ตอนที่ 172 เย่เฉินผู้ชั่วร้าย
ซัวเอี่ยมไม่ได้อยู่ในอาการโคม่า ดังนั้นเธอจึงได้ยินคําพูดที่ทรงอํานาจของเย่เฉินเธอพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถขยับร่างกาย
“เอาล่ะ น้องสาว ดูแลตัวเองด้วย ตอนนี้เจ้าไม่เหมาะที่จะขยับตัวแล้ว” เตียวหยูถอนหายใจและกล่าว
“ท่านเป็นถึงแม่ทัพผิงเปยแห่งต้าฮั่น ท่านยังเป็นเอิร์ลชั้นหนึ่ง…และท่ากับข้าก็ไม่เคยพบหน้าคร่าตากันมาก่อน เหตุใดท่านแม่ทัพถึงต้องกังขังข้า?” ซัวเอี้ยมมองไปยังเย่เฉินและถาม
เย่เฉิน ได้ที่ยินคําถามของซัวเอี้ยมก็เหลือบมองนางจากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า “เพราะข้าต้องการเจ้า”
ด้วยคําพูดที่ตรงไปตรงมาและไร้ยางอาย ซัวเอี่ยมจึงตกตะลึงในทันทีที่ได้ผิดคําพูดของเย่เฉิน
ซัวเอี่ยวคิดถึงข้อแก้ตัวที่เย่เฉินอาจจะพูดออกมา และได้คิดถึงวิธีการรับมือต่างๆ ตราบใดที่เย่เฉินกล่าวอ้างเรื่องใดๆออกมา เธอจะทําให้เขาพูดไม่ออก มันอาจจะทําให้เธอถูกปล่อยตัวในที่สุด
แต่เธอก็ไม่คิดว่าเย่เฉินจะพูดแบบนี้ ประโยคที่ว่า “ข้าต้องการเจ้า” นั้นเรียบง่ายและไร้ยางอายอย่างมาก มันได้ทําลายความคิดที่เธอคิดมาทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง มันเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน
“ข้า…ข้า…” ซัวเอี๋ยมเปิดปากเธอแต่ก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวต่ออย่างไร แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมา
เมื่อเห็นเรื่องนี้เตียวหยูก็รีบเข้าไปปลอบซัวเอี่ยม
เย่เฉินขดริมฝีปากแล้วพูดว่า:
“ร้องไห้ออกมา เจ้าจะต้องร้องไห้มากกว่านี้ไม่ช้าก็เร็ว อย่ากลั่นเอาไว้มันจะทําใหแจ้ารู้สึกอึดอัด ในอนาคต เจ้าต้องร้องไห้บ่อยขึ้น จนชินชา และร้องไห้ออกมาไม่ได้อีกต่อไป เพราะว่าเจ้าจะต้องอยู่ในนครหลุนฮุยไปตลอดชีวิต อีกไม่นานเจ้าก็จะชินไปเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซัวเอี้ยมก็ยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้น
ทันใดนั้นเธอก็ค้นพบว่าแม่ทัพผิงเปยแห่งจักรวรรดิฮั่นที่ยิ่งใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอกลับกลายเป็นโจรร้าย ที่หยิ่งยโสไร้ซึ่งเหตุผลและความเมตตา
ในตอนแรก เธอยังคงคิดที่จะให้ซัวหยงบิดาของเธอพาเธอออกไปจากที่นี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย
เธอรับรู้ได้ว่า เย่เฉินตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะกังขังเธอไว้ และไม่มีทางปล่อยให้เธอออกจากนครหลนฮุยแห่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ซัวเอี้ยมก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้น
เดิมที่เธอกําลังจะเดินทางไปยังกังตั๋งเพื่อแต่งงาน และได้หยุดพักที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกพาตัวมายังนครหลุนฮุย
เธอเต็มใจมายังที่นี้โดยไม่ต่อต้านเพราะว่าต้องการหลีกหนีจากโจรภูเขา
เธอคิดว่าจะอยู่ที่นี้ไม่นานนัก แต่ตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นถึงเย่เฉินจะไม่แตะต้องเธอแต่เขาก็ไม่ปล่อยเธอไป เธอจะทําอะไรมันก็ไร้ประโยชน์
ใครก็ตามที่รู้เรื่องนี้ไม่มีทางเข้าใจอย่างง่ายๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรมากที่ผู้หญิงที่กําลังจะแต่งงานกลับมาอาศัยอยู่ในบ้านของผู้อื่นเป็นเวลานาน
คนหนึ่งพูด สองคนพูด แล้วทุกคนในโลกก็จะรู้เรื่องนี้ ไม่มีที่สําหรับเธอในสังคมอีก
นอกจากนี้ซัวหยงผู้เป็นบิดาของเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ชื่อเสียงของเธอและบิดาจะต้องถูกทําลายอย่างแน่นอน ผู้คนจะต้องดูหมิ่นและเหยียดหยามและอาจส่งผลต่อตําแหน่งของบิดาเธออีกด้วย
“ท่านพี่..” เตียวเสี้ยนดึงเย่เฉิน และต้องการกล่อมเย่เฉินไม่ให้พูดแบบนั้น
จะอย่างไรก็ตามซัวเอี้ยมก็ยังเป็นหญิงสาวคนหนึ่งด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ควรถูกปฏิบัติอย่างหยาบคาย
เย่เฉินจ้องมองที่เตียวเสียน จากนั้นมองไปที่ซัวเอี่ยมแล้วพูดว่า:
“ข้าได้รับคําสั่งให้ปราบกลุ่มกบฏ ข้าจะต้องออกในวันพรุ่งนี้ ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่าอาวุธและทรัพยากรบางส่วนในเมืองปังเป็ง มาจากตระกูลเว่ยแห่งเมืองกังตั้ง”
ทันทีที่ได้ยินคําพูดของเย่เฉินซัวเอี่ยมก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายของเย่เฉินในทันที
นี่คือแผนจัดการตระกูลเว่ย
“ท่าน…ท่าน…ท่านทําได้ยังไง…” ซัวเอี่ยมตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
“พวกสกปรกนั้น ข้าจะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร” เย่เฉินถามด้วยมุมปากที่โค้งงอ
“ตระกูลเว่ยแห่งกังตั้งเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง ทําไมท่านถึงทํากับพวกเขาแบบนี้ ท่านเป็นถึงแม่ทัพผิงเป่ยแห่งจักรวรรดิฮั่น!” ซัวเอี่ยมตะโกนด้วยความโกรธ
“ใครที่ขวางเส้นทางของข้า มันผู้นั้นเป็นศัตรู ไม่ต้องพูดถึงหลักฐานใดๆ! นอกจากนี้ ข้าอยากถามเจ้าว่า เจ้าอยากให้ชื่อเสียงของเจ้าถูกทําลายหรือไม่?” เย่เฉินหยุดครู่หนึ่งเมื่อเขาพูดออกไปแล้วถามด้วยน้ําเสียงที่ลึกล้ํา:
“หรือว่าเจ้าเต็มใจที่จะแต่งงานกับเว่ยจงเต๋ ผู้ซึ่งไม่เคยพบหน้ากัน ไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกต่อกันเท่านั้น แต่เขายังสามารถตายได้ทุกเมื่ออีกด้วย!”
เมื่อซัวเอี้ยมได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันทีจากนั้นจากนั้นก็เงียบไป
สิ่งที่เย่เฉินพูดคือสิ่งที่เธอคิดเช่นกัน
สิ่งที่เย่เฉินกล่าว คือสิ่งเธอกําลังหลบเลี่ยงไม่อยากเผชิญกับปัญหานี้อีก
แต่ตอนนี้ เย่เฉินได้กล่าวว่าเธอหลายครั้ง และหลังจากที่เขาถามอีกครั้ง ในที่สุดเธอก็ต้องเริ่มเผชิญกับปัญหานี้อย่างตรงไปตรงมา
อันที่จริงในหัวใจของเธอ เธอก็ไม่ชอบการแต่งงานที่ซัวหยงจัดให้เธอ
อย่างไรก็ตาม นี้คือคําสั่งของผู้ปกครองและคําพูดของบิดาเป็นกฎเหล็กของยุคนี้
หากกล้าที่จะไม่เชื่อฟัง เจ้าจะถูกคนหลายพันคนกล่าวหาและดุด่าอย่างแน่นอน
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหนทาง
เมื่อเห็นการแสดงออกของซัวเอี่ยม เย่เฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มารดามันเถอะ นี่มันง่ายไปไหม…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่เฉินก็พูดด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นอีกครั้ง:
“ข้าช่วยเจ้าแก้ปัญหานี้ได้กับซัวหยง ข้าจะส่งคนไปเจรจาโดยไม่ทําให้เจ้าต้องอับอาย”
ซัวเอี้ยมกัดริมฝีปากของเธอเมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้วถามว่า: “แล้วตระกูลเว่ย..”
“ช่างมันปะไร!” เย่เฉินพ่นลมหายใจและหันกลับไปพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อของเขา
เมื่อเดินออกไปจากห้อง มุมปากของเย่เฉินก็ยกขึ้นทันที
ในที่สุด การแสร้งเป็นคนชั่วก็ไม่เปล่าประโยชน์…
ซัวเอี่ยมตกเป็นของข้า!
ในตอนนี้เตียวเสี้ยน เดินออกมาด้านข้างของเย่เฉินโดยกลั้นรอยยิ้มไว้
เมื่อเห็นท่าทางของเตียวเสี้ยน เย่เฉินก็ตระหนักได้ในทันทีว่าเตียวเสี้ยนนั้นมองออกถึงการเล่นละครของเขา
เย่เฉินจ้องไปที่เตียวเสี้ยน จากนั้นใช้นิ้วปัดผมบนหน้าผากของเตียวเสี้ยนและพูดด้วยเสียงเบาว่า “คืนนี้ไปนอนที่ห้องของเจ้า”
“พี่สาวก็พูดเหมือนกัน นางต้องการดูแลน้องสาวซัวเอี่ยมในคืนนี้” เตียวเสี้ยนยิ้มหวานแล้วพูดเบา ๆ
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วจากไปพร้อมกับเตียวเสี้ยนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
รุ่งสางของวันรุ่งขึ้นเย่เฉินออกจากห้องนอนของเตียวเสี้ยนและเดินทางไปยังค่ายทหารทันที
สนามของค่ายทหารเหล่าธหารถือธง และหอกยาวเรียงรายเหมือนผืนป่า
จูล่ง, เตียวเมิ่ง และกุยแก กําลังรออยู่ที่นี่แล้ว ด้านหลังพวกเขามีทหารในกองทัพหลุนฮยอยู่หนึ่งแสนนาย
เย่เฉินเดินขึ้นบนแท่นสูงและมองดูทหารที่อัดแน่นอยู่ในเมืองหลุนฮุย
“พริบ”
ทหารหนึ่งแสนนายคุกเข่าข้างหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง
“คารวะท่านลอร์ด!”
ทหารหนึ่งแสนนายตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกัน
ความยิ่งใหญ่ ความน่าเกรงขาม เลือดเนื้อที่เป็นดั่งเหล็กกล้า ลมหายใจที่น่าหวาดหวั่นถูกปล่อยออกมาจากทหารหนึ่งแสนนายของเมืองหลุนฮุยในเวลานี้
เย่เฉินพยักหน้าแล้วตะโกน: “วันนี้ข้าจะส่งกองกําลังไปพิชิตเตียวหุ่นผู้ดื้อรั้น พวกเจ้าพร้อมกันหรือไม่!”
“ฆ่า! ฆ่า ฆ่า!”
ทหารหนึ่งแสนนายยกหอกในมือและตะโกนเสียงดังลั่น
เย่เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วตะโกน:
“ในการเดินทัพและการต่อสู้ จะมีรางวัลสําหรับผลงานและการลงโทษ! ถ้าพวกเจ้าตายในสนามรบ พ่อแม่และลูกๆและครอบครัวของพวกเจ้าจะได้รับการดูแลจากเมืองหลุนฮุย พวกเจ้าจะได้รับเงินบํานาญรายเดือนและทุ่งนา 10 ไร่ พวกเจ้าจะได้รับรางวัลสําหรับการเสี่ยงชีวิต!”
เสียงหายใจหนัก ๆ ดังขึ้น
ทหารใหม่จํานวน 65,000 นาย ได้ยินเรื่องนี้มาจากทหารเดิมอยู่แล้ว
ตอนนี้เย่เฉินกล่าวออกมาด้วยตัวเอง พวกเขาเริ่มตื่นเต้นอีกครั้ง
การเป็นทหารไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความต้องการให้ครอบครัวของพวกเขามีชีวิตที่ดี
สิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นเรียบง่ายมาก ตราบใดที่มีอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และทุ่งนา มันเป็นชีวิตที่ดีของพวกเขาแล้ว
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองหลุนฮุย สิ่งที่พวกเขาต้องการก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด
และตอนนี้ คําพูดของเย่เฉนได้แก้ไขความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา
สิ่งที่พวกเขาต้องทําง่าย ๆ คือหยิบอาวุธในมือของพวกเขาและติดตามเย่เฉิน เพื่อสร้างความรุ่งโรจน์ไปตลอดชีวิต
ตอนต่อไป →