บทที่ 109 หยี่งเชิงนวิยา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

สำหรับตอนนี้ ความเป็นไปได้ที่จะเป็นนวิยานั้นมากที่สุด เธอใกล้ชิดกับนัทธีขนาดนั้น ก็ถูกทำเป็นว่าแย่งผู้ชาย นับประสาอะไรกับพิชญาที่เคยหมั้นกับนัทธี

และฆ่าเธอทิ้ง ค่อยโยนความผิดพิชญา นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย งั้นนัทธีก็จะเป็นของนวิยาโดยสิ้นเชิง

คิดไป วารุณีก็ตบก้นเล็กๆ ของอารัณ“รีบไป หม่ามี๊กลับห้องไปเปลี่ยนชุด”

“โอเค ผมรู้แล้ว ผมจะไปบอกคุณยาย”อารัณคลานลงโซฟา วิ่งออกไปด้านนอกดังปังปังปัง

หนึ่งชั่วโมงครึ่งถัดมา วารุณีก็มาถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย

เดิมทีเธอคิดว่าระหว่างทางที่มา จะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เลยกังวลอยู่ตลอดเวลา

แต่ดีที่สุดท้ายไม่เกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนคนที่อยู่เบื้องหลัง ยังไม่กล้าลงมือกับเธอโจ่งแจ้ง ทำให้เธอสบายใจขึ้นเยอะ

“คุณนวิยา”วารุณีเคาะประตูห้องคนไข้นวิยา

นวิยากำลังนั่งอ่านหนังสือบนเตียง ได้ยินเสียงของเธอ ก็เงยหน้ามอง“คุณวารุณีเหรอคะ รีบเข้ามาสิ”

วารุณีเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

“นั่งค่ะ!”นวิยาชี้ไปที่เก้าอี้ข้างเตียง

“ขอบคุณค่ะ”วารุณีลากเก้าอี้ออกมานั่งลง

นวิยาปิดหนังสือในมือลง วางไว้ที่หัวเตียง“คุณวารุณีทำไมมาหาฉันได้คะ?”

สายตาวารุณีเป็นประกายเล็กน้อย ตอบไปว่า“ฉันมาหาพงศกรค่ะ แต่เขาไม่อยู่ห้องตรวจ ฉันคิดว่าเขาอยู่ที่นี่กับคุณ ก็เลยมาที่นี่ค่ะ”

“พงศกรเพิ่งกลับไปห้องตรวจค่ะ ระหว่างทางที่มาคุณวารุณีไม่เห็นเหรอคะ?”นวิยาหรี่ตาลงเล็กน้อย

วารุณีเอาผมทัดหู“เหรอคะ งั้นฉันน่าจะคลาดกัน เดี๋ยวฉันส่งข้อความไปให้เขา”

พูดจบ เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ทำเป็นกดอะไรที่โทรศัพท์

หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที วารุณีก็ปิดโทรศัพท์วางกลับไปในกระเป๋า“คุณนวิยา ฉันรอพงศกรในห้องคุณได้ไหมคะ เดี๋ยวเขาจะมาหาฉัน”

“ได้ค่ะ”นวิยาพยักหน้า

วารุณียิ้มอย่างขอบคุณ“ขอบคุณนะคะ”

“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”นวิยาจ้องไปที่เธอ

วารุณีถูกเธอมองก็รู้สึกแปลกๆ ก็ลูบหน้าของตัวเองโดยจิตใต้สำนึก“คุณนวิยา หน้าฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“เปล่าค่ะ แค่เห็นว่าเหมือนคุณวารุณีจะอ่อนล้ามาก ไม่ค่อยได้พักผ่อนเหรอคะ?”นวิยาเอนไปที่หัวเตียง

วารุณีละสายตาลง ปกปิดความเป็นประกายในดวงตา“มีบางอย่างค่ะ เมื่อคืนเกิดเรื่องนิดหน่อย”

“อ้อ?เรื่องอะไรเหรอคะ?”นวิยาเหมือนจะสนใจมาก รีบเข้าไปใกล้เธอแล้วถาม

วารุณีเงยตามองนวิยา“มีคนอยากทำร้ายฉัน”

“อะไรนะคะ?”นวิยาตกใจ สักพักถึงพูดออกไปว่า“งั้นคุณแจ้งความยังคะ?”

“แจ้งแล้วค่ะ แต่ยังจับฆาตกรไม่ได้”วารุณีส่ายหน้าอย่างเสียใจ

นวิยายกมือที่ผอมติดกระดูกขึ้นมา ตบไหล่ของเธอ“ไม่เป็นไรค่ะ จะต้องจับได้แน่ อย่าท้อนะคะ แต่ว่าทำไมฆาตกรถึงจะทำร้ายคุณล่ะคะ?”

“เพราะเธอรู้สึกว่า ฉันแย่งแฟนของเธอ”วารุณียิ้มอย่างขมขื่น

นวิยาตบไปที่ผ้าปูที่นอนอย่างขุ่นเคือง“นี่มันมากเกินไปแล้ว แค่รู้สึกก็จะทำร้ายคนเลยเหรอ จิตใจอำมหิตจัง”

“ใช่ อำมหิตมาก รอฉันจับเธอได้ก่อน ฉันจะให้เธอได้ลิ้มรสความรู้สึกที่เกือบจะตายเช่นกัน”วารุณีกำหมัดไว้ ทำเป็นพูดจาแรงๆ

“สมควรแล้วค่ะ”นวิยาพยักหน้าเห็นด้วย

วารุณีขมวดคิ้วอย่างไม่อาจทำอะไรได้

เธอจงใจพูดว่ามีคนจะฆ่าเธอต่อหน้านวิยา และก็จงใจพูดว่าถ้าจับคนที่จะฆ่าเธอได้ จะเอาคืนอย่างไรดี เพราะอยากดูว่านวิยาจะมีการตอบสนองที่ปิดปกติหรือไม่

แต่ที่น่าเสียใจคือ นวิยาไม่มีความผิดปกติใดๆ สถานการณ์แบบนี้ ถ้านวิยาไม่ได้แสดงเก่ง จนหลอกเธอได้ ก็คงไม่รู้เรื่องจริงๆ

“คุณวารุณี คุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ?”นวิยายื่นมือออกไป โบกมือตรงหน้าวารุณี

วารุณีได้สติคืนมา ก็ยิ้มด้วยมุมปาก“ไม่มีอะไรค่ะ กำลังคิดว่าทำไมพงศกรยังไม่มาอีก”

“ไม่งั้น คุณลองโทรถามไหมคะ?”นวิยาชี้ไปที่กระเป๋าของเธอ แล้วเสนอความเห็น

วารุณีส่ายหน้าอย่างร้อนตัว“ยังดีกว่าค่ะ บางทีเขาอาจจะมีคนไข้ฉุกเฉิน ฉันรอก่อนดีกว่า”

“คุณวารุณีมีความอดทนดีนะคะ”นวิยาจัดท่านั่งดีๆ แล้วพูด

“รอคนเหรอคะ สมควรแล้วค่ะ”วารุณีหัวเราะ

นวิยามองรอยยิ้มที่สดใสของเธอ สายตาก็มีความอิจฉาแวบเข้ามา แล้วก็หายไปทันที“คุณวารุณี เคยมีคนบอกคุณไหมคะ ว่าคุณหน้าตาดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของคุณ เป็นดวงตาที่เปล่งประกายที่สุด สวยที่สุดที่ฉันเคยเคจอเลย”

คำพูดที่ชื่นชมกะทันหัน ทำให้วารุณีอดไม่ได้ที่จะตะลึง จากนั้นก็ทัดผมอย่างเขินอาย“ไม่เห็นต้องโอเวอร์ขนาดนี้เลยค่ะ”

“ฉันพูดจริงๆ ค่ะ คุณวารุณี ฉันลูบตาของคุณได้ไหมคะ?”นวิยามองไปที่เธออย่างมีความหวัง

วารุณีอยากจะปฏิเสธ แต่สายตาของนวิยา ทำให้เธอไม่อาจพูดปฏิเสธออกไปได้ ลังเลเล็กน้อย แล้วก็ยอม

“ดีจัง ขอบคุณนะคะคุณวารุณี”นวิยาปรบมืออย่างดีใจ

วารุณีก้มหน้าลง เอาหน้าไปเข้าใกล้เธอ

นวิยายกมือขึ้น ลูบตาของวารุณี

นิ้วมือที่เย็นเฉียบของเธอลูบไล้ใกล้กับเบ้าตาของวารุณี การกระทำนั้นอ่อนโยนเหมือนปฏิบัติกับสมบัติที่หายาก ทำอยู่นานถึงคลายออกอย่างไม่อยากจากไป

“สวยจริงๆ ด้วย ฉันชอบดวงตาคู่นี้มากจริงๆ เลย คุณวารุณี คุณจะต้องรักษาพวกมันให้ดีๆ นะคะ อย่าให้ พวกมันได้รับบาดเจ็บใดๆ ล่ะ”นวิยาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน

แต่ไม่รู้ว่าทำไม ได้ยินเข้าหูของวารุณีแล้ว กลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่น ไม่สบายแปลกๆ

แต่เธอไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม“แน่นอนค่ะ นี่คือดวงตาของฉัน ในฐานะดีไซเนอร์เสื้อผ้า ฉันจะต้องปกป้องพวกมัน”

“งั้นก็ดีค่ะ”เหมือนว่านวิยาจะพอใจกับคำตอบ พยักหน้าอย่างวางใจ

วารุณียืนขึ้นมา“คุณนวิยา ในเมื่อพงศกรยังไม่มา งั้นฉันไปหาเขาเลยดีกว่า คุณพักผ่อนเยอะๆ นะคะ ฉันไม่รบกวนแล้ว”

เธอมาที่นี่ ก็เพื่อมาหยั่งเชิงนวิยา

แต่ก็หยั่งเชิงแล้วไม่ได้อะไรมาเลย เลยไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ต่อ

นวิยาได้ยินว่าวารุณีจะไป ก็ไม่ได้ห้ามเธอ ตอบอือเห็นด้วยไป“ค่ะ คุณวารุณีเดินดีๆ นะคะ”

วารุณีพยักหน้าให้

พอเธอไป รอยยิ้มที่ใบหน้านวิยาก็หุบลง กลายเป็นความเย็นชา

จากนั้น เธอก็เปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบเอกสารฉบับหนึ่งจากข้างใน บนเอกสารมีตัวอักษรใหญ่ๆ ว่า‘ความเสียหายของกระจกตา’ทิ่มเข้าตาเธออย่างจัง

แต่แป๊บเดียว เธอก็คิดอะไรได้ นิ้วมือค่อยๆ ลูบประโยคนี้ มุมปากก็โค้งขึ้นมาจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวได้

วารุณีออกไปจากห้องคนไข้ของนวิยาแล้ว ก็ไปที่แผนกสมอง เตรียมไปทักทายพงศกร

ไม่อย่างนั้นถึงตอนนั้นนวิยาถามถึงพงศกร ว่าเธอมาหาเขาหรือไม่ จะแย่เอาได้

“พงศกร”วารุณียืนหน้าประตูห้องตรวจพงศกร เคาะเบาๆ

พงศกรกำลังก้มหน้าลงเขียนอะไรบนโต๊ะทำงาน ได้ยินเสียงของเธอ ก็เงยหน้าขึ้นอย่างดีใจ“คุณมาได้ไง?”

“ฉันมาเอายาที่โรงพยาบาลค่ะ”วารุณีโกหกอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าใดๆ

พงศกรยืนขึ้นมาทันที มาตรงหน้าเธออย่างกังวล“เอายา คุณป่วยเหรอ?”

“เปล่าค่ะ ก็แค่ยาที่ทาบนแขน”วารุณีลูบแขนข้างนั้นที่บาดเจ็บเมื่อวาน

พงศกรโล่งอก“ที่แท้ก็แบบนี้”

วารุณีเดินเข้าไปในห้องตรวจเขา

พงศกรเทน้ำแก้วหนึ่งให้เธอ“ใช่สิ เรื่องเมื่อคืน ได้เรื่องอย่างไรบ้าง มีความคืบหน้าไหม?”

วารุณีถือแก้วน้ำไว้ ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรงหน่อยๆ “ไม่มี และวันนี้ตอนเช้าก็เกือบจะตายอีกแล้ว”

“อะไรนะ?”พงศกรบีบแก้วกระดาษของตัวเองแน่น จนแก้วกระดาษถูกบีบจนกลม น้ำข้างในก็ราดลงบนมือของเขา แต่เขาไม่รู้สึกลวกเลย สีหน้าหม่นลงอย่างน่ากลัว

เป็นครั้งแรกที่วารุณีเห็นพงศกรโกรธแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ตอนจะพูดอะไรนั้น

พงศกรก็ทิ้งแก้วกระดาษ จับไหล่ของเธอ ถามด้วยน้ำเสียงรีบร้อน“วารุณี คุณไม่บาดเจ็บใช่ไหม?”