บทที่ 9: แกจะมาสอนเพื่อนฉันได้ยังไงกัน?
ท่ามกลางเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกัน เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ดนตรีในผับดังกระหึ่มและบรรยากาศก็ดูมีชีวิตชีวา ซึ่งมันก็ทุกๆคนต่างก็รู้สึกผ่อนคลาย
ซูเจี๋ย,ไป่เว่ยและหยูห่าวกำลังเล่นเกม “จริงหรือท้า”
ทั้งสามพลิกมือเพื่อตัดสินหาผู้ชนะ
เกมผ่านไปสองสามรอบ และทุกคนก็มีชนะบ้างแพ้บ้าง เมื่อถูกถาม พวกเขาก็จะต้องกล่าวความจริงออกมา
หากพวกเขาไม่ต้องการที่จะตอบ ‘ความจริง‘ พวกเขาก็สามารถเลือกตัวเลือก ‘ท้า‘ ได้
ความท้าทายที่น่าตื่นเต้นที่สุดเกิดขึ้นเมื่อตอนที่หยูห่าวได้ขอให้ไป่เว่ยไปจีบหญิงสาวอีกคน มันไม่มีใครคาดคิดว่าไป่เว่ยจะประสบความสำเร็จในที่สุด
ใบหน้าของเหยี่อสาวผู้งดงามกลายเป็นสีแดง เธอไม่สามารถทนต่อการจีบของไป่เว่ยได้ และสิ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะ
คราวนี้เป็นตาของหยูห่าว
ซูเจี๋ยและไป่เว่ยหัวเราะอย่างมีความสุข
จากนั้นซูเจี๋ยก็ผุดความคิดอันชั่วช้าขึ้นมา
คำถามของเขาทำให้ใบหน้าของหยูห่าวเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนตับหมู
หวังเต็งเองก็หัวเราะและส่ายหัว เขาไม่ได้เข้าร่วมเพราะเขามีความลับมากเกินไป ซึ่งมันก็อาจจะทำให้ความลับของเขาถูกเปิดโปงได้
ซูเจี๋ยและไป่เว่ยยืนอยู่ข้างกันและให้ยุหยูห่าว พวกเขากระตุ้นให้เขาตอบคำถาม
หวังเต็งลุกขึ้นและไปห้องน้ำ
เนื้อสัตว์อสูรดาราที่เขากินไปเมื่อตอนกลางคืนนั้นดีต่อการเผาผลาญของร่างกาย และมันก็ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
หลังจากปลดปล่อยสรรพสิ่งสู่ธรรมขาติ หวังเต็งก็เดินกลับไปหาซูเจี๋ยและเพื่อนๆของเขา ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ เขาก็สังเกตเห็นว่าเพื่อนๆของเขากำลังถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มคน นอกจากนี้ซูเจี๋ยและหยูห่าวก็ดูเหมือนจะกำลังทะเลาะกับพวกมัน
คนกลุ่มนี้ดูเหมือนกับพวกอันธพาล พวกมันมีต่างหูและรอยสักบนร่างกาย และพวกมันก็ดูไม่เหมือนคนที่จะสามารถล้อเล่นด้วยได้
หวังเต็งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นมันก็มีคนคนหนึ่งผลักซูเจี๋ยและตะโกนอย่างโกรธจัด “ ให้ตายเถอะ นังผู้หญิงนี่ทำให้เสื้อผ้าของฉันสกปรก แกคิดว่ามันจะจบลงได้ด้วยคำขอโทษรึยังไงกัน?”
“ แกรู้ไหมว่าเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่?”
“ แกมีตังพอจะชดใช้ไหม?”
“ แกมันเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ”
ขณะที่มันกำลังพูด คนข้างๆมันก็หัวเราะออกมา พวกมันกำลังเยาะเย้ยซูเจี๋ยและเพื่อนของเขา หยูห่าวไม่สามารถทนต่อความอัปยศอดสูนี้ได้
พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกของผู้ที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน มันก็จะมีผู้คนมากมายคอยประจบสอพลอพวกเขา
หากบุคคลนี้มีสถานะที่สูงกว่าพวกเขา มันก็ไม่เป็นไรที่จะทนทุกข์เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม พวกมันก็เป็นใครก็ไม่รู้ที่อยู่ๆก็เข้ามาหาเรื่อง
พวกเขาจะกลายเป็นเรื่องตลกของกลุ่มคนรวยรุ่นที่สองหากมีข่าวแพร่ออกไปว่าพวกเขาโดนคนพาลเตะตูด
การแสดงออกของซูเจี๋ยมืดมนลงเมื่อเขาถูกคนเหล่านี้ผลัก เขามักดูผ่อนคลายและประมาทอยู่เสมอราวกับว่าเขาเป็นศูนย์กลางของโลก อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้โง่
เขารู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยจำนวน นอกจากนี้ฝ่ายเขาก็ยังมีผู้หญิงอยู่อีก
หากเกิดความขัดแย้งขึ้นจริงๆ พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน
และพวกเขาก็อาจจะตายได้หากหาเรื่องใส่ตัวมากเกินไป!
ดังนั้น ซูเจี๋ยจึงแอบหายใจเข้าลึกๆและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพูดอย่างใจเย็นว่า “ คู่หู มันเป็นความผิดของพวกเราเองที่ทำให้เสื้อผ้าของนายต้องสกปรก เราผิดเอง เพราะฉะนั้นเราจะชดเชยให้กับนายก็ได้”
“ ทำไมนายถึงยอมมันล่ะ เห็นชัดๆว่าพวกมันเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องเรา”
“ ทุกคนที่นี่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และแม้ว่าเราจะแจ้งตำรวจ เราก็ยังเป็นฝ่ายถูก”
“ ไอ้บ้าเอ้ย แกคิดจะโทรแจ้งตำรวจอย่างงั้นหรอ? นี่พวกแกขู่ฉันอย่างงั้นหรอ?”
วัยรุ่นที่เสื้อผ้าสกปรกอายุประมาณ 20 ปี มันมีใบหน้าที่ดูน่ากลัว และดูเป็นคนไร้ยางอาย ดื้อรั้น และไร้เหตุผล เมื่อมันรู้สึกว่าซูเจี๋ยกำลังคุกคามมัน มันก็เริ่มตะคอกใส่เขา
“ ซูเจี๋ย ทำไมนายต้องยอมมันด้วย? พวกเราต่างก็เห็นเหมือนกันว่าไป่เว่ยยังไม่ทันได้ทำอะไรมันเลย มันต่างหากที่เป็นคนทำน้ำหกใส่ตัวเอง” หยูห่าวพูดอย่างโกรธเคือง
“ เจ้าหนู ถ้าแกไม่มีหลักฐานก็อย่ามาใส่ร้ายผู้อื่น” ชายหนุ่มที่ดูชั่วร้ายกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“ แกรู้ดีว่าฉันพูดจริงหรือเท็จ” หยูห่าวยืนขึ้นและชี้ไปที่ชายหนุ่ม
วัยรุ่นที่ดูชั่วร้ายหันมามองเขาอย่างใจร้อน มันพ่นลมหายใจและพูดว่า “ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว แค่ให้ตัวผู้หญิงมาดื่มกับเราสักสองสามแก้ว จากนั้นเราก็จะลืมเรื่องทั้งหมดนี้ไป แต่ถ้าไม่แล้วล่ะก็ั…ฮิฮิ”
“ แกพูดอะไรนะ? แกอยากตามมากใช่ไหม?” หยูห่าวระเบิดความโกรธออกมา
คนเหล่านี้ต้องการให้ไป่เว่ยไปดื่มกับพวกมัน และทุกคนต่างก็รู้ถึงเรื่องนั้นดี
ซึ่งคราวนี้มันก็ทำให้หยูห่าวรู้สึกโกรธมากจริงๆ
ซูเจี๋ยคิดขึ้นในใจทันที “ โอ้ เชี่ย!”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังวางกับดักสำหรับพวกเขา และในช่วงเวลาที่หยูห่าวฟิวส์ขาด มันก็จะไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อีก
“ หยูฮ่าว หยุดพูดได้แล้ว!” ไป่เว่ยดึงหยูห่าวกลับมา
ในเวลานี้ เธอก็รู้ดีว่าบรรยากาศมันเริ่มจะตึงเครียดมากขึ้น
“ เจ้าหนูน้อย แกกล้าดียังไงคิดจะมาฆ่าฉัน? วันนี้ฉันต่างหากจะเป็นฝ่ายฆ่าแก”
วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวส่งรอยยิ้มที่น่าขนลุกให้พวกเขาและก้าวไปข้างหน้า มันกำหมัดและซัดเข้าไปที่ใบหน้าของหยูห่าว
มันเป็นการเคลื่อนไหวที่โหดร้าย และทันทีที่มันลงมือ เจตนาฆ่าก็พุ่งออกมาจากมัน
“ ศิษย์นักสู้!”
มีคนอุทานด้วยความตกใจ
การแสดงออกของหยูห่าวเปลี่ยนไปในทันที เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเขาอย่างเด็ดขาดเช่นนี้
ในความเร่งรีบ เขาไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านชายคนนั้นโดยตรง เขาทำได้เพียงแค่ขยับไปด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยง
โชคดีที่หยูห่าวถูกพ่อลากไปเรียนศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเป็นศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นแล้ว หากเขาเป็นคนธรรมดา เขาก็อาจจะไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้
ทั้งผับตกอยู่ในความเงียบ
ซูเจี๋ยรีบดึงไป่เว่ยออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยอะไรไม่ได้
วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหยูห่าวประสบความสำเร็จในการหลบเลี่ยงการโจมตีของเขา อย่างไรก็ตาม มันก็วาดไปที่ขาของหยูห่าวอย่างรวดร็ว
หยูห่าวรีบคว้าเก้าอี้ข้างๆเขาเพื่อใช้ป้องกันลูกเตะ
ปัง
เก้าอี้เหล็กมีรอยบุบจากการเตะของวัยรุ่นที่ดูน่ากลัว เนื่องจากพละกำลังที่แตกต่างกัน หยูห่างจึงกระเด็นออกไปและกระแทกลงกับพื้น
โต๊ะและเก้าอี้ล้มละเลละนาดพร้อมกับเขา
ขวดแอลกอฮอล์แตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อพวกมันตกลงบนพื้น ไวน์หกไปทุกที่ ผับทั้งหมดดูวุ่นวายขึ้นมาในทันที
ชายและหญิงที่ร่าเริงก่อนหน้านี้กรีดร้องและซ่อนตัวอยู่ห่างไกล
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หนีออกไป พวกเขากลับซ่อนตัวอยู่ห่างๆเพื่อชมการแสดงแทน
“ แค่กๆ” หยูห่าวจับหน้าอกของเขาและไอสองสามครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าซี่โครงของเขากำลังหัก
เขารู้ว่าเขาทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองใจในครั้งนี้
หยูห่าวเพิ่งกลายมาเป็นศิษย์นักสู้เท่านั้น ในขณะที่เมื่อดูจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวก็น่าจะมีพลังประมาณศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ห่างจากขั้นกลางเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น
วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวดึงขาของเขาและเดินไปหาหยูห่าวอย่างช้าๆ
“ เจ้าหนูน้อย ท่าทีเย่อหยิ่งของแกมันหายไปไหนแล้วล่ะ?”
วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวเดินเข้าไปหาหยูห่าวและบีบบังคับให้เขาจนมุม มันมองลงมาที่เขาอย่างเย็นชาในขณะที่เยาะเย้ยเขาในเวลาเดียวกัน
“ ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน พ่อของฉันก็จะไม่ยกโทษให้แกแน่” หยูห่าวกัดฟันและพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว
“ เจ้าหนู นี่แกเป็นเด็กประถมรึยังไงกัน? พอสู้ไม่ได้ก็มาอ้างพ่อแบบนี้” วัยรุ่นที่ดูชั่วร้ายเยาะเย้ย
“ แก!”
ใบหน้าของหยูห่าวเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย
ซูเจี๋ยไม่สามารถปล่อยให้เพื่อนของเขาอับอายได้อีกต่อไป เขายืนขึ้นและพูดว่า “ เรายอมรับความพ่ายแพ้ของเราแล้วในวันนี้ บอกจำนวนเงินที่แกต้องการมา เรื่องมันจะได้จบๆ”
วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวส่ายนิ้วของมันไปมา
การแสดงออกของมันเต็มไปด้วยกความดูถูก
“ เด็กโง่ วันนี้ฉันจะสอนวิถีชีวิตให้พวกแกเอง ถ้าพวกแกไม่มีความสามารถมากพอ พวกเกก็อย่าเสนอหน้าคิดมาต่อรอง” วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวยกขาขวาของมันขึ้นและกวาดไปที่หัวของหยูห่าวอย่างโหดร้าย
บางคนทนดูฉากต่อไปไม่ได้แล้วหลับตาลง การแสดงออกของหยูห่าวและไปเว่ยเองก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
หากลูกเตะนี้กระทบเข้ากับหัวของหยูห่าว หยูห่าวก็จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน ดัไม่ดี หยูห่าวก็อาจจะลาจากโลกไปเลยตลอดกาล
พวกเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าวัยรุ่นที่ดูน่ากลัวคนนี้จะโหดเหี้ยมขนาดนี้
ปัง
ทุกคนได้ยินเสียงปะทะกันอย่างหนักแน่น
อย่างไรก็ตาม หยูห่าวก็ยังคงอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ในทางกลับกัน วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวก็ได้กระเด็นออกไปและกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง
“ พ๊วฟ!” มันกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ทุกคน รวมทั้งซูเจี๋ย,ไป่เว่ยและคนอื่นๆในผับต่างก็ตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้
ผู้ชมจ้องมองไปที่หวังเต็งผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าหยูห่าวอย่างสบายๆ
หวังเต็งใส่มือของเขาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบพร้อมกับพ่นควันออกจากปากเหมือนกับหัวหน้ามาเฟียสุดเท่ พร้อมทั้งพูดอย่างเฉยเมยว่า “ แกจะมาสั่งสอนเพื่อนฉันได้ยังไงกัน?”
ทันทีที่เขาพูดจบ หัวใจของเขาก็เต้นผิดจังหวะ
เมื่อวัยรุ่นที่ดูน่ากลัวคนนั้นกระแทกลงกับพื้น ฟองสบู่คุณสมบัติสองสามฟองก็กรอปออกมาเช่นกัน
“ แกสามารถดรอปคุณสมบัติแบบนี้ได้ด้วยอย่างงั้นหรอ?”
หวังเต็งควบคุมความอยากรู้อยากเห็นในหัวใจของเขา มันมีคนมากมายอยู่รอบตัวเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้
“ แก แก!”
ในที่สุดหยูห่าวก็ฟื้นความรู้สึกของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาตะกุกตะกัก และไม่รู้จะพูดอะไร
ซูเจี๋ยและไป่เว่ยมองไปที่หวังเต็งด้วยความตกใจเช่นกัน พวกเขารู้สึกราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นหวังเต็ง
“ ทำไมแกถึงยังไม่ลุกอีกล่ะ? พื้นมันเย็นสบายมากเลยรึไง” หวังเต็งหัวเราะและกล่าวว่า
“ พี่ชาย พี่เป็นพี่แท้ๆของฉันตั้งแต่นี้ไป พี่ช่วยพวกเราเอาไว้จริงๆ แต่เดี่ยวนะ นี่พี่ไปฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? พี่ปิดบังพวกเราอย่างงั้นหรอ” ซูเจี๋ยตะโกนอย่างตื่นเต้น
ไป่เว่ยเองก็มองไปที่หวังเต็งด้วยดวงตาที่วาววับตลอดเวลา
“ พอได้แล้ว ใครบอกว่าฉันปิดบังกัน? พวกนายไม่ได้ถามฉันเองนี่” หวังเต็งตอบอย่างช่วยไม่ได้
“ ไอ้บ้าเอ้ย กล้าดียังไงมาโจมตีฉัน รุมมัน! ฆ่าไอ้เด็กเหลือขอนี่ซะ!”
วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวปีนขึ้นจากพื้นและเช็ดเลือดออกจากริมฝีปากของมัน มันมีความเกลียดชังปรากฎในสายตาของมันในขณะที่มันตะโกนใส่คนที่อยู่ข้างๆมัน
“ ลูกพี่ ไอ้นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันนะ!” เพื่อนคนหนึ่งของมันมองไปที่หวังเต็งด้วยความหวาดกลัว
แม้แต่ศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นที่อยู่ห่างจากขั้นกลางเพียงครึ่งก้าวยังโดนเล่นจนอ่วมขนาดนี้ในการโจมตีครั้งเดียว งั้นในฐานะชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่ใช่ศิษย์นักสู้ พวกเขาจะไปทำอะไรได้?
“ ไร้ประโยชน์!” วัยรุ่นที่ดูชั่วร้ายเตะคนที่อยู่ข้างๆมันและตะโกนใส่หวังเต็ง “ เจ้าหนู บอกชื่อของแกมาถ้าแกกล้า”
ในทันใดนั้นหวังเต็งก็เดินไปข้างหน้า ในขณะที่มันก็เดินถอยหลังไป
หวังเต็งสัมผัสกับฟองสบู่อย่างเนียนๆและเก็บมันขึ้นมา
ความแข็งแกร่ง*15
ความเร็ว*12
“ ค่าคุณสมบัติมากมาย”
หวังเต็งรู้สึกทึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ค่าคุณสมบัติมากมายในครั้งเดียว
การฆ่าสัตว์ประหลาดจะทำให้คุณได้รับประสบการณ์มากขึ้น!
นี่มันเป็นวิธีที่ถูกต้องในการใช้บั๊กของฉันหรือเปล่านะ?
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและโยนเรื่องนี้ทิ้งไปชั่วขณะ นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะมาไตร่ตรองคำถามนี้
มุมปากของหวังเต็งโค้งงอขึ้นแล้วตอบว่า “ กลัวอะไร? ฉันชื่อหลี่หรงเฉิง ฉันจะให้เวลาแกครึ่งชั่วโมงในการโทรหาคนของแก ถ้าแกมาสาย ฉันก็จะไม่รอ”
“ โอเค รอฉันก่อนเถอะ” วัยรุ่นที่ดูน่ากลัวออกมาจากผับกุหลาบป่าในสภาพที่ซีดเซียว
หลังจากที่พวกมันจากไป ไป่เว่ยก็อดหัวเราะไม่ได้ “ พี่หวังเต็ง พี่มันแย่มาก ที่ไปโยนความผิดให้หลี่หรงเฉิง ถ้าเขารู้ว่าพี่ทำอะไร เขาก็อาจจะเกลียดพี่ไปจนตาย”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของหวังเต็ง มันไม่มีใครรู้ว่าหวังเต็งมีความบาดหมางต่อหลี่หรงเฉินอย่างไร ย้อนกลับไปในชีวิตที่แล้วเขา หวังเต็งไม่เคยมีความขุ่นเคืองระหว่างกันมาก่อน กระนั้น หลังจากที่ตระกูลหวังล้มละลาย อีกฝ่ายก็กลับไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาไป
“ เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ” หวังเต็งไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขาหันหลังและเดินออกไปจากผับ
“ เราจะไม่รอให้พวกเขากลับมางั้นหรอ?” หยูห่าวไม่เต็มใจที่จะจากไปเช่นนี้
หวังเต็งตบหัวเขาแล้วพูดว่า “ นี่นายเริ่มโง่หลังจากเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อย่างงั้นหรอ? เราไม่รู้ว่าพวกมันจะมากันกี่คน แค่นั้นยังม่พอ รู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันไปเอาศิษย์นักสู้ขั้นสูงมาช่วย? รู้อย่างงั้นแล้วยังอยากจะอยู่รอความตายอีกไหม?”
“ ถูกต้อง นายหุนหันพลันแล่นเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะพี่หวังเต็ง วันนี้นายก็คงจะโดนทุบตีจนตายไปแลว สวี่เจี๋ยอดไม่ได้ที่จะตำหนิหยูห่าว
“ ไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกมันก็คงจะมาตามหาฉันกันแล้ว อุ๊ปไม่สิ เดี๋ยวพวกมันก็คงจะมาตามหาหลี่หรงเฉิงกันแล้ว”
หลังจากที่หวังเต็งและเพื่อนๆออกจากผับ เขาก็ขับรถออกมาและหายตัวไปในยามราตรี ถ้าคนกลุ่มนั้นต้องการพบเขา พวกมันจะต้องใช้โชค…โชคแบบเยอะมากๆ
แม้ว่าพวกมันจะพบเขา แต่มันก็จะไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของพวกมัน…