ตอนที่ 104 ความสงบสุข

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 104 ความสงบสุข
กล่าวจบ ผู้เฒ่ากู่ผุดลุกขึ้นยืน พุ่งตัวเอาศีรษะกระแทกไปยังโต๊ะไม้สำหรับทำพิธี

“ผู้เฒ่ากู่!” ไป๋จิ่นซิ่วเบิกตาโพลง กางแขนห้ามผู้เฒ่ากู่ไว้แต่กลับโดนผู้เฒ่ากู่ชนจนล้มกระแทกลงบนพื้นทั้งคู่

บริเวณพิธีศพโกลาหลขึ้นมาทันที ทุกคนกรูกันเข้าไปช่วยพยุงผู้เฒ่ากู่และไป๋จิ่นซิ่วให้ลุกขึ้น

ชาวบ้านเห็นดังนี้ก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาล

“จวนเจิ้นกั๋วกงช่างโชคร้ายเสียจริง! จะไม่เหลือทางรอดให้สตรีตระกูลไป๋เลยหรืออย่างใดกัน บีบให้คนของจวนเจิ้นกั๋วกงเกือบเสียชีวิตภายในวันเดียวกันถึงสองคน นี่มันเวรกรรมอันใดกัน ตระกูลบรรพบุรุษมิกลัวถูกฟ้าผ่าลงโทษหรือย่างใด!”

“ถุ้ย! ช่างหน้าไม่อายนัก! จวนเจิ้นกั๋วกงจัดพิธีศพอยู่เช่นนี้ ตระกูลบรรพบุรุษไม่ส่งคนมาช่วยเหลือสตรีตระกูลไป๋ แต่กลับมาแย่งทรัพย์สมบัติของตระกูลราวกับโจรเช่นนี้!”

“ช่างโลภเสียจริง! จวนเจิ้นกั๋วกงแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งให้ตระกูลบรรพบุรุษทุกปี มีตระกูลใดใจกว้างถึงเพียงนี้บ้าง! ข้าว่าท่านกั๋วกงใจดีเกินไปแล้ว คนเนรคุณพวกนี้ถึงได้ไม่รู้จักพอ สตรีตระกูลไป๋จึงต้องเดือดร้อนเช่นนี้”

“ข้าว่าพวกเขารังแกสตรีจวนเจิ้นกั๋วกงเพราะเห็นว่าไม่มีบุรุษหลงเหลืออยู่แล้วต่างหาก บุรุษตระกูลไป๋สละชีพเพื่อปกป้องบ้านเมือง และชาวบ้าน ตระกูลบรรพบุรุษยังมีหน้ามารังแกสตรีของจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้อีก!”

เมื่อเห็นชาวบ้านเริ่มไม่พอใจ ไป๋ฉีอวิ๋นถอยหลังไปยืนอยู่รวมกับญาติผู้น้องซึ่งเป็นบุตรอนุอีกสองคน เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจกับประโยคที่ว่า ‘วิญญาณท่านกั๋วสำแดงฤทธิ์แล้ว’ จนทำตัวไม่ถูก

“โวยวายอันใดกัน!”

ฮูหยินซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเดินเข้ามาในบริเวณพิธีโดยมีไป๋ชิงเหยียนคอยประคอง แผ่อำนาจบารมีของนายหญิงใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างเต็มที่

“เอะอะโวยวายเสียงดังเช่นนี้ ต้องการให้รู้ไปถึงหูขององค์หญิงใหญ่หรืออย่างใดกัน!”

ผู้เฒ่ากู่เซียนเซิงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก โขกศีรษะลงบนพื้นอย่างแรง “ฮูหยินซื่อจื่อ บ่าวมิได้ภักดีจนถึงที่สุด บ่าวไม่สมควรเป็นคนเก่าแก่ของจวนเจิ้นกั๋วกงขอรับ!”

ต่งซื่อกล่าวพลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่ากู่ ประคองผู้เฒ่ากู่ที่ดวงตาแดงก่ำให้ลุกขึ้น เอ่ยบอก

“เหตุใดผู้เฒ่ากู่จึงกล่าวเช่นนี้กัน! บรรพบุรุษของผู้เฒ่ากู่ติดตามรับใช้จวนเจิ้นกั๋วกงมาทุกรุ่น ลำบากเพื่อจวนเจิ้นกั๋วกงมาก ข้าทราบดี!”

“ฮูหยินซื่อจื่อ!” ผู้เฒ่ากู่เซียนเซิงน้ำตาอาบหน้า ลำคอตีบตันจนไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้

“แม้ว่าต้องขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อรวบรวมเงินให้ตระกูลบรรพบุรุษนำไปซ่อมแซมหอบรรพชน วัดบรรพชน สุสานบรรพชนและสำนักศึกษา ทว่า ข้าต่งซื่อขอให้สัตย์สาบานไว้ ณ ที่นี้ว่าจะใช้สินเดิมทั้งหมดของข้าเลี้ยงดูบ่าวทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกง หากข้าอิ่มท้อง ก็จะมิยอมให้ผู้ใดในจวนเจิ้นกั๋วกงต้องอดตายเป็นอันขาด!”

“ฮูหยินซื่อจื่อ!”

บ่าวรับใช้ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างคุกเข่าลงบนพื้น สำนึกในบุญคุณของต่งซื่อ

แม้ต่งซื่อจะเป็นเพียงสตรีเรือนหลัง แต่นางเป็นคนที่มีอุบายและเด็ดเดี่ยวคนหนึ่ง

ไป๋ชิงเหยียนมองดูมารดา ในใจเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ เมื่อครู่ท่านแม่รั้งให้นางแอบอยู่ทางด้านหลังไม่ยอมปรากฏตัว จนผู้เฒ่ากู่เซียนเซิงโดนบีบจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย ชาวบ้านเดือดดาล ท่านแม่จึงปรากฏตัวออกมาจัดการปัญหาทุกอย่าง

วันนี้ท่านแม่กล่าวออกมาต่อหน้าวิญญาณว่าจะใช้สินเดิมของตัวเองเลี้ยงดูบ่าวรับใช้ทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกง หากภายภาคหน้าพวกนางกลับไปที่ซั่วหยาง ตระกูลบรรพบุรุษเห็นบ่าวรับมากมายติดตามจวนเจิ้นกั๋วกงไปยังซั่วหยาง เห็นจวนเจิ้นกั๋วกงมีชีวิตสุขสบายเหมือนยามปกติ ก็ไม่อาจอ้างความกตัญญูต่อตระกูลบรรพบุรุษบีบให้จวนเจิ้นกั๋วกงออกเงินให้ได้อีกแล้วเพราะจวนเจิ้นกั๋วกงประทังชีวิตด้วยสินเดิมของต่งซื่อ

ต่อให้ตระกูลบรรพบุรุษจะไร้ยางอายสักเพียงใด ก็ไม่อาจนำสินเดิมของลูกสะใภ้ไปบริจาคให้ตระกูลบรรพบุรุษได้ ยิ่งไม่อาจยื่นมือเข้าไปตรวจสอบสินเดิมของลูกสะใภ้ตระกูลไป๋ได้

มิฉะนั้น ภายภาคหน้าจะมีผู้ใดจะกล้าแต่งเข้าตระกูลไป๋กัน

นางวางแผนไว้แล้ว ทว่ามารดาของนางทำให้แผนการของนางรัดกุมยิ่งขึ้น นางยังต้องเรียนรู้เรื่องการจัดการดูแลเรือนหลังจากมารดาอีกมาก

“ครั้งนี้พวกเราขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนเจิ้นกั๋วกงจนรวบรวมเงินได้ครบแล้ว! ทว่า ข้ามีบางสิ่งที่ต้องกล่าวกับตระกูลบรรพบุรุษให้ชัดเจน…” ต่งซื่อมองไปทางไป๋ฉีอวิ๋น กล่าวออกมาทีละคำอย่างเสียงดังฟังชัด

“ครั้งนี้จวนเจิ้นกั๋วกงขายสมบัติทั้งหมดของตระกูลเพื่อช่วยเหลือตระกูลบรรพบุรุษ หากภายภาคหน้ามีเรื่องอันใดอีก จงอย่าได้คิดมาแตะต้องสินเดิมของสตรีตระกูลไป๋ พวกข้ายังต้องอาศัยสินเดิมเลี้ยงดูลูกสาว เลี้ยงดูบ่าวรับใช้ที่อุทิศตนเพื่อจวนเจิ้นกั๋วกง เมื่อพวกเราย้ายกลับไปอยู่ที่ซั่วหยาง ตระกูลบรรพบุรุษได้โปรดเหลือทางรอดให้สตรีตระกูลไป๋ ให้ตระกูลไป๋ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบด้วย”

ไป๋ฉีอวิ๋นยืนอยู่กับญาติผู้น้องซึ่งเป็นบุตรอนุอีกสองคน เดิมทีอยากจะแก้ต่างเพื่อชื่อเสียงของตระกูลบรรพบุรุษ ทว่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เปลวเทียนสั่นไหวโดยไม่มีลมพัดธูปที่หักถึงสองครั้ง เขาจึงเม้มปากแน่น ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น

ชื่อเสียงคือรากฐานสำคัญของตระกูล

เขานึกไม่ถึงเลยว่า สตรีและเด็กสาวของจวนเจิ้นกั๋วกงที่ภายภาคหน้าต้องพึ่งพาอาศัยตระกูลบรรพบุรุษพวกนี้จะไม่สนใจใยดีรากฐานของตระกูล กล้าหักหน้าตระกูลบรรพบุรุษเช่นนี้

หากท่านประมุขเฒ่าของตระกูลซึ่งเป็นบิดาของไป๋ฉีอวิ๋นทราบเรื่อง ไป๋ฉีอวิ๋นไม่รอดอย่างแน่นอน

“ไม่มีทรัพย์สมบัติของจวนเจิ้นกั๋วกงก็มิเป็นอันใด ยังมีสินเดิมของพวกข้าอยู่ จะเลี้ยงดูลูกๆ และบ่าวรับใช้ของจวนเจิ้นกั๋วกงมิได้เชียวหรือ!” ฮูหยินห้าฉีซื่อเดินท้องโตเข้ามาในบริเวณพิธีโดยมีหมัวมัวข้างกายคอยช่วยประคอง นางทำความเคารพต่งซื่อ

“ขอแค่ใช้เงินซื้อหนทางมีชีวิตรอดให้แก่สตรีของจวนเจิ้นกั๋วกง มิให้ตระกูลบรรพบุรุษบีบพวกเราจนตาย ต่อให้จวนเจิ้นกั๋วกงล้มละลายแล้วจะเป็นอันใด! ไม่เพียงแต่สินเดิมของพี่สะใภ้ ยังมีสินเดิมของข้าอีก พี่สะใภ้เจ้าคะ พวกเราทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงรวมใจเป็นหนึ่งจะผ่านพ้นทุกอย่างไปได้เจ้าค่ะ!”

ฮูหยินสี่หวังซื่อที่เอาแต่พิงโลงศพของบุตรชายอย่างสิ้นหวังเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบพร่า

“ยังมีสินเดิมของข้าอีกเจ้าค่ะ!”

“ข้าด้วยเจ้าค่ะ! แม้สินเดิมของข้าจะเทียบกับพี่สะใภ้ใหญ่มิได้ ทว่าขบวนสินเดิมของข้าก็ทอดยาวไปเป็นสิบลี้ ขนย้ายกันทั้งวันกว่าจะขนเสร็จ!” ฮูหยินสามหลี่ซื่อทราบเรื่องจึงรีบเดินมาที่นี่ คนยังมาไม่ถึงแต่เสียงกลับดังแว่วมาก่อนแล้ว

แต่ไหนแต่ไรมา สตรีที่ออกเรือนรักสินเดิมยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง! ทว่า เมื่อตระกูลบรรพบุรุษบีบให้จวนเจิ้นกั๋วกงใช้เงินซื้อความสงบสุข ฮูหยินทุกคนของจวนเจิ้นกั๋วกงกลับยืนขึ้นพลางกล่าวว่าจะใช้สินเดิมของตัวเองเลี้ยงดูบุตรสาวที่ยังมีชีวิตอยู่และบ่าวรับใช้ของจวนเจิ้นกั๋วกง!

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฮูหยินทุกคนของจวนเจิ้นกั๋วกงใจกว้างเพียงใด แล้วคนของบรรพบุรุษไป๋จากซั่วหยางเห็นแก่เพียงใดกัน

ชาวบ้านทั่วไปก็เคยสูญเสียจนไม่หลงเหลือบุรุษอยู่ในครอบครัว มีสตรีหม้ายคนใดรักษาทรัพย์สมบัติของสามีเอาไว้ได้บ้าง ส่วนใหญ่ล้วนถูกตระกูลบรรพบุรุษแย่งไปทั้งนั้น

นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลสูงศักดิ์ดังเช่นตระกูลไป๋ก็เผชิญกับความชั่วช้านี้เช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าซ่อนดวงตาที่ร้อนผ่าวเอาไว้ นางทราบมาตลอดว่าบรรดาท่านอาสะใภ้ของนางเป็นคนมีคุณธรรม รักพวกพ้อง แม้ปกติจะมีทะเลาะเบาะแว้งผิดใจกันบ้าง ทว่าเมื่อเผชิญกับปัญหาใหญ่ ตระกูลไป๋รักใคร่สามัคคีกันที่สุด

นี่…คือเหตุผลที่ตระกูลไป๋เจริญรุ่งเรืองมานับร้อยปีโดยไม่มีวันสูญสลาย

บนโลกนี้มีเพียงความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้นที่ไม่อาจวัดเป็นเงินทองได้ ท่านปู่กล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ…

“ท่านกั๋วกงเคยกล่าวกับตระกูลบรรพบุรุษอยู่เสมอว่าจวนเจิ้นกั๋วกงช่วยเหลือตระกูลบรรพบุรุษโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน! ตระกูลบรรพบุรุษก็มิเคยมีความคิดสกปรกที่จะบีบบังคับสตรีของจวนเจิ้นกั๋วกง! ฮูหยินซื่อจื่กล่าวถึงสินเดิมเช่นนี้ ทำให้ตระกูลบรรพบุรุษอับอายยิ่งนัก ทำให้ทุกคนคิดว่าคนจากตระกูลบรรพบุรุษต้องการแย่งชิงทรัพย์สมบัติไปจากสตรีของจวนเจิ้นกั๋วกง ในเมื่อเป็นเช่นนี้…แม้จะขัดต่อเจตนารมณ์ของท่านกั๋วกง คนของตระกูลบรรพบุรุษก็มิกล้ารับความหวังดีของท่านกั๋วกงไว้หรอกขอรับ ลาก่อนขอรับ!”