บทที่ 117 ข้าไม่ได้ไปพนัน (ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 117 ข้าไม่ได้ไปพนัน (ต้น)

“โต้กลับ?” ฉู่ชูเหยียน แสดงสีหน้างุนงง “เจ้ากำลังเรียกการพนันว่าเป็นการตอบโต้กลับงั้นเหรอ”

“แน่นอน” ซูอันตอบตามความเป็นจริง “ในตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ สำหรับตระกูลฉู่ ที่จะจัดการกับองค์กรใต้ดินเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ใครจะคิดว่าชื่อเสียงทั้งหมดของตระกูลชื่อกลับมีเอาไว้แค่เพียงอวดอ้างเฉย ๆ เท่านั้น ดังนั้นข้าจึงทำได้แค่ลงมือด้วยตัวเองตามวิธีของข้า”

“เจ้าตั้งใจจะทำอะไร” ฉู่ชูเหยียน ถาม

“ทำอะไรงั้นเหรอ? เหอะ ๆ ข้าจะโกยเงินของพวกมันทั้งหมดมาใส่กระเป๋าของข้าเองยังไงล่ะ!” ซูอัน พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

เสวี่ยเอ๋อร์เยาะเย้ยคำพูดของ ซูอัน “สรุปแล้วก็คือเจ้าจะเล่นพนันอยู่ดีไม่ใช่เหรอไง?”

ซูอัน ส่ายหัวและตอบกลับ “มันจะเรียกว่าเล่นพนันได้ก็ต่อเมื่อมีความเสี่ยงเท่านั้น แต่ถ้าหากข้ามั่นใจว่าจะชนะทั้งหมดมันจะเป็นการเรียกว่า ‘การถอนเงิน’ จุดประสงค์ที่บรรพบุรุษตระกูลสั่งห้ามไม่ให้คนรุ่นหลังทั้งหมดเล่นการพนันก็เพราะว่าเขากลัวว่าประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยเหมือนในอดีตที่ตระกูลเกือบล่มสลายเพราะการพนัน แต่ถ้าหากบรรพบุรุษผู้นั้นได้รู้ว่าหนึ่งในลูกหลานของเขาได้มาแต่งงานกับเทพเจ้าแห่งการพนันที่ไม่มีวันแพ้การเดินเดิมพันแม้แต่ครั้งเดียว ข้ามั่นใจว่าบรรพบุรุษผู้นั้นคงต้องยกนิ้วโป้งและยินดีจนน้ำตาไหลแน่นอน!”

ฉู่ชูเหยียน ขมวดคิ้วทันทีและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่มีนักพนันในโลกคนไหนที่คิดว่าก่อนเดิมพันเขาจะเสียเงิน แต่ท้ายที่สุดเจ้าไม่เห็นหรือไงว่ามีกี่คนที่ร่ำรวยจากมัน? ผู้คนส่วนใหญ่ต่างหมดตัวจากการพนันแทบทั้งนั้น!”

ซูอัน หยิบถุงเงินออกจากเสื้อคลุมของเขาและพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวลข้าจะไม่ใช้เงินของตระกูลฉู่ เงินทั้งหมดนี้เป็นเงินของดอกบ๊วยสิบสาม ที่ข้าได้มาเมื่อตอนช่วงเย็น ดังนั้นต่อให้ข้าจะเสียมันจนหมดจริง ๆ มันก็เท่ากับว่าเป็นการคืนเงินไปให้กับเจ้าของเดิมของมัน ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องรู้สึกแย่อะไรให้มันมากหรอกน่า”

ฉู่ชูเหยียน เม้มปากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจ้อง ซูอัน อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ก็ได้ ไหน ๆ ข้าก็เลือกให้เจ้ามาแต่งงานกับข้าแล้วดังนั้นข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน!”

คำพูดนี้ของตอนในตอนนี้ทำให้ นางเองรู้สึกประหลาดใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่านางพูดมันออกมาได้ยังไงเพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนนางคงไม่พูดมันไม่แน่นอน ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกว่า ซูอัน ในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก หืมเดี๋ยวนะ? ทำไมข้าถึงต้องคิดอะไรให้มากมายกับเขาขนาดนี้ด้วย?

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสวี่ยเอ๋อร์ เขย่งขากระซิบข้างหูของ ฉู่ชูเหยียน ว่า “คุณหนูใหญ่ ข้าคิดว่าไอ้คนผู้นี้มันคงไม่มีแผนอะไรมากหรอก มันคงแค่อยากจะเข้าไปในบ่อนเพื่อเล่นการพนันก็แค่นั้น ดังนั้นต่อให้ท่านจะปฏิเสธเขาตอนนี้ ข้าคิดว่าเขาก็คงจะมาคนเดียวในภายหลัง ฉะนั้นข้าแนะนำให้ท่านปล่อยให้เขาเล่นไปให้หนำใจจนเงินหมดตัวภายใต้สายตาของท่าน เพื่อในตอนท้ายที่สุดเขาจะได้เลิกคิดเรื่องการซื้อบ้านและเลี้ยงสาวใช้สวย ๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นชื่อเสียงของท่านคงจะแปดเปื้อนเพราะเขาอีกแน่นอน”

ฉู่ชูเหยียน พยักหน้าเล็กน้อย นางพบว่าตัวเองเห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่เสวี่ยเอ๋อร์พูด ถ้า ซูอัน คิดพิเรนท์เอาเงินของเขาทั้งหมดไปไปซื้อบ้านในเมืองพร้อมกับจ้างสาวใช้มาปรนเปรอตัวเขาเองจริง ๆ แบบนั้นชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตระกูลฉู่ คงจะป่นปี้แน่นอนจริงไหม?

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคำกล่าวที่บอกว่า ผู้ชายไม่ควรมีเงินเยอะ

“ได้ แต่ข้าจะอนุญาตให้ครั้งนี้แค่ครั้งเดียว และถ้าเจ้าหมดเงินเมื่อไหร่เจ้าจะต้องออกไปกับข้าทันทีโดยไม่มีข้อแม้ ไม่งั้นก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายที่ต้องลากเจ้าออกไปต่อหน้าผู้คนมากมาย” ฉู่ชูเหยียน พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

ซูอัน ถอนหายใจด้วยสีหน้าเหนื่อยใจและตอบกลับ “ที่จริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้กำลังกับข้าเลย เหยียนเอ๋อร์ เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการกับข้า ข้าไม่คิดจะต่อต้านอะไรเจ้าอยู่แล้ว”

ฉู่ชูเหยียน พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด ไอ้คนไร้ยางอายผู้นี้ทำไมมันถึงชอบพูดจาแบบนี้นักนะ!

แต่แล้วในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปในบ่อน จู่ ๆ เสวี่ยเอ๋อร์ก็กุมท้องของนางเองและร้องอุทานออกมาเสียงดังให้ ฉู่ชูเหยียน ได้ยินจนต้องหันมา

เสวี่ยเอ๋อร์ เดินกุท้องไปหา ฉู่ชูเหยียน และกระซิบเบา ๆ สองสามคำซึ่ง ฉู่ชูเหยียน พยักหน้าตอบและเอ่ยว่า “ไปเถอะ กลับมาหาเราเมื่อเสร็จแล้ว”

“ขอบคุณมาก คุณหนู”

เมื่อเห็นเสวี่ยเอ๋อร์จู่ ๆ ก็รีบเดินออกไป ซูอัน ก็ขมวดคิ้วหันไปหาฉู่ชูเหยียน และกับนาง “นางเป็นอะไรไป?”

ฉู่ชูเหยียน หันกลับมาถลึงตาใส่เขาทันทีและพูดว่า “มันเป็นเรื่องของผู้หญิง อย่าพยายามสอดรู้สอดเห็นให้มันมากนัก!”

“ก็ได้ ๆ ข้าไม่ยุ่งก็ได้” ซูอัน ตอบกลับด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ เขาสามารถเดาได้เช่นกันแม้ว่า ฉู่ชูเหยียน จะไม่ได้อธิบายออกมาให้ได้ยิน

จากนั้นเมื่อคนทั้งคู่เข้าไปในบ่อน แค่เพียงเวลาไม่นานทั้งสองคนก็กลายเป็นจุดเด่นอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและงามสง่าของ ฉู่ชูเหยียน มันช่างขัดแย้งกับความพลุกพล่านในบ่อน

บรรดาผู้ที่แวะเวียนไปที่บ่อนมักจะเป็นคนเฮฮา แต่รูปลักษณ์ที่งามสง่าและเย็นชาของ ฉู่ชูเหยียน ปลุกเร้าความต้องการของบรรดาชายหนุ่มจำนวนมาก จนบางคนถึงกับเริ่มพยายามจะเข้ามาพูดคุยด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนมากมายที่จำนางได้และห้ามเพื่อนของพวกเขาไม่ให้ทำอะไรโง่ ๆ อย่างรวดเร็ว

“เจ้าเบื่อชีวิตนักเหรอไง? นั่นคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่!”

“ว้าว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงสวยขนาดนี้! ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นใครกันที่กำลังยืนยิ้มร่าอยู่ข้างนาง?”

“เขาคงเป็นสามีของ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ ที่เป็นลูกเขยคนนั้น”

“เอ…ข้าไม่เห็นว่าเขาจะดูวิเศษวิโสตรงไหน นี่เขาเอาชนะใจคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ ได้ยังไงกัน?”

“ข้าก็สงสัยเหมือนกัน เท่าที่ข้ามอง ๆ ไป ข้าว่ามันมีดีก็แค่หน้าตาเท่านั้นเอง ซึ่งผู้ชายแบบนี้มันไว้ใจไม่ได้เลย!”

“บัดซบเอ๊ย! ไอ้เด็กเวรนั่นโชคดีชะมัด!”

……

ผู้คนมากมายต่างก่นด่าสาปแช่ง ซูอัน กันเกรียวกราวซึ่งมันทำให้ซูอันรู้สึกดีเป็นอย่างมากเพราะคะแนนความโกรธของเขากำลังพุ่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เขารู้สึกว่าหลังจากนี้เขาควรจะออกมาเดินเล่นกับภรรยาของเขาให้บ่อยขึ้น เพราะมันจะทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคะแนนความโกรธไม่พอใช้แน่นอน

“คุณหนูใหญ่ฉู่ บ่อโกยเงินของเราขอต้อนรับ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านมาที่นี่มีธุระอะไรงั้นหรือ?”

ผู้จัดการของบ่อนคือดอกบ๊วยเจ็ด ทันทีที่เขาได้รับข่าวการมาถึงของ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ เขาก็รีบออกมาต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ แต่ในใจของเขานั้นรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกันที่จู่ ๆ นางก็โผล่มาแบบนี้

นางมาที่นี่เพื่อจัดการกับพวกเขารึเปล่า? เมื่อครู่ข้าได้ส่งคนออกไปแจ้งท่านเจ้าสำนักเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาทันรึเปล่าหากเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ !

ไม่ว่าจะยังไงเขาก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่มีทางรับมือกับผู้บ่มเพาะระดับ 5 ได้แน่นอน และยิ่งไปกว่านั้นฝั่งตรงข้ามคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่ ซึ่งหมายความว่าต่อให้เขาจะสู้กับนางไหวเขาก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้อยู่ดี กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นปัญหาที่คนอย่างเขาไม่อาจรับมือได้ไหว!