ตอนที่ 126 เปิดกล่อง

หลินเยวียนไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเพลงความฝันแรกเป็นเหตุ

ช่วงปิดภาคเรียนใกล้เข้ามาแล้ว

หวาลี่อาจารย์ประจำสาขาควบตำแหน่งอาจารย์ที่ปรึกษามาหาหลินเยวียน ยิ้มเอ่ยว่า “เพลงของคุณได้คะแนนสูงที่สุดในการประเมินครั้งนี้”

หลินเยวียนพยักหน้า “ครับ”

หวาลี่มองหลินเยวียน มักรู้สึกว่านักศึกษาคนนี้เยือกเย็นเป็นพิเศษ “คุณไม่มีอะไรอยากพูดเหรอ”

หลินเยวียนครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถาม “ปีสามผมจะได้เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนมั้ยครับ”

หวาลี่ชะงักไป “คุณอยากไปฉีโจว?”

หลินเยวียน “กำลังคิดอยู่ครับ”

เขาต้องไปปรึกษากับคนที่บ้านก่อน

หวาลี่ยิ้ม “เข้าใจแล้ว โควตาเก็บไว้ให้คุณได้ ถ้าตัดสินใจได้ค่อยมาบอกฉันก็แล้วกัน”

ด้วยคุณภาพของเพลงความฝันแรก กอปรกับผลการเรียนที่ผ่านมาของหลินเยวียน ถ้าเขาอยากได้โควตานักศึกษาแลกเปลี่ยนย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนเป็นเวลาเพียงสองภาคการศึกษา รวมเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

สำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาห้าปี พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว

“ขอบคุณครับ”

หลินเยวียนพยักหน้า

………………………………………

กลับไปถึงที่พักได้ไม่นาน พี่สาวก็เลิกงานแล้ว

ในมือของเธอมีกับข้าวกับปลาอยู่ไม่น้อย กลับถึงบ้านก็เข้าไปในครัวทันที ไม่นานก็ผัดผักเสียหอมฟุ้ง จนหลินเยวียนอดรู้สึกหิวไม่ได้

“รอแป๊บหนึ่งนะ”

พี่สาวทำกับข้าวไปพลาง พูดกับหลินเยวียนซึ่งอยู่ในห้องรับแขก “กินที่โรงอาหารยังพอว่า แต่ถ้านายไปกินที่ร้านทุกวัน พี่รู้สึกว่าไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ หลังจากนี้พี่จะทำกับข้าวให้นายเอง หรือออกไปกินข้างนอกบ้างก็ได้”

“โอเค”

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

กับข้าวสองอย่าง และข้าวสวยอีกสองชามก็มาจัดวางบนโต๊ะ สองพี่น้องกินข้าวด้วยกัน

“พี่”

หลินเยวียนลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผมกำลังคิดว่าปีหน้าจะไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ฉีโจวดีมั้ย ถ้าพี่ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรนะ…”

“นักศึกษาแลกเปลี่ยน?”

หลินเซวียนเอ่ยด้วยความดีใจ “ก็เป็นเรื่องดีนี่นา ตอนพี่เรียนมหา’ลัยก็อยากไปแลกเปลี่ยนเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ไปไม่ได้ ผลการเรียนไม่ดีพอ”

“พี่เห็นด้วย?”

“แล้วทำไมพี่จะต้องไม่เห็นด้วย?”

หลินเซวียนใคร่ครวญเล็กน้อย ก็เข้าใจเหตุผลแล้ว

เธอผุดยิ้มขึ้นมา “นายคิดว่าพี่ทำงานอยู่เมืองซู แล้วตัวเองไปฉีโจวแบบนี้ไม่ดีใช่มั้ยล่ะ นี่มันเรื่องใหญ่ที่ไหนกัน นักเรียนแลกเปลี่ยนคำนวณเต็มๆ ก็ปีเดียว หรือว่านายอยากอยู่ที่ฉีโจวแล้วไม่กลับมา”

“ไม่ใช่แบบนั้นอยู่แล้ว”

หลินเยวียนเพียงนึกสงสัยเกี่ยวกับบลูสตาร์

เขาอยากรู้ว่าทวีปอื่นๆ ของบลูสตาร์นั้นเป็นอย่างไร

โชคดีที่เจี่ยนอี้ก็จะไปฉีโจวเหมือนกัน ทั้งสองยังไปเป็นเพื่อนกันได้

“งั้นผมจะไปบอกแม่?”

“เดี๋ยวพี่ไปบอกแม่เอง แม่ไม่เข้าใจเรื่องอย่างการแลกเปลี่ยน แต่เหยาเหยาอาจไม่ได้ดีใจสักเท่าไหร่ น้องกำลังจะมาเรียนที่นี่ นายก็ไม่อยู่แล้ว จุ๊ๆ ก่อนหน้านี้นายยังบอกว่าจะปกป้องน้องนี่นา”

“ผมจะให้เพื่อนช่วย”

หลินเยวียนคิดว่าจะไหว้วานคนในสาขาจิตรกรรมช่วยดูแลหลินเหยา และไม่ขึ้นค่าเรียนไปก่อน

รอให้ตนกลับมาจากฉีโจวแล้วค่อยขึ้นราคาก็แล้วกัน

หลินเซวียนพยักหน้า เหลือบมองโทรศัพท์ จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “เริ่มแล้ว!”

“อะไรเริ่มแล้ว”

“การแข่งขันไง!”

ระหว่างที่พูด พี่สาวก็เปิดโทรทัศน์ไปด้วย

สิ่งที่ฉายในโทรทัศน์ตอนนี้ก็คือการแข่งขันรายการสะพรั่ง!

“เห็นมั้ย เมื่อกี้เหมือนมีแอร์ไทม์ของซย่าฝานด้วย!” หลินเซวียนชี้ไปยังโทรทัศน์ด้วยความตื่นเต้น

หลินเยวียนพยักหน้า

เขาเห็นว่ามีกล้องฉายไปที่ซย่าฝาน

หลินเซวียนเห็นคนคุ้นเคยในโทรทัศน์ จึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมา

“เมื่อวานซย่าฝานได้ผ่านเข้ารอบห้าสิบคนสุดท้าย วันนี้เลยไม่มีการแข่งขันของเธอ แต่ตอนนี้บนโลกออนไลน์ก็มีเเฟนคลับที่ซัพพอร์ตเธอไม่น้อยเลย พี่ก็อยู่ในกลุ่มแฟนคลับด้วย!”

หลินเยวียนพยักหน้า

ไม่ได้มีอะไรอยู่เหนือความคาดหมาย ในความคิดของหลินเยวียน ด้วยความสามารถของซย่าฝาน การเข้าสู่ห้าสิบอันดับแรกไม่ใช่เรื่องยากเลย

“ตอนนี้ก็ห้าสิบคนคัดเหลือยี่สิบคนแล้ว!”

หลินเซวียนพูดอย่างคาดหวัง “พี่เชื่อว่าซย่าฝานจะต้องเข้ารอบ กรรมการชื่นชอบเธอมาก พอถึงตอนนั้นแฟนคลับของเธอก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก!”

“อื้ม”

หลินเยวียนผุดรอยยิ้ม เขาเองก็ดีใจที่ซย่าฝานทำผลงานได้ดีเหมือนกัน

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ของหลินเยวียนก็ได้รับข้อความจากซย่าฝาน ‘เข้ารอบห้าสิบคนแล้ว ขั้นต่อไปก็ยี่สิบคนสุดท้าย!’

หลินเยวียนพิมพ์ ‘ดีใจด้วยนะ’

เจี่ยนอี้เองก็ปรากฏตัวขึ้นมา ‘ซย่าฝานเอ๋ยซย่าฝาน ดูท่าทางจะมงลง!’

ซย่าฝาน ‘ไม่คล้องจองเลยสักนิด แฟนคลับฉันบอกว่าฉันเป็นเซียนหนี่ว์ซย่าฝาน(เทพธิดาซย่าฝาน)ล่ะ’

เจี่ยนอี้ ‘คำพ้องเสียงแบบนี้แย่มาก ต้องหักเงิน’

หลินเยวียน ‘…’

หลินเซวียนเห็นหลินเยวียนคุยในโทรศัพท์ ก็พูดด้วยความขุ่นเคือง “พวกนายสามคนมีกลุ่มแช็ตกันใช่มั้ย มีความลับอะไร ลากพี่เข้าไปด้วยสิ!”

“แป๊บนึงนะ”

หลินเยวียนบอกเจี่ยนอี้กับซย่าฝาน ก่อนจะลากหลินเซวียนเข้ากลุ่ม

ซย่าฝาน ‘สวัสดีค่ะพี่!’

เจี่ยนอี้ ‘พี่ค้าบจุ๊บๆ!’

หลินเซวียนไม่พูดพร่ำทำเพลง ส่งอั่งเปาสิบหยวนในกลุ่มทันที โดยแบ่งเป็นสี่ส่วน

หลินเยวียนกดแย่งซอง เปิดออกดู ก่อนจะถอนหายใจ ได้ 0.4 หยวน

เจี่ยนอี้เพื่อนรักของเขา ได้ 0.6 หยวน

ซย่าฝานเปิดได้สองหยวน

หลินเซวียนเป็นคนส่งซอง เปิดได้เจ็ดหยวนซะเอง ชั่วขณะนั้นก็ได้ใจไม่เบา ‘คนโชคดีอยู่นี่จ้า คุกเข่าคำนับข้าซะดีๆ!’

หลินเยวียนจ้องมองพี่สาว ลุกขึ้นยืนเงียบๆ

หลินเซวียนถูกหลินเยวียนจ้องจนสะดุ้งโหยง ถอยผงะไป “นายจะทำอะไร”

หลินเยวียนขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

หลินเซวียนแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “ไม่ได้นะ เราเป็นพี่น้องกัน!”

หลินเยวียนไม่ได้สนใจคำพูดไร้สาระของเธอ ยื่นมือออกมา บีบแก้มของพี่สาวหมับ

พี่สาวไม่พอใจ “เบาหน่อย!”

หลินเยวียนพึมพำ “เบาไปจะไม่ได้ผล”

บีบอยู่สิบกว่าวินาที หลินเยวียนก็รู้สึกว่าได้ที่แล้ว จึงรีบปรี่กลับห้องนอนไป และปิดประตูไล่หลัง

‘หลินเยวียนล่ะ’

‘ทำไมเงียบ’

เจี่ยนอี้กับซย่าฝานถามในกลุ่ม

หลินเซวียนตอบ ‘น้องชายโตแล้ว ไม่ไหวเลย ทำเมกอัปพี่เละหมด’

เจี่ยนอี้ ‘???’

ซย่าฝาน ‘???’

หลินเซวียน ‘ซย่าฝาน พี่ขอลายเซ็นหน่อย ถ้าขายได้เดี๋ยวพี่แบ่งเงินให้หนึ่งในสี่ ไม่สิ แบ่งหนึ่งในสาม!’

……

หลินเยวียนพิงกับประตู ฉวยโอกาสที่มือยังขึ้น รีบร้องเรียกระบบ “เปิดกล่องสมบัติทองแดงหนึ่งใบเร็ว”

“กำลังเริ่มต้น”

ระบบโหลดอยู่หลายวินาที กำชับว่า “ยินดีด้วย คุณโชคดีระเบิด ได้รับรางวัลระดับกล่องสมบัติเงิน เป็นการ์ดตัวละครของจิตรกรชื่อดังฉีไป๋สือ[1] หลังจากใช้งานแล้วภายในหนึ่งชั่วโมงจะได้รับฝีมือด้านจิตรกรรมขั้นสูงสุดของฉีไป๋สือ แนะนำให้คุณใช้ในการวาดภาพกุ้งด้วยน้ำหมึก”

หลินเยวียนอึ้งไป

จะบอกว่ามือขึ้น ก็ขึ้นมากเสียด้วย ฝีมือด้านจิตรกรรมขั้นสูงสุดของฉีไป๋สือนั้นมีมูลค่าสูงขนาดไหน หลินเยวียนเองก็รู้

แต่ปัญหาก็คือ…

ต่อให้หลินเยวียนวาดภาพกุ้งที่ฉีไป๋สือเชี่ยวชาญออกมา ในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่มีทางขายได้ราคาเดียวกับผลงานของฉีไป๋สือหรอก

“ได้น้อยแต่ก็ไม่ได้ขาดทุน”

หลินเยวียนใคร่ครวญสักพัก

ในตอนนี้เขาเหลือเพียงกล่องสมบัติสีเงินหนึ่งใบที่ยังไม่ได้เปิด

แต่ยังไม่ต้องเปิดก็แล้วกัน รอให้รวบรวมโชคดีอีกสักหน่อยถึงจะได้ เรื่องพวกนี้จะประมาทไม่ได้ จะต้องรอโอกาสมาหาเอง

หลินเยวียนเปิดประตูออกมา

หลินเซวียนเอ่ย “ทำไมเร็วจัง”

หลินเยวียนพยักหน้า “ผมล้างชามเอง”

หลินเซวียนไม่มีความเห็น “จะได้ล้างมือด้วย”

ถ้าเป็นแม่ละก็ ไม่มีปล่อยให้ถึงตาหลินเยวียนล้างชามหรอก ตอนนี้แม่ไม่อยู่ หลินเซวียนก็ได้อกได้ใจขึ้นมา เรื่องรังแกน้องชายน่ะหรือ สนุกสุดๆ ไปเลย

………………………………………………………

[1] ฉีไป๋สือ (1864 – 1957) จิตรกรชาวจีน เชี่ยวชาญด้านการเขียนตัวอักษรจีน และภาพวาดพู่กัน ผลงานโดดเด่นคือภาพวาดกุ้ง