บทที่ 153 มีคนข้ามมา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 153 มีคนข้ามมา

เวลานี้ภูเขาไฟบนเกาะหมีเอ้อส่งเสียงครืนครันแต่ละแห่งระเบิดขึ้นมาต่อเนื่อง ขี้เถ้าสีดำที่ลุกไหม้หนาทึบตีเกลียวออกไปทุกทิศทาง และถูกพลังของค่ายกลเจ็ดเนตรโลหิตไหลทะลักลงบนสนามรบของเผ่าสิงซากสมุทร

แต่ก็ยังมีบางส่วนที่แผ่ไปบนเกาะหมีเอ้อ ดูแล้วเหมือนหิมะสีดำ

และแผ่นดินก็สั่นไหวไม่หยุดจากการระเบิด ส่งเสียงครืนครันออกมา กลบเสียงทั้งหมดได้ในพริบตา

สวี่ชิงก็ไม่กล้าอยู่บนท้องฟ้านานนัก จึงร่อนลงพื้นดิน พริบตาที่ร่อนลงมา เขามองเห็นศิษย์แต่ละยอดเขาของเจ็ดเนตรโลหิตอีกนับไม่ถ้วนกำลังสาละวนอยู่ที่นี่ 艾琳小說

คนทั้งหมดล้วนมีเป้าหมาย

บ้างก็กำลังสร้างค่ายกล บ้างก็กำลังร่วมกันชุบเลี้ยงอาวุธเวท และบ้างก็ตรงไปยังค่ายกลส่งข้ามของสนามรบไปจุติยังสนามรบนอกเกาะ

ยังมีร่างของผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานอีกหลายคนหวีดหวิวผ่านท้องฟ้าไป และจากลำแสงที่ปรากฏขึ้นเป็นระยะก็มีคนใหม่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จุติที่เกาะทั้งสี่

ขณะเดียวกัน ป้ายฐานะของสวี่ชิงก็สั่นขึ้นมาไม่หยุด ด้านในมีข้อมูลภารกิจหลายอย่างหลั่งทะลักออกมาราวกับน้ำตกเมื่อเขามาถึงที่นี่

สวี่ชิงระแวดระวังรอบด้านพลางล้วงป้ายออกมาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว

ภารกิจมากมายปรากฏขึ้นต่อเนื่องในป้าย บ้างก็เมื่อปรากฏก็สลายไปทันที เห็นได้ชัดว่าคนอื่นรับไปแล้ว และที่มีมากกว่าคือภารกิจที่ต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อทำเสร็จสิ้น ด้านในแสดงเครื่องหมายจำนวนคนเข้าร่วมเอาไว้ เมื่อเต็มแล้วก็จะหายไป

‘คุ้มกันอาวุธเวทเกาะจวีอิง ต้องการศิษย์ยอดเขาลำดับหกระดับรวมปราณขั้นห้าขึ้นไปจำนวนสามสิบคน สร้างฐานสามคน เงินรางวัลคือห้าหมื่นก้อนหินวิญญาณ แบ่งสรรตามงานและพลังบำเพ็ญ’

‘เกาะอีเหม่ยฉีต้องการศิษย์ระดับรวมปราณหกสิบคน สร้างฐานสองคน ไปช่วยศิษย์ยอดเขาลำดับหนึ่งที่กำลังชุบเลี้ยงอาวุทเวทสังหารศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ รางวัลรวมอยู่ที่เจ็ดหมื่นก้อนหินวิญญาณ’

‘ต้องการคนที่ถนัดหลอมสร้างค่ายกลเวทสามร้อยคน รางวัลรวมหกหมื่นก้อนหินวิญญาณ!’

‘ต้องการรวมปราณสิบคน ใช้ร่างการรับสิ่งประหลาด หนึ่งวันหนึ่งพันก้อนหินวิญญาณ!’

ในข้อมูลภารกิจนี้ส่วนใหญ่จากการสังเกตของสวี่ชิง ยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่แขวนอยู่ด้านบนสุดมาโดยตลอด นั่นคือภารกิจสงครามภารกิจหนึ่ง

‘ภารกิจสงครามระยะยาว ตรงไปยังสนามรบนอกเกาะ ไม่ว่าจะสังหารผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรพลังบำเพ็ญเท่าไร หากสังหารร่วมหมื่นคนขึ้นไป จะได้รับโอกาสในการหลอมตันเถียน’

หลังจากที่สวี่ชิงเห็นภารกิจนี้จิตวิญญาณก็สั่นสะเทือน นี่คือรางวัลมหาศาลมาก โอกาสหลอมตันเถียนนั่นสามารถนึกภาพได้เลยว่าจะต้องทำให้ผู้บำเพ็ญสร้างฐานตาร้อนกันหมดแน่

และตอนที่สวี่ชิงพลิกอ่านข้อมูลภารกิจต่อเนื่อง จู่ๆ ก็มีภารกิจสีเลือดงานหนึ่ง สว่างวาบขึ้นมาฉับพลันในกลุ่มภารกิจอื่นๆ อักษรแต่ละตัวด้านบนล้วนเป็นสีเลือด น่าสยดสยองเป็นที่สุด

‘ต้องการศิษย์สร้างฐานที่เปิดสภาวะแสงนภาสิบคนฝ่าไปในสนามรบ ตรงไปยังเกาะรองที่สามนอกพื้นที่ของเผ่าสิงซากสมุทร เมื่อรับภารกิจแล้วจะมีผู้อาวุโสเรียกไปจัดรายละเอียดเอง ภารกิจนี้อันตรายอย่างมาก มีความเสี่ยงที่จะพบกับระดับหลอมตันเถียน ผู้เข้าร่วมหนึ่งคนจะได้รางวัลที่แปดล้านก้อนหินวิญญาณ’

พริบตาที่สวี่ชิงมองเห็นภารกิจสีเลือดนี้ก็ถูกรางวัลในนี้ทำให้จิตวิญญาณสั่นสะเทือน ลมหายใจหอบถี่ขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่าระดับอันตรายของภารกิจนี้สูงมาก สามารถตัดสินได้เลยว่าตายมากกว่ารอด

แต่พริบตาต่อมา จำนวนคนเข้าร่วมด้านหลังภารกิจนี้ก็เต็มในพริบตา ภารกิจก็หายวับไปทันควันจากในฐานข้อมูล

สวี่ชิงเงียบงัน เขาคิดถึงสิ่งที่จางอวิ๋นซื่อพูดไว้วันนั้น สงครามของสำนัก ใช้ผลกำไรมาขับเคลื่อนศิษย์ เรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายล้วนเต็มใจที่จะทำ

‘ข้าก็ต้องรับภารกิจมาสักอย่างหนึ่ง’ หลังจากครุ่นคิด สวี่ชิงก็รีบตรวจสอบภารกิจเหล่านี้ รางวัลของรวมปราณปกติไม่ค่อยเยอะนัก ยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่ล้วนแบ่งกันหลายคน และในภารกิจของสร้างฐานที่รางวัลมากหน่อยส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องเปิดสภาวะแสงนภา

ด้วยพลังบำเพ็ญของสวี่ชิงทำให้เขาไม่สามารถรับภารกิจเหล่านั้นได้ ขณะเดียวกันการออกไปด้านนอกสนามรบ สวี่ชิงรู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ยังไม่ไหว ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะนัก

ภารกิจที่เขาต้องการคือสามารถหาหินวิญญาณได้ และสามารถสังหารเผ่าสิงซากสมุทรได้ด้วย

และภารกิจประเภทนี้ ในภารกิจมากมายก็ไม่ใช่ว่าไม่มี เพียงไม่นานสวี่ชิงก็มองเห็นภารกิจหนึ่ง

“หลังจากตรวจสอบโลกใต้ดินของเกาะทั้งสี่เผ่าเงือกมีค่ายกลส่งข้ามขนาดเล็กที่เผ่าสิงซากสมุทรบางส่วนเหลือทิ้งไว้ในครั้งนั้น ตอนนี้ต้องการเกณฑ์ผู้บำเพ็ญสร้างฐานแปดคนลงไปสำรวจและลบค่ายกลทั้งหมดเกาะละสองคน ถ้าหากพบเผ่าสิงซากสมุทรก็ให้สังหาร หากสู้ไม่ไหวให้รายงานทันที ทำลายหนึ่งค่ายกลส่งข้าม ได้รางวัลหนึ่งหมื่นก้อนหินวิญญาณ การสังหารจะนับรวมเป็นผลงานไปด้วย’

พริบตาที่เห็นภารกิจ ดวงตาสวี่ชิงก็จดจ้อง ภารกิจนี้สอดคล้องกับความต้องการเขามาก ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย รับมาทันที

แทบจะตอนที่เขารับงาน จำนวนคนที่ภารกิจนี้ต้องการก็เต็มแปดคนในพริบตา สวี่ชิงคือคนสุดท้าย เมื่อครู่ถ้าเขาลังเลสักนิดก็คงรับไม่ทันแล้ว

และหลังจากรับภารกิจนี้ ด้านในป้ายฐานะของสวี่ชิงก็มีข้อมูลใหม่ปรากฏขึ้นมาทันที ชื่อของพวกเขาทั้งแปดคนถูกปิดบังไว้ ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกัน เวลานี้จัดการแบ่งสรรเองแล้วเรียบร้อย

เกาะที่สวี่ชิงถูกจัดสรร คือเกาะหมีเอ้อแห่งนี้

ขณะเดียวกันรูปร่างกับคลื่นพลังของค่ายกลขนาดเล็กรวมไปถึงการจะทำลายอย่างไรล้วนอธิบายไว้อย่างละเอียด กระทั่งในนี้ยังเตือนคนที่รับภารกิจด้วยว่าก่อนหน้านี้พบว่ามีเผ่าสิงซากสมุทรถูกส่งตัวมาแล้ว

แต่ระหว่างที่ฝืนเปิดค่ายกลเล็กใช้งานภายใต้ค่ายกลใหญ่สำนักที่ปกคลุมจากการพิจารณาของกรมสั่งการไม่สามารถแบกรับผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสองดวงได้ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าที่ส่งเข้ามาล้วนเป็นเผ่าสิงซากสมุทรที่ยังไม่ได้จุดไฟชีวิตทั้งสิ้น

เป้าหมายที่คนเหล่านี้ก็น่าจะเหมือนกับพวกนักรบเดนตายที่คิดเข้ามาทำลายค่ายกลเกาะกับอาวุธเวท

เพียงแต่สิ่งที่ต้องใช้เปิดค่ายกลส่งข้ามของเผ่าสิงซากสมุทรไม่ใช่พลังวิญญาณกับพลังเวทแต่เป็นไอพลังประหลาด และยังอยู่ในโลกใต้ทะเลด้วย น้ำทะเลมีไอพลังประหลาดอยู่มหาศาล ดังนั้นจึงค่อนข้างลึกลับ ยากที่จะค้นหาพบ

จึงเกิดภารกิจนี้ขึ้น

สวี่ชิงหรี่ตาลง เขารู้ว่าบนเกาะนี้ยังมีอีกคนที่รับภารกิจนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงรีบพุ่งไปยังตำแหน่งเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด

ทางเข้าที่ตรงไปยังโลกใต้ดิน ไม่ว่าจะเกาะใดก็ล้วนอยู่ในเมือง จุดนี้สวี่ชิงมีประสบการณ์

และเมืองเผ่าเงือกส่วนใหญ่ก็กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว แต่ว่าในแผ่นหยกที่หวงเหยียนให้เขามาวันนั้นเขียนบรรยายเกาะหมีเอ้อไว้อย่างละเอียด เขาจำได้ว่ามีอุโมงค์ทางเข้าเส้นหนึ่งห่างจากที่นี่ไม่ไกลมาก

สวี่ชิงเพิ่มความเร็วขึ้นกลางอากาศระหว่างที่ทะยานอยู่ ขณะที่พุ่งตรงไปจุดหมาย ภูเขาไฟก็ระเบิดขึ้นตลอด แผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือนส่งเสียงครืนครันจนหูแทบดับ เกล็ดหิมะสีดำก็ร่วงหล่นมาบนพื้นไม่หยุด

ผ่านไปหนึ่งก้านธูป สวี่ชิงก็มองเห็นซากเมืองแห่งหนึ่ง เขาทะยานไปโดยไม่หยุด ระหว่างทางก็เห็นศิษย์ของเจ็ดเนตรโลหิตบางส่วน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย พุ่งผ่านไปอย่างเร่งรีบ

ไม่นานนัก สวี่ชิงก็หาทางเข้าพบ ที่นั่นรอบๆ ถูกถางออกไปแล้ว ขณะที่มีปราณเย็นเยียบแผ่ออกมาจากอุโมงค์ด้านล่างก็มีกลิ่นคาวเลือดแผ่ออกมาด้วยเช่นกัน และเดิมทีที่ควรจะเป็นน้ำทะเลในส่วนลึก เวลานี้ก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย มองเห็นได้จากด้านนอก

สวี่ชิงหรี่ตาลง หลังจากที่ยืนก้มหน้ามองที่ขอบทางเข้าก็ล้วงเอายาพิษในถุงเก็บของเทลงไป รอจนมันผสมกันแล้ว ร่างของเขาก็กระโจนตรงเข้าไป

หลังจากดำลงไปในน้ำ เขาก็ขยับร่างกาย คว้าถุงยาพิษ พุ่งลงไปเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ขั้นตอนทั้งหมดประมาณสามสิบกว่าอึดใจ สวี่ชิงก็เข้าใกล้ทางออกหลังจากดำลงลึกไปเรื่อยๆ

และยิ่งดำลงไปรอบด้านก็ยิ่งเงียบ ขณะที่เสียงเอะอะภายนอกถูกน้ำทะเลขวางกั้น เสียงครืนครันของภูเขาไฟระเบิดก็แผ่วเบาลงไปมากเช่นกัน

แต่ความระแวดระวังของสวี่ชิงยังเป็นเช่นเดิม ตอนเข้าใกล้ทางออกก็โยนถุงแล้วทำให้มันระเบิด ขณะที่พิษมหาศาลแผ่กระจาย ร่างกายของเขาก็พุ่งตัวออกมา

มองไปรอบๆ สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนพังเสียหาย ปะการังกับดอกไม้ทะเลเน่าเปื่อยหมดสิ้น คิดแล้วการระเบิดของหมอกดำเมื่อครั้งนั้นคงปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่

“ข้าต้องรีบหาค่ายกลขนาดเล็กของเผ่าสิงซากสมุทรให้พบ” สวี่ชิงเก็บสายตากลับ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

ครู่ต่อมา เมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ พลังเวทในร่างกายก็หลั่งเข้าไปในผลึกวารีสีม่วง กระตุ้นให้มันแผ่แรงสะกดวูบหนึ่ง และพริบตาต่อมาเงาก็รีบออกมาชี้ทางอย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่สวี่ชิงรับภารกิจนี้เพราะเขารู้ว่าเงาของตนเองสัมผัสไวกับไอพลังประหลาดมาก บางทีคนอื่นคงค้นหาค่ายกลที่ใช้ไอพลังประหลาดในการขับเคลื่อนใต้ทะเลได้ลำบาก จำเป็นต้องใช้อาวุทเวทพิเศษบางอย่างจึงจะทำได้

แต่เขาไม่ต้องใช้ กระทั่งสวี่ชิงยังรู้สึกว่า บางทีอาวุทเวทอะไรนั่น ก็คงไม่สัมผัสไวเท่ากับเงาด้วยซ้ำ

สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีก็คือ เจ้าเงานี้ไม่ยอมทำด้วยตนเอง ก็เลยเอ่ยขึ้นแช่มช้า

“ลดเวลาในการทดสอบเจ้าไปสิบวัน”

ตัวเงาสั่นเทา ขณะที่ทำการสัมผัสอย่างรวดเร็ว ก็มีเสียงอึมครึมของบรรพชนสำนักวัชระลอยดังออกมาจากเหล็กแหลม

“นายท่านอย่าเพิ่งโกรธเลย เจ้าเงาคงจะไม่ค่อยเข้าใจท่าน แต่ข้าน้อยรู้ว่านายท่านปกติก็เหน็ดเหนื่อยอย่างมาก ต้องการให้พวกเราช่วยแบ่งเบาภาระ กังวลกับความกังวลของเจ้านาย กลัดกลุ้มกับความกลัดกลุ้มของเจ้านาย!”

เจ้าเงาพอได้ยินคำพูดนี้ก็แผ่ปราณสังหารออกมาทันที

สวี่ชิงก็รู้สึกว่าคำพูดของบรรพชนสำนักวัชระมีเหตุผลมากจึงเหลือบมองเจ้าเงาอย่างเย็นชา สะกดไปสามครั้งในพริบตา

“ข้าไม่ชอบปราณสังหารของเจ้า”

เจ้าเงาสั่นเทาราวกับน้อยเนื้อต่ำใจ จึงทำได้เพียงนำทางอย่างว่าง่ายขณะที่บรรพชนสำนักวัชระกำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง

สวี่ชิงทะยานตามทางที่อีกฝ่ายชี้นำ เพียงไม่นานก็มาถึงสถานที่ที่เจ้าเงาค้นพบ ที่นี่เป็นพื้นเว้าเนื่องจากน่าจะเคยมีการระเบิดของวิชาเวท ดังนั้นจึงดูแล้วระเกะระกะ

สวี่ชิงค้นหาสถานที่ที่เงาชี้นำด้วยความระแวดระวังจนเจอ ตรงนั้นซ่อนค่ายกลส่งข้ามเอาไว้ในชั้นโคลน ไม่มีคลื่นวิชาเวทใด สังเกตได้ยากมาก มีเพียงไอพลังประหลาดเท่านั้นที่ทำให้รอบบริเวณนี้เข้มข้นขึ้นมาเล็กน้อย

สวี่ชิงก้มหน้าลงมอง สังเกตเห็นว่าค่ายกลนี้เหมือนจะยังไม่เคยเปิดใช้งานมาก่อน จึงทำตามสิ่งที่เขียนไว้ในภารกิจ ค้นหาตำแหน่งตาค่ายกล ยกเท้าขวาขึ้นกระทืบลงไปแรงๆ เสียงระเบิดตูมดังขึ้น ค่ายกลนี้ก็เสียหาย

จากนั้นไม่จำเป็นต้องให้สวี่ชิงเอื้อนเอ่ย เจ้าเงาก็ค้นหาอย่างรวดเร็ว ชี้ไปยังจุดต่อไป

สวี่ชิงทะยานไปตลอดทางเช่นนี้ หลังจากที่ค่ายกลส่งข้ามวงที่สองและวงที่สามถูกทำลาย ขณะที่เขากำลังจะทำลายค่ายกลส่งข้ามวงที่สี่ แต่ค่ายกลนี้…กลับเปล่งแสงขึ้นมาพริบตานี้เอง

สวี่ชิงร้องเอ๊ะขึ้นมา สัมผัสอย่างละเอียดทันที เพียงไม่นานเขาก็สังเกตเห็นกลิ่นอายสร้างฐานวูบหนึ่งจากแสงที่เปล่งจ้าขึ้นจากค่ายกลนี้ เหมือนว่ากำลังจะส่งข้ามคนมาจากอีกฝั่ง

กลิ่นอายนี้ในสัมผัสของสวี่ชิงไม่ได้แข็งแกร่งนัก เหมือนยังไม่ได้ก่อไฟชีวิต ดังนั้นเขาจึงหรี่ตาลง ไม่ทำลายค่ายกลนี้ แต่ล้วงเอาผงพิษออกมาอย่างรวดเร็ว และใช้ความเร็วสูงสุดจัดการวางกลไกไว้หลายชั้นรอบๆ ค่ายกล

ชั่วเวลาสิบกว่าอึดใจ สวี่ชิงจัดการผสมพิษกว่าร้อยชนิดเข้าด้วยกัน ขณะที่ปกคลุมค่ายกล เหล็กแหลมสีดำก็พุ่งออกมาฉับพลัน ซ่อนอยู่ข้างตัว

บนเหล็กแหลมนี้ยังผูกกระดิ่งไว้

กระดิ่งนี้มีไว้ใช้กับคนที่มีกายเนื้อ จิตวิญญาณจะถูกผลกระทบ แต่วิญญาณศัสตรานั้นไม่ได้รับผลกระทบใด ดังนั้นสวี่ชิงจึงผูกไว้ที่เหล็กแหลม

และบรรพชนสำนักวัชระที่อยู่ในเหล็กแหลมก็ดูฮึกเหิมมาก ราวกับรู้สึกว่าเวลาสำแดงเดชของตนเองมาถึงแล้ว

เจ้าเงาร้อนรน ความรู้สึกไม่ยอมแพ้แผ่ออกมา หลังจากเตรียมตัวพร้อมพุ่งออกไปทันควันเรียบร้อย สวี่ชิงก็ล้วงเรือเวทออกมาป้องกันไว้ก่อน ส่วนตนเองก็ถอยไปหลายก้าวย่อตัวลงนั่ง ในดวงตามีประกายเย็นวาบ ไฟพิฆาตสีดำในร่างกายลุกโหม ปรากฏเป็นกริชมายาเล่มหนึ่งขึ้นในมือ

“จะมาแล้ว” พริบตาที่สวี่ชิงพึมขึ้น ค่ายกลส่งข้ามก็เปล่งแสงขึ้นฉับพลัน เงาของเผ่าสิงซากสมุทรร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาระหว่างที่ไอพลังประหลาดเข้มข้น