ใน Gilt club ฮั่วเทียนหลันรู้สึกกังวล ตอนนี้มันสามทุ่มแล้ว อันหรันยังมาไม่ถึง
เขาขยี้บุหรี่ในมือของเธอ ขยี้ไปเรื่อยๆ ทำให้รอบตัวเขาเต็มไปด้วยเศษซากของบุหรี่
ทุกคนที่เข้ามาล้วนรู้ดีว่านิสัยของฮั่วเทียนหลันเป็นอย่างไร แต่ละคนพยายามที่จะเดินออกห่างให้ไกลจากเขา
มีเพียงผู้เดียวที่กล้าเข้าใกล้ นั้นคือฮัวเส้าซู่ เขาปล่อยเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขน เดินมานั่งข้างๆพี่รองแล้วพูดว่า “ดึกป่านนี้แล้วพี่สะใภ้ยังไม่มา ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
ฮั่วเทียนหลันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ตายไปได้เลยก็ดี!”
ฮัวเส้าซู่ถึงตกใจ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
พี่รองคนนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี ถ้าหากพูดอะไรผิดอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะถูกฆ่าเลยก็ได้
เขาลุกขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก กลับไปนั่งที่เดิมของเขา ละไม่คิดที่จะให้ความอบอุ่นกับเด็กคนนั้นต่อ
นี่ทำให้ตงหยงซี่ยื่นไวน์ให้ฮั่วเทียนหลันหนึ่งแก้วแล้วพูดว่า “ดื่มป่ะ! จะได้ไม่ต้องเบื่อ มองดูพี่สะใภ้ก็ไม่ใช่คนใจกล้าขนาดนั้น แต่ทำไมกล้าผิดนัดพี่กันนะ! ”
ฮั่วเทียนหลันอารมณ์ไม่ดี และใบหน้าของเขามืดมน
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นไม่กล้าออกเสียง และได้แต่ทำในสิ่งที่ตนกำลังทำต่อไป
ตอนนี้สภาพของงานปาร์ตี้ค่อนข้างจะอึดอัด และน่าเบื่อมาก
สุดท้ายตงหยงซี่ไม่รู้จะทำอย่างไงต่อ เขาจึงหาเหตุผลที่จะไปเข้าห้องน้ำ เพื่อที่จะโทรหาอันหรัน
แต่ว่าไม่สามารถติดต่อเธอได้ ตงหยงซี่รู้สึกกังวล หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ?
เขาไม่สนใจว่าฮั่วเทียนหลันจะคิดอย่างไร เขาจึงเดินมาข้างหน้าฮั่วเทียนหลันและพูดเสียงต่ำๆว่า ‘พี่เทียนหลัน พี่สะใภ้ไม่รับโทรศัพท์ เป็นไปได้ไหมว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ตอนนี้ด้านนอกฝนตกหนักมาก ผู้หญิงขับรถมาคนเดียวมันอันตรายมากๆ…’
ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้ว และมองไปที่ตงหยงซี่ด้วยสายตาที่เยือกเย็นละพูดว่า “ใครใช้ให้นายมายุ่งเรื่องนี้?”
“ฉัน ฉัน….” ตงหยงซี่ถึงกับต้องนิ่ง นี่ทำให้ในใจของเขารู้สึกกลัว
หลังจากนั้นหมิหงเหวินกลับขึ้นเวทีการแสดงอีกครั้ง เพื่อร้องรำทำเพลง ฮั่วเทียนหลันก็ลุกขึ้นอย่างเย็นชา ปล่อยให้ตงหยงซี่ยืนบ้าอยู่คนเดียว
ฮัวเส้าซู่พยายามที่จะตามเขาขึ้นไป แต่ว่าถูกตงหยงซี่ดึงเอาไว้ และก็บอกกับฮัวเส้าซู่เรื่องที่โทรศัพท์ของอันหรันติดต่อไม่ได้
ฮัวเส้าซู่ถึงกับตกใจ คนก็ยังมาไม่ถึง และโทรศัพท์ก็ยังติดต่อไม่ได้
เขามองหน้าตงหยงซี่ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆหรอกนะ?
“ฉันจะไปดู” หลังจากที่ฮัวเส้าซู่พูดกันตงหยงซี่เสร็จ ก็เตรียมตัวออกไปตามหาอันหรันทันที
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงของฮั่วเทียนหลัน พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูโกรธว่า “นายจะไปไหน?”
ฮัวเส้าซู่ถึงกับเหงื่อตก หันกลับมายิ้มและตอบกลับไปว่า “ฉันจะออกไป…”
“กลับมา ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!” ฮั่วเทียนหลันพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำกว่าเดิม
ฮัวเส้าซู่หมดทางสู้ พี่รองไม่พอใจ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
หลังจากที่อันหรันเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วหนึ่งชั่วโมง หลี่รูยามาถึงที่นั่น
ที่นั่นมีตำรวจสองสามคนนั่งอยู่กับคนขับรถบรรทุกวัยกลางคน
พอเห็นหลี่รูยามาถึง หัวหน้าของตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุก็รีบลุกขึ้นมาทันทีและพูดว่า “คุณนายฮั่ว”
“ทำไมเป็นแบบนี้? ทำไมเป็นแบบนี้? เกิดเรื่องอะไรขึ้น!” หลี่รูยาพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ
เมื่อก่อนไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวร้ายแรงขนาดไหนเธอก็ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย แต่เรื่องนี้กลับทำให้เธอรู้สึกกังวลขึ้นมา
เธอรู้ว่าวันนี้อันหรันออกไปงานปาร์ตี้ คิดว่าเธอจะไปอยู่ที่งานเลี้ยง นึกไม่ถึงว่าจะมาอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน
คนขับรถบรรทุกแอบอยู่ด้านหลังอยู่เงียบๆ หลังจากนั้นเขาถูกตำรวจพาตัวออกมาและพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่คุณทำ ไหนคุณลองอธิบายซิ!”
หลี่รูยามองไปที่คนขับรถบรรทุกด้วยสายที่โกรธ คนขับรถรู้สึกเสียใจที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาทำอาชีพนี้ก็เพื่อที่จะเอาเงินไปเลี้ยงครอบครัว ไม่ได้คิดว่าอยากจะมาชนใครตาย
ต้องโทษตัวเขาเอง ที่เห็นแก่เงิน
“ผม ผมขับรถไปถึงที่นั่น ฝนตกหนักมาก มองทางไม่ค่อยชัด…ในตอนนั้นคุณหนูขับรถออกมา เดิมทีรถของผมบรรทุกมาเกินน้ำหนัก ฝนตกก็ยังทำให้ถนนลื่น รถเสียการควบคุม ก็เลยไปชนรถของเธอเข้า…”
คนขับรถบรรทุกพูดไปเรื่อยๆ สีหน้าของหลี่รูยาก็เริ่มซีดจางลง
ตอนนี้อาการของอันหรันเป็นตายเท่ากัน
หลี่รูยาถอนหายใจ และไม่อยากทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ควรปล่อยให้ตำรวจเป็นคนจัดการ เธอจึงไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
แต่ถ้าหลังจากนี้หลี่รูยารู้ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น พวกนั้นมันจะต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม
สุดท้ายฮัวเส้าซู่ก็สามารถหาโอกาสออกมาจากงานปาร์ตี้ได้
เขาออกมาที่หน้าประตูและรีบโทรศัพท์หาหัวเสี่ยวน่า ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที โทรศัพท์ก็มีคนมารับ เขารีบถามไปว่า “นาน่า พี่สะใภ้อยู่ที่บ้านไหม?”
หัวเสี่ยวน่ายังไม่ได้นอน เธอตอบกลับมาว่า “ไม่อยู่นะ! มีอะไรหรอพี่ พี่สะใภ้ยังไปไม่ถึงหรอ?”
เธอเริ่มวิตกกังวล พี่สะใภ้ออกไปตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ถึง ถ้าใช้เวลาขนาดนี้เดินไปยังถึงแล้วเลย
“ยังไม่ถึง อ่า ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันขับออกไปดูเธอก่อนนะ” หลังจากที่ฮัวเส้าซู่พูดจบ ก็รีบวางสายโทรศัพท์ลง
หัวเสี่ยวน่าขมวดคิ้ว จำได้ว่าหลี่รูยารีบออกไปจากบ้าน ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ฮัวเส้าซู่กดวางสาย โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาทันที หน้าจอโทรศัพท์เป็นชื่อของแม่เขา นั้นทำให้เขากังวลใจมากขึ้น
เขารีบรับโทรศัพท์ และถามกลับไปว่า “คุณแม่ มีอะไรไหมครับ?”
“ให้พี่รองของนายมาที่โรงพยาบาลกลาง” พอพูดจบ ไม่มีโอกาสให้ฮัวเส้าซู่ได้ถามคำถาม หลี่รูยาก็รีบวางโทรศัพท์ลง
ฟังเสียงที่ร้อนรนผ่านทางโทรศัพท์ ฮัวเส้าซู่รีบวางโทรศัพท์ลง รีบหันกลับเข้าไปที่งานปาร์ตี้ แต่กลับพบว่าฮั่วเทียนหลันกำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง แต่ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจและพูดออกไปว่า “พี่ แม่ของพวกเราบอกให้พวกเรารีบไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย”
ไปโรงพยาบาล? ฮั่วเทียนหลันมีลางสังหรณ์ขึ้นมาในใจ เขารีบก้าวเดินออกไปโดยไม่รู้
แต่ว่าก็คิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้อันหรันมาสาย เขาจึงพูดออกไปด้วยความโกรธ “ฉันไม่ไป!”
หลังจากนั้นฮั่วเทียนหลันก็กลับเข้าไปในงาน
ฮัวเส้าซู่ไม่อยากขัดคำสั่งของแม่ เขาจึงรีบไปขับรถไปที่โรงพยาบาล
พอเขามาถึงที่โรงพยาบาลหาหลี่รูยา ก็พบว่าหลี่รูยามีใบหน้าซีดเซียวนั่งอยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน
“แม่!”ฮัวเส้าซู่ตะโกนเรียก
หลี่รูยาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮัวเส้าซู่ เห็นว่าข้างกายของเขาว่างเปล่า ความโกรธก็พลุ่งพล่านเข้ามาในใจของเธอ เธอพูดว่า “พี่รองของเธออยู่ที่ไหน? ทำไมเขาไม่มา? เด็กคนนี้ เขาต้องการให้ฉันโกรธจนตายเลยหรือไง!”
หลี่รูยาเธอพูดอย่างน้ำเสียงดุดัน จิตใจกระวนกระวาย เพราะไม่รู้ว่าอันหรันจะเป็นหรือจะตาย
แต่ตอนนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าในห้องฉุกเฉินเป็นภรรยาของลูกชายคนที่สองของเธอ แต่ลูกชายเธอก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น
ฮัวเส้าซู่เห็นแม่ของเขาโกรธจนตัวสั่น เขาจึงพยุงหลี่รูยาขึ้นมาแล้วพูดว่า “แม่ อย่าใจร้อน ไม่ต้องอารมณ์เสียไป โกรธไปก็เท่านั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลี่รูยาถอนหายใจออกมาทันที ที่ได้ยินคำพูดของหลี่รูยา คำพูดนี้ได้ไปกระตุ้นต่อมน้ำตาของเธอให้ไหลออกมา
“พี่สะใภ้ของเธอถูกรถชน เกรงว่าจะไม่รอด?” หลี่รูยาถอนหายใจ ร่างกายของเธอไม่มีเรี่ยวแรง ถ้าหากฮัวเส้าซู่ไม่ได้พยุงเธอไว้ เธอก็คงล้มลงไปแล้ว
ฮัวเส้าซู่ถึงกับตะลึง สำหรับเขา เขาไม่เคยออกความคิดเห็นในเรื่องใดๆก็ตามที่เกี่ยวกับเธอ แต่ในใจลึกๆของเขาก็รู้จักพี่สะใภ้คนนี้เป็นอย่างดี
เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องราวแบบนี้
“จะจะ จริงหรอ?” ฮัวเส้าซู่ถามคำถามโง่ ๆ แบบนี้ไปโดยไม่รู้ตัว
หลี่รูยาชี้ไปที่ไฟสีแดงที่เปิดอยู่ในห้องฉุกเฉิน และถอนหายใจออกมายาวๆ
ฮัวเส้าซู่พยุงยุงหลี่รูยาให้นั่งลง ตอนนี้เขารู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจึงรีบโทรศัพท์ไปหาฮั่วเทียนหลัน
โทรศัพท์ดังไปแล้วหลายที ถึงจะมีคนมารับสาย
“ฮัวเส้าซู่ มีอะไร?” ตงหยงซี่พูด เขาเห็นฮั่วเทียนหลันไม่ยอมรับโทรศัพท์ และเห็นว่าคนที่โทรมาคือฮัวเส้าซู่ ดังนั้นเขาจึงถือวิสาสะรับโทรศัพท์เอง ฮั่วเทียนหลันไม่ได้ทำท่าทีขัดแย่ง แสดงว่าเขายอมให้ฉันรับ
“พี่ซี พี่รีบไปบอกพี่รองเดี๋ยวนี้ ให้เขารีบมาโรงพยาบาล พี่สะใภ้อาจจะไม่รอด!” ฮัวเส้าซู่พูดด้วยน้ำเสียงกังวล พูดข้อความนี้ออกมาทำให้ตงหยงซี่ถึงกับช็อก
เขาตอบกลับมาว่าได้ และรีบวางสายโทรศัพท์ เดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็ไปถึงฮั่วเทียนหลันที่กำลังเล่นไพ่ด้วยที่ทางที่ไม่เหมาะสมและกระซิบบอกไปว่า “พี่เทียนหลัน เกิดเรื่องขึ้นกับพี่สะใภ้ ตอนนี้เธออยู่ในห้องฉุกเฉิน พี่รีบไปดูเขาหน่อยเถอะ!”
ฮั่วเทียนหลันที่กำลังเล่นไพ่อยู่หยุดชะงัก แต่ว่าไม่กี่วิเขาก็เล่นต่อไปพร้อมกับพูดว่า “ตายก็ตายไป ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
ตงหยงซี่ถึงกับตะลึง นึกไม่ถึงว่าฮั่วเทียนหลันจะพูดออกมาแบบนี้
เขาพยายามเกลี้ยกล่อม “ฮั่วเทียนหลัน ถึงอย่างไงเธอก็เป็นภรรยาของพี่…”
ฮั่วเทียนหลันยื่นมือออกมา กระชากไปที่คอเสื้อของตงหยงซี่และพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ “พูดมาก!”
จากนั้นเขาก็ปล่อยคอเสื้อโดยใช้แรงผลัก นั้นทำให้ตงหยงซี่ถอยหลังไปสองสามก้าว
เขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือฮั่วเทียนหลัน พี่ชายที่เขาให้ความเคารพ มันไม่มีอะไรที่มาเปลี่ยนแปลงนิสัยของเขาได้จริงๆ
ตงหยงซี่นึกถึงผู้หญิงที่อ่อนโยนอย่างอันหรัน เอามาเปรียบเทียบทัศนคติของฮั่วเทียนหลัน เขาจึงโกรธมาก นี่มันไม่ยุติธรรมกับอันหรัน จึงตะคอกออกมาว่า “ฮั่วเทียนหลัน นั้นคือผู้หญิงของคุณ ตอนนี้กำลังอาการสาหัสอยู่ในห้องฉุกเฉิน ทำไมคุณถึงไม่ไป! ”
คำพูดที่เขาพูดออกมา ตอนนี้ทุกคนในงานปาร์ตี้ได้ยินหมดแล้ว
หมิหงเหวินที่อยู่ข้างของฮั่วเทียนหลันก็รีบลุกขึ้นมา ห้ามเขาสองคนและพูดว่า “หยงซี่พูดแบบนั้นออกมาเพื่ออะไร? อย่าพูดเพ้อเจ้อ ”
ตงหยงซี่ยิ้มออกแบบเยือกเย็น ไม่สนใจหมิหงเหวินที่กำลังพูด และมองไปที่ฮั่วเทียนหลันที่ไม่หันกลับมาแม้แต่หัวและพูดว่า “มีคนรู้ว่าฉันกำลังพูดเรื่องอะไร”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?” สุดท้ายฮั่วเทียนหลันก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ตงหยงซี่ยอมและหัวเราะออกมาสองครั้งพร้อมกับพูดว่า “ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม แต่ว่าผมรู้ว่าถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปเกิดขึ้นกับใครก็ตาม อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะรีบไปดู ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์มันจะแย่แค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถเมินเฉยได้ มนุษย์ทุกคนล้วนมีหัวใจ และยิ่งในสถานการณ์นี้เป็นอันหรันสำหรับคุณแล้วมันไม่สำคัญเลยหรอ!”
คำพูดของตงหยงซี่ ทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
สายตาของคนบางคนที่มองมาที่ตงหยงซี่ได้เปลี่ยนไปแล้ว
บนโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยถูกนินทา ดังนั้นตอนนี้จึงมีบางคนสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างตงหยงซี่และอันหรัน
สุดท้ายฮั่วเทียนหลันก็ลุกขึ้นมา หันหัวและรีบเดินมาที่หน้าของตงหยงซี่
ตงหยงซี่จ้องตาที่มีความอาฆาตของฮั่วเทียนหลันโดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย
“นายคิดว่านายเก่งมาจากไหน?” ฮั่วเทียนหลันถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
ตงหยงซี่ทำท่าทางเยอะเย้ยและพูดว่า “ก็ไม่รู้สินะ!”
“แน่ใจ?” เสียงของฮั่วเทียนหลันเงียบไป ตงหยงซี่เห็นกำปั้นขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาด้านหน้าของตัวเอง
ทุกคนในงานต่างตกใจ เพียงหมัดเดียว ตงหยงซี่ก็ลงไปกองอยู่กับพื้น
ตาของเขาพร่ามัว ที่จมูกของเขาก็มีเลือดไหลออกมา
ฮั่วเทียนหลันก้าวข้ามร่างที่ล้มบนพื้นของตงหยงซี่ และรีบเดินออกไปด้านนอก