรือว่าดื่มชาเยอะเกินไปเลยทำให้ใจร้อน?
เสียงฝนตกกระหน่ำเป็นสายไหลยาวลงมาตามชายคาระเบียง
เจียงจั้นมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เสียงฝนที่ตกลงมาทำให้เขาหนีบขาแน่นโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าต้องไปเข้าห้องน้ำด่วน
“พี่อวี๋ชี พี่คุยกับสหายหลี่ไปพลางๆ ก่อน ข้าจะไปห้องน้ำสักประเดี๋ยวหนึ่ง”
พอเจียงจั้นเดินไป อวี้จิ่นก็หรี่ตามองสังเกตคุณชายหลี่อย่างละเอียด
ในเวลาอันสั้นนี้ คุณชายหลี่รู้สึกคล้ายกับถูกนายพรานจ้อง
“เข้ามาดื่มชา?” อวี้จิ่นผลักประตูห้องของเจียงจั้นออกอย่างไม่เกรงใจ ใบหน้ายังคงรอยยิ้มบาง
คุณชายหลี่กะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าเมื่อครู่คงคิดมากเกินไป จากนั้นก็เดินตามหลังอวี้จิ่นเข้าไป
ประตูปิดลงเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ทำให้คุณชายหลี่แสบหูเล็กน้อย
เขาหันหลังกลับไปอย่างอดไม่ได้ ทว่าก็เจอเข้ากับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไร้ที่ติคนนั้นยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พลางลงกลอนประตูเสร็จสรรพ
“เจ้าทำอะไรน่ะ” เวลานี้ถ้าคุณชายหลี่ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติก็คงโง่แล้ว
อวี้จิ้นกอดอกพิงประตูท่าทางเกียจคร้าน “ว่ากันว่าไม่มีผู้ใดมาทำดีด้วยโดยไม่หวังผลตอบแทน บอกจุดประสงค์ที่เจ้ามาดื่มชามาเถอะ”
คุณชายหลี่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาทั้งรู้สึกโกรธและกลัว “จุดประสงค์? เจ้าพูดเรื่องตลกอะไร การพบเจอกันโดยบังเอิญเป็นโชคชะตา แล้วการดื่มชาจะมีจุดประสงค์อะไรได้”
หึ หึ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากในลำคออวี้จิ่น มันแฝงไปด้วยความเย้าหยอก “ในเมื่อไม่มีจุดประสงค์อะไร ทำไมถึงมาหาเจี่ยงเอ้อร์เพื่อดื่มชาแทนที่จะเป็นข้า”
คุณชายหลี่อ้าปากพะงาบๆ
นี่ถือเป็นคำถามรึ
อวี้จิ่นขมวดคิ้ว “ข้าคิดๆ ดูแล้ว ก็คิดหาเหตุผลที่เจ้าเลือกตัวเลือกที่ผิดเช่นนี้ไม่ออกเลย”
คุณชายหลี่ทำหน้าขรึมแล้วพูดโพล่งออกมา “แน่นอนว่าเป็นเพราะสหายเจี่ยงมี แต่เจ้าไม่มี…”
สีหน้าเย็นชาของอีกฝ่ายหยุดความลำพองใจของเขาทันที
“ข้าเข้าใจแล้ว” อวี้จิ่นพยักหน้าลงเบาๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
“เจ้าเข้าใจอะไร”
อวี้จิ่นหยุดกึก แล้วออกแรงวางมือลงบนโต๊ะเบาๆ เสียงแตกร้าวดังขึ้น มุมโต๊ะหักตกลงไป
เขายกเท้าขึ้นมาบดจนแตกละเอียด พริบตาเดียวมุมโต๊ะกลายเป็นเศษไม้กองอยู่บนพื้นราวกับขี้เถ้ากองเล็กกองหนึ่ง
คุณชายหลี่สีหน้าเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางเย็นชาของชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนปีศาจกินคน เขาก้าวเท้าวิ่งไปที่ประตู
“เจ้า เจ้าจะทำอะไร ข้าจะตะโกนเรียกคนนะ!”
กริชด้ามหนึ่งส่องแสงสะท้อนปรากฏอยู่ในมืออวี้จิ่น “เจ้าลองดูสิ คนพวกนั้นกับกริชในมือข้าอันไหนจะเร็วกว่ากัน”
“เจ้ากล้าฆ่าคน? ผู้บัญชาการยังอยู่ที่นี่นะ!” เมื่อนึกถึงผู้บัญชาการผู้เก่งกาจในการตัดสินคดี คุณชายหลี่จึงเอ่ยขึ้นด้วยความกล้าหาญ
อวี้จิ่นมองเขาอย่างเยือกเย็น “ฆ่าเจ้าแล้วข้าก็หนีได้ คงไม่เหมือนเสวียนฉือที่ทำตัวอวดดีอยู่ในวัดเหมือนเดิมหรอก!”
คุณชายหลี่ตะลึง
ชายผู้นี้ดูท่าทางไม่ธรรมดา ทว่าทำไมถึงพูดจาเหมือนอันธพาลเช่นนี้
“ข้า ข้าทำอะไรให้พี่ชายไม่พอใจหรือ”
อวี้จิ่นหัวเราะออกมาเบาๆ “ในที่สุดก็ถามตรงประเด็นสักที เจ้าอยากได้สิ่งที่เจี่ยงเอ้อร์มี แต่ข้ายังไม่มีชั่วคราว ซึ่งมันทำให้ข้าไม่พอใจเอามากๆ”
คุณชายหลี่ได้แต่อึ้ง จากนั้นก็ชี้ไปที่อวี้จิ่น “เจ้า เจ้า…”
คาดไม่ถึงเลยว่าชายผู้นี้จะชอบน้องสาวของเจี่ยงเอ้อร์?
อืม แต่ก็ไม่แปลกใจ น้องสาวของเจี่ยงเอ้อร์สวยราวกับเทพธิดา ชายใดจะไม่ชอบ
ทว่าไม่เคยได้เห็นใครเบ่งอำนาจขนาดนี้มาก่อนเลย
อวี้จิ่นควางกริชในมือเล่น พลางพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “เจ้าเตี้ยกว่าข้า น่าเกลียดกว่าข้า ฝีมือด้อยกว่าข้า ครอบครัวก็จนกว่าข้า ใครให้เจ้าเสนอหน้ามาหาเจี่ยงเอ้อร์เพื่อดื่มชา”
ทันใดนั้นเองเจียงจั้นกลับมาแล้ว เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูแล้วได้ยินสิ่งที่อวี้จิ่นพูด ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ที่แท้มาหาเขาเพื่อดื่มชา หวังสูงขนาดนี้เลยเชียว? ทำไมเขาถึงไม่รู้นะ
เจียงจั้นยื่นมือออกไปผลักประตูแต่กลับพบว่าเปิดไม่ออก จึงเคาะอย่างแรง “พี่อวี๋ชี ทำไมถึงลงกลอนประตูไว้ล่ะ”
อวี้จิ่นแค่สะบัดข้อมือ กริชก็พุ่งออกจากมือไป
เนื่องจากกะทันหันมากเกินไป ตอนที่กริชพุ่งเฉียดใบหน้าของคุณชายหลี่ไปปักอยู่ที่ประตู คุณชายหลี่ถึงได้รู้สึกตัวแล้วร้องออกมาอย่างน่าเวทนา เป้ากางเกงก็เปียกซก
อวี้จิ่นเดินเข้ามา แล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูคุณชายหลี่ “ถ้ายังคิดทำตามอำเภอใจอีก ข้าจะใช้กริชตอกไปที่ช่วงล่างของเจ้า!”
คุณชายหลี่ “…” ฮือฮือฮือ น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาจะกลับบ้าน!
อวี้จิ่นลากตัวคุณชายหลี่ขยับไปด้านข้างแล้วเก็บกริชลง จากนั้นก็ยื่นมือไปเปิดประตู
“กลิ่นอะไรกัน” เจียงจั้นสูดจมูกฟุดฟิด เมื่อเห็นแอ่งน้ำสีเหลืองบนพื้น เขาก็มองไปยังคุณชายหลี่ที่หน้าซีดเผือดอย่างกับเห็นผี
คุณชายหลี่เหล่มองไปยังบุรุษที่บนหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกครู่หนึ่ง แล้วเผยรอยยิ้มที่แย่กว่าร้องไห้ออกมา “อั้นไม่ไหว…”
พูดจบก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก พลางเอามือกุมกางเกงแล้ววิ่งหนีเตลิดออกไป
“นี่…” เจียงจั้นมองไปที่พื้นอีกครั้ง ทำเสียงจิ๊ปากออกมา “ไปห้องน้ำกับข้าแต่แรกก็ได้แล้ว ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้”
อวี้จิ่นจ้องแผ่นหลังที่วิ่งเตลิดออกไปพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “จริงด้วย ตอนที่ไม่ควรอั้นจะอั้นไหวได้อย่างไร”
เจียงจั้นเจ้าคนงี่เง่าไม่รู้จักปกป้องน้องสาวจากการคุกคามของสหายเลย น่าหงุดหงิดเสียจริง!
เมื่อถึงเวลาบ่าย ฝนห่าใหญ่ได้หยุดลง พระอาทิตย์แหวกเมฆออก สาดแสงส่องไปทั่วปฐพีคล้ายกับกำลังแก้แค้น ไม่นานแอ่งน้ำบนพื้นก็เริ่มตื้นขึ้นมา
แม้ตอนนี้ตามทางจะเต็มไปด้วยกองโคลน ทว่าเจียงซื่อกลับไม่ยอมรอต่อไปแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในวัด หลังจากฝนหยุดตกจึงไม่ได้มีแค่พวกเขากลุ่มเดียว ทุกคนที่หยุดพักต่างก็เก็บของแล้วทยอยออกไป ซึ่งคนที่ออกเดินทางออกไปเร็วที่สุดก็คือสองพี่น้องตระกูลหลี่
นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าอาวาสวัดหลิงอู้ที่ไม่เคยโผล่หน้าจะออกมาส่งผู้บัญชาการ
“อมิตาพุทธ ขอบคุณโยมที่มองทะลุปัญหาได้ทั้งหมด และได้จับตัวศิษย์ที่ทำชั่วในวัดของอาตมาออกไป” เจ้าอาวาสวัดหลิงอู้อายุมากแล้ว แม้แต่คิ้วก็เป็นสีขาว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความเมตตาและความสงสาร
“การหาตัวผู้ร้ายเป็นหน้าที่ที่ข้าควรต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันกระทบต่อวัด…”
เจ้าอาวาสพนมมือเข้าด้วยกัน “อมิตาพุทธ โยมอย่าถือสาเลย เดิมการออกบวชก็ควรจะละทิ้งทางโลก จากนี้ไปอาตมาจะสั่งสอนลูกศิษย์ให้ตั้งใจบำเพ็ญตนอยู่ในวัด และไม่เข้าไปยุ่งเรื่องโลกภายนอก”
“ขอบใจท่านเจ้าอาวาสที่เข้าใจ” ผู้บัญชาการเอ่ยอย่างสุภาพ
สามเณรน้อยถือโอกาสตอนที่คนเยอะแอบเดินไปอยู่ข้างๆ เจียงซื่อ แล้วแบมือออก “สีกา อาตมาให้นี่”
กลางฝ่ามือที่อวบอ้วนมียันต์อยู่เย็นเป็นสุขวางอยู่ สามเณรน้อยประหม่าเล็กน้อยราวกับกลัวว่าของขวัญอำลาแบบนี้จะถูกปฏิเสธ
เจียงซื่อรับมา พลางหยิบลูกซิ่งตากแห้งในเหอเปาถุงหนึ่งออกมาวางลงบนมือของสามเณรน้อย แล้วยิ้มหวานพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ตัวน้อย ข้าให้ท่าน”
แม้สามเณรจะยังเด็ก ทว่าก็สังเกตเห็นว่าเจียงซื่อกำลังแหย่เขา หน้าเขาแดงระเรื่อขึ้นพร้อมกับคว้าลูกซิ่งวิ่งหนีไป หลังจากวิ่งออกไปหลายก้าวก็ไปหลบอยู่ข้างหลังพระท่านหนึ่ง จากนั้นก็แอบโผล่ศีรษะที่ไร้ผมออกมา
เจียงซื่ออมยิ้มแล้วโบกมือให้สามเณรน้อย
หลังจากเดินทางออกมาจากวัดหลิงอู้เจียงซื่อและพวกก็เดินทางไปเส้นเดียวกับผู้บัญชาการ
“พวกท่านทั้งสามกำลังจะไปที่ใดกัน ถ้าเกิดว่าวันนี้ว่างก็มาสังสรรค์ที่ในเมืองได้”
เจียงจั้นชอบผู้บัญชาการท่านผู้นี้ที่ตัดสินคดีได้เด็ดขาดราวกับเทพ เขาเกือบจะเอ่ยตอบตกลง โชคดีที่เจียงซื่อรู้นิสัยพี่ชายดี เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากนางก็แอบบิดเข้าที่แขนของเขา
เจียงจั้นทำหน้าแหยเก “รอพวกเราทำธุระเสร็จก่อนค่อยไปเยี่ยมท่าน ยังไงท่านก็อยู่ที่อำเภอฟู่ซิ่ง พวกเรากลับมาก็ต้องผ่านทางนี้”
ผู้บัญชาการสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมาแล้วคำนับพลางยิ้มขึ้น “แล้วพบกันใหม่ สหายทั้งสาม”