ตอนที่ 70

My Disciples Are All Villains

แม้ว่าหยวนเอ๋อจะอยากหัวเราะมากแค่ไหน แต่เมื่อจ้องมองไปยังใบหน้าของลู่โจวแล้วเธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมา

ใบหน้าของลู่โจวยังคงสงบเยือกเย็นราวกับทะเลสาบน้ำนิ่ง ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ลู่โจวเอาแต่ลูบเคราเท่านั้น

หยวนเอ่อมองไปที่อาจารย์ของเธอย่างสงสัย เธอได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้คิดกับตัวเอง ‘ท่านอาจารย์ไม่เคยลูบเครามากขนาดนี้มาก่อน ทำไมเขาถึงมีนิสัยแบบนี้กันล่ะ? ‘

เมื่อเฉาซั้วเห็นว่าลู่โจวไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเขาก็พูดออกมาอีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโสได้โปรดช่วยพวกเราด้วย! “

ในท้ายที่สุดลู่โจวก็พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ข้ามีแผนอยู่แล้ว หยวนเอ๋อส่งคนพวกนี้ออกไปซะ”

หยวนเอ่อพยักหน้าตอบรับ เธอรีบเดินไปหาเฉาซั้นก่อนที่จะทำท่าทาให้พวกเขานั้นออกไปจากที่นี่

เฉาซั้วรู้สึกหมดหวัง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากยอมจากไป

ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร ในฐานะที่ตัวเขาเป็นอาจารย์ การทำเพื่อยุติธรรมโดยการจัดการกับลูกศิษย์ตัวเองคงจะเป็นเรื่องที่เกินเลยไปหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นหมิงซี่หยินก็แค่จัดการกับพวกโจรภูเขาเท่านั้น เขาไม่ได้ลักพาตัวเด็กสาวไปแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าประชาชนคนทั่วไปมองคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าในแง่ลบ ไม่ว่าคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าจะทำอะไรสุดท้ายแล้วคนทั่วไปก็ยังมองว่าพวกเขาทำเรื่องชั่วช้าอยู่ดี

เจียงอาเฉียนไม่ได้เดินจากไป “ท่านผู้อาวุโส…ท่านผู้อาวุโส? “

ลู่โจวหันเหลือบมองไปที่เจียงอาเฉียนก่อนที่จะเริ่มพูดขึ้น “เจียงอาเฉียน”

เจียงอาเฉียนรีบวิ่งไปหาลู่โจวพร้อมกับรอยยิ้ม “ข้านึกว่าท่านผู้อาวุโสจะไม่รั้งข้าเอาไว้ซะแล้ว

ใบหน้าของลู่โจวได้สูญเสียความเยือกเย็นไปชั่วขณะ “ข้าน่ะใช้เวลาทั้งวันอยู่บนภูเขา และเพราะแบบนั้นข้าก็เลยไม่ได้ข่าวคราวของโลกภายนอก ถ้าหากเจ้ายินดีจะเป็นหูเป็นตาให้กับข้า ข้าก็จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี” ลู่โจวต้องการทำให้ตัวเองเป็นมิตรกับชายคนนี้มากที่สุด ‘หวังว่าคนคนนี้จะไม่ตกใจกลัวไปซะก่อนนะ’ เป็นเรื่องธรรมชาติที่คนขี้ขลาดมักจะขี้ขลาด

เจียงอาเฉียนที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับทำตัวไม่ถูก “ทะ…ท่านผู้อาวุโส? ได้โปรดอย่าล้อเล่นกับข้าแบบนี้เลย ท่านเป็นถึงนักบวชผู้อาวุโสจากนิกายพุทธ แน่นอนว่าท่านไม่จำเป็นจะต้องให้คนแบบข้าเป็นหูเป็นตาให้เลย”

“เจ้าไม่เต็มใจอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวถามออกไป

การกระทำของลู่โจวทำให้เจียงอาเฉียนตกตะลึง ถ้าหากเจียงอาเฉียนไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขในครั้งนี้ ลู่โจวก็ตั้งใจเอาไวัว่าจะไม่ติดต่อกับชายคนนี้อีกต่อไป ตัวเขาได้ลูบคางก่อนที่เจียงอาเฉียนจะตอบกลับมาในท้ายที่สุด “ท่านผู้อาวุโส ด้วยจุดยืนของท่านในตอนนี้ ท่านคงจะให้ค่าตอบแทนกับข้าอย่างงั้นใช่ไหม? จะให้ข้าทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทนก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ”

ลู่โจวจำได้ว่าตัวเขามีดาบล้ำค่ามากมายเก็บไว้ในศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาไม่เคยประเมินค่าของดาบพวกนั้นเลย แต่ลู่โจวมั่นใจมากกว่าดาบพวกนั้นคงจะไม่ใช่ดาบกระจอกๆ อย่างแน่นอน ‘อย่างน้อยๆ จะต้องมีดาบที่ดีอยู่ละนะ ดาบที่ทรงพลังเหมือนกับอาวุธนิรนาม บางทีฉันอาจจะมีดาบระดับสรวงสวรรค์อยู่ก็เป็นได้’ หลังจากที่คิดได้แบบนั้นลู่โจวก็ตอบกลับไป “เจ้าอยากได้ดาบอย่างงั้นสินะ? “

“ฮะ? ” เจียงอาเฉียนรู้สึกสับสนมากเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ลืมมันไปซะเถอะ…” ลู่โจวลุกขึ้นก่อนที่จะเอามือไขว้หลังเอาไว้ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมาอย่างช้าๆ “ข้าน่ะจำได้ว่ามีดาบอยู่ ถ้าหากเจ้ายอมเป็นหูเป็นตาให้กับข้า ข้าก็คงจะมอบดาบพวกนั้นให้กับเจ้าสักเล่มสองเล่มได้”

เจียงอาเฉียนฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินเรื่องดาบดีๆ ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความชาญฉลาดไปในทันทีหลังจากที่เอ่ยถามถึงดาบ หลังจากนั้นเขาก็ได้ถามออกมาด้วยแววตาที่สดใส “มันดีแค่ไหนกันล่ะ? “

“มันไม่ได้ด้อยไปกว่าดาบคู่เล่มนั้นหรอก! “

เจียงอาเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ตบต้นขาของตัวเองในทันทีอย่างไร้ความลังเล “ตกลง! “

“…”

ลู่โจวถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นท่าทีของชายคนนี้ เมื่อพูดถึงดาบแล้วการจะอ่านสีหน้าของชายคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เจียงอาเฉียนรู้สึกมีความสุขมากในตอนนี้ ตัวเขาสะสมดาบมากมายหลายเล่มในชีวิตของตัวเขา เจียงอาเฉียนมีตั้งแต่ดาบแปลกๆ ยันดาบที่ทรงพลัง ทุกอย่างล้วนถูกเก็บเป็นคอลเลคชั่นของเขา แต่ไม่ว่าจะมีอาวุธมากมายแค่ไหนยังไงอาวุธระดับสรวงสวรรค์ก็มีค่ามากสำหรับชายคนนี้อยู่ดี ตัวเขาที่มีพรสวรรค์ในการรวบรวมข่าวสารมาโดยตลอดการที่จะให้ข้อมูลอะไรจึงไม่ใช่เรื่องยาก หลังจากที่เจียนอาเฉียนได้พูดตกลงไปแล้วเขาก็มองไปรอบห้องก่อนที่จะถามออกมา “ท่านผู้อาวุโส ท่านพาวายร้ายหญิงนั่นไปไว้ไหนกัน? “

ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง “ไปได้แล้ว! “

“ถ้างั้นเห็นทีข้าต้องถอนตัวก่อน” ก่อนที่เจียงอาเฉียนจะออกจากโรงเตี๊ยมไป เขาก็ได้ทิ้งช่องทางการติดต่อให้กับลู่โจวเอาไว้ก่อน เมื่อตัวเขาออกไปจากโรงเตี๊ยม เจียนอาเฉียนก็รู้สึกสดชื่นมาก ตัวเขาเหยียดแขนขาอย่างมีความสุขก่อนจะยิ้มออกมา ในตอนนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้ ‘แล้วข้าจะต้องทำอีกนานแค่ไหนกันล่ะ ข้าลืมข้อตกลงเรื่องระยะเวลาไปซะสนิท! มันจะต้องแย่แน่ๆ ถ้าหากข้าจะต้องทำงานนี้ไปตลอดทั้งชีวิตน่ะ? แย่จริง ข้าถูกหลอกแล้วอย่างงั้นหรอ? ข้าควรจะกลับไปคุยใหม่ไหมนะ? ‘

ในห้องโรงเตี๊ยม

หยวนเอ๋อที่เห็นเจียงอาเฉียนจากไปแล้วได้พูดออกมาอย่างดูแคลน “เจ้าคนไร้ยางอายนั่น”

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้พูดออกมาอย่างใจเย็น “เจ้านั่นน่ะยังมีประโยชน์อยู่”

หยวนเอ่อรู้สึกได้ว่าท่านอาจารย์ของเธอกำลังรู้สึกเหนื่อยจริงๆ เธอรีบลึกขึ้นก่อนที่จะเก็บเก้าอี้กลับไป “ถ้ายังไงศิษย์ขอตัวก่อน”

หลังจากที่หยวนเอ๋อจากไป ลู่โจวก็ไม่ได้พักผ่อนในทันที เขารีบเปิดเมนูระบบขึ้นมาก่อนที่จะเลื่อนมายังหน้าร้านค้า ตัวเขารีบเลื่อนไปยังร่างอวตารจตุกายา ลู่โจวไม่รอช้ารีบซื้อพลังร่างอวตารนี้ในทันที ยิ่งมีวรยุทธมากเท่าไหร่สุดท้ายแล้วตัวเขาก็จะเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์มากขึ้นเท่านั้น ลู่โจวที่ปลดล็อกพลังร่างอวตารได้เลื่อนไปมองอาวุธรวมไปถึงเคล็ดวิชาต่างๆ ที่อยู่ในร้านค้า แต่หลังจากพยายามค้นหาทุกอย่างแล้วดูเหมือนว่าทุกอย่างยังคงเป็นสีแดงอยู่ มันยังถูกล็อกอยู่นั่นเอง

ลู่โจวสงสัยว่าเป็นเพราะระดับวรยุทธของเขาที่ต่ำเกินไปจึงทำให้ตัวเขาไม่สามารถปลดล็อกอาวุธรวมไปถึงเคล็ดวิชาอื่นๆ ในร้านค้าได้ หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา จีเทียนเด๋าในตอนที่มีพลังเต็มที่คงรับลูกศิษย์พวกนี้มาก ลู่โจวจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้ลูกศิษย์ของเขาต้องซ้ำรอยเดิม

ลู่โจวสงสัยว่าที่ร่างกายของเขาต้องเป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าการเสียชีวิตของจีเทียนเด๋า การเสียชีวิตของจีเทียนเด๋าได้ทำให้ร่างกายของเขามีวรยุทธถดถอยลงไปเรื่อยๆ ในตอนนี้นอกจากจะต้องพัฒนาวรยุทธของตัวเองจะต้องเพิ่มอายุขัยด้วยการ์ดพลังชีวิตอีกด้วย ลู่โจวจะไม่ทำพลาดเหมือนกับจีเทียนเด๋าอีก ในตอนนี้ตัวเขายังเหลืออีกหนึ่งปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ไข ลู่โจวได้ขมวดคิ้วก่อนที่จะคิดอะไรบางอย่าง ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากยังใช้การ์ดพลังชีวิตไปเรื่อยๆ? ฉันไม่ต้องกลายเป็นเด็กทารกเลยอย่างงั้นหรอ? ถ้าทำแบบนั้นจริงก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย! ‘

แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ไปซะทีเดียว ถ้าหากเป็นแบบนี้การที่ลู่โจวใช้การ์ดเพื่อเพิ่มอายุขัยได้ นั่นก็หมายความว่าตัวเขาจะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ เมื่อคิดแบบนั้นได้ลู่โจวก็รู้สึกดีขึ้น

หลังจากที่ลู่โจวคิดทุกอย่างได้เขาก็หยิบเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ออกมาอีกครั้ง ตัวเขาเริ่มศึกษาเพื่อทำความเข้าใจมันต่อไป เวลาผ่านไปตัวเขาก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการอ่านเคล็ดวิชา ในที่สุดรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ก็ได้มาถึงโดยที่เขาไม่รู้ตัว

ลู่โจวเผลอหลับไปในระหว่างที่กำลังอ่านเคล็ดวิชาอยู่กลางคัน พอตื่นขึ้นมาอีกทีตัวเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้กลับกลายเป็นนักเรียนอีกครั้ง ในระหว่างที่ตัวเขากำลังจะลงจากเตียงนอน ในตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาอย่างเร่งรีบ

เสียงของเฉาซั้วได้ดังออกมาจากนอกห้อง “ทะ…ท่านผู้อาวุโส! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย วายร้ายจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามาถึงเมืองรูหนานแล้ว เจ้านั่นกำลังสร้างปัญหาใหญ่หลวงอยู่! “

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้พูดผ่านประตูอย่างไร้อารมณ์ “ปล่อยเขาไป เขาไม่ได้จะทำชั่วอะไรหรอก” เนื่องจากหมิงซี่หยินมาที่นี่เพื่อทำตามภารกิจที่ลู่โจวเป็นคนมอบให้ ดังนั้นหมิงซี่หยินก็คงจะไม่กล้าทำชั่วตั้งแต่หัววันแบบนี้

“ท่านผู้อาวุโส…วายร้ายน่ะล้วนมีนิสัยที่ชั่วช้ากันอยู่แล้ว เขาคนนั้นน่ะทำเรื่องชั่วมาแล้วมากมาย ตั้งแต่ที่เจ้านั่นมาถึงเมืองแห่งนี้ ประชาชนคนทั่วไปก็หวาดกลัวเกินกว่าจะออกมาจากบ้านของพวกเขาได้! วายร้ายนั่นมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ ความเร็วและการเคลื่อนไหวของเขา คนธรรมดาๆ อย่างพวกเราไม่อาจที่จะตามการเคลื่อนไหวได้ทัน ข้าเกรงว่าท่านคงจะเป็นเพียงคนเดียวในเมืองรูหนานที่จะสามารถรับมือกับวายร้ายคนนั้นได้ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย นายท่าน! “

ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะลงจากเตียง หลังจากยืนเส้นยืดสายเสร็จแล้วตัวเขาก็รู้สึกดีมากขึ้น สุดท้ายแล้วเขาก็เปิดประตูออกมา

เมื่อเฉาซั้วเห็นลู่โจวออกมาจากห้อง เขาก็พยายามรวบรวมความรู้สึกทุกอย่างก่อนที่จะพูดออกไป “ท่านผู้อาวุโสได้โปรดช่วยพวกเราด้วย! ข้าขอร้องท่านผู้อาวุโสในนามตัวแทนของประชาชนเมืองรูหนาน”

ลู่โจวยังคงเงียบในขณะที่เหลือบมองเฉาซั้ว

ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อและจ้าวยู่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น “ท่านอาจารย์! “

จ้าวยู่ในตอนนี้ยังคงสวมใส่ชุดสีขาวที่ดูเรียบๆ ชุดขาวชุดนี้เองแตกต่างจากชุดในพิธีบูชาศักดิ์สิทธิ์

“พวกเราไปกันเถอะ” ลู่โจวโบกมือให้กับเธอทั้งสองคน

เฉาซั้วที่เห็นแบบนั้นก็เรียกลู่โจวด้วยความลังเล “ทะ…ท่านผู้อาวุโส? “

“ตามมาซะ” ลู่โจวพูดเสร็จก่อนที่จะเดินลงบันไดไป

เมื่อเฉาซั้วได้ยินแบบนั้นืเขาก็ดีใจมาก เขารีบเดินตามลู่โจวไปในทันที เขามั่นใจว่าลู่โจวในตอนนี้คงจะตกลงแล้วที่จะช่วยเหลือตัวเขา

หลังจากที่เฉาซั้วกลับไปยังที่พักเมื่อวาน เขาก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใต้การปกครอง เมื่อเขาได้ยินว่าลู่โจวไม่ได้รับผลจากการโจมตีของบทสวดมนตร์จากเหล่านักบวชของวิหารแห่งความว่างเปล่า อีกทั้งตัวเขายังสามารถเอาชนะนักบวชกงซุนและปราบวายร้ายสาวอย่างจ้าวยู่ได้ หลังจากได้ยินวีรกรรมทั้งหมดเฉาซั้วก็รู้สึกเคารพลู่โจวอย่างใจจริง จริงๆ แล้วตัวเขาไม่อยากที่จะรบกวนลู่โจวเลย และเพราะแบบนั้นเฉาซั้วจึงรายงานเรื่องกลับไปยังทางพระราชวัง เขาได้รายงานเอาไว้ว่าตราจักรวรรดิในตอนนี้อยู่ภายใต้ในการครอบครองของนักบวชผู้อาวุโสท่านหนึ่ง และเขายังบอกไปอีกว่าตัวเขาไม่มีพลังมากพอที่จะเก็บกู้เหรียญตราจักรวรรดิเหรียญนั้นคืนมาได้

เมื่อพวกเขาทั้งหมดได้ออกจากโรงเตี๊ยมไป เฉาซั้วก็ได้หันไปมองหยวนเอ๋อและจ้าวยู่ที่กำลังตามไปด้วยก่อนที่จะคิดอะไรขึ้นมา ‘ผู้หญิงคนนี้มีสัญลักษณ์ดอกบัวอยู่ระหว่างคิ้ว เธอคนนี้จะต้องเป็นศิษย์วายร้ายจากศาลาปีศาจลอยฟ้าแน่’ หลังจากที่คิดได้แบบนั้นเฉาซั้วก็ได้พยักหน้าลำพังก่อนที่จะใช้ความคิดต่อไป ‘แต่วรยุทธของท่านผู้อาวุโสเองก็ลึกล้ำเกินกว่าที่จะพรรณนาได้ เมื่อมีเขาอยู่ข้าก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ต่อหน้าท่านผู้อาวุโสศิษย์วายร้ายลำดับสี่ก็คงจะเป็นเพียงเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง ตอนนี้ชัยชนะได้อยู่ตรงหน้าแล้ว! ‘