หลี่ฉางโซ่วรู้สึกเหมือนว่า กำลังเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ ทันใดนั้นเขาก็คิดแล้วขับเคลื่อนเมฆไปข้างหน้าก่อนจะโค้งคำนับให้ชายชรา
“ข้า หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียน ขอน้อมพบผู้อาวุโสขอรับ”
ในขณะนั้น เทพเฒ่าจันทราก็เผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขพลางกล่าวว่า “ในที่สุด ข้าก็ได้พบเจ้า ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
“นี่คือความฝันซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างความเพลิดเพลินให้เจ้าได้ เช่นนั้น พวกเรานั่งลงพูดคุยกันเถิด ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า จากนั้นชายทั้งสองก็นั่งลงคนละด้านแล้วพูดคุยกัน
พวกเขามองหน้าและยิ้มให้แก่กัน ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ
สิ่งที่เทพเฒ่าจันทราคิดคือ คนผู้นี้น่าจะพูดคุยด้วยได้ง่าย
ขณะที่หลี่ฉางโซ่วรู้สึกก็คือ ดูเหมือนว่า เฒ่าจันทราผู้นี้…ดูไม่อ่อนแออย่างที่เคยคาดคิดไว้
“ผู้อาวุโส โปรดบอกข้ามาตามตรงเถิดขอรับว่าเกิดอันใดขึ้น ผู้น้อยรู้ว่าท่านยุ่ง จึงไม่กล้ารั้งท่านไว้ให้ล่าช้ามากเกินไปขอรับ”
“แค่กๆ…ได้สิ” เทพเฒ่าจันทราครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาก่อนจะกระแอมไอในลำคอแล้วกล่าวว่า “อ่า…ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ร่างกายของเจ้ามีอันใดผิดปกติหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วกล่าวว่า “แค่มีอาการคันนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ขอรับ”
เทพเฒ่าจันทราขมวดคิ้วและรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “อืม…เจ้ายังรู้สึกว่าพลังหยางของเจ้าควบแน่นขึ้นมาหรือไม่ หัวใจของเจ้าเต้นแรงขึ้นหรือไม่ และรู้สึก…มีความปรารถนาขึ้นมาในร่างกายหรือไม่”
“ข้าไม่รู้เรื่องนั้นขอรับ”
“ช้าก่อน” เทพเฒ่าจันทราโบกมือ แล้วจู่ๆ กระถางต้นเซียงก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา “นี่คือสมบัติวิญญาณ ต้นเซียง ข้าจะใช้กิ่งไม้นี้จิ้มร่างของเจ้าเพื่อสัมผัสดูว่าเจ้ารู้สึกหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับอย่างร่วมมือ แต่ลึกๆ แล้ว เขากำลังคิดเรื่องนี้ในใจ
ความฝันนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ลองคิดดูดีๆ ก็ดูเหมือนว่ายังมีตำราบางเล่มที่บันทึกเรื่องราวของการเดินทางข้ามผ่านความฝัน…
จากนั้น กิ่งหนึ่งของต้นเซียงก็ยื่นเข้าไปหาหลี่ฉางโซ่ว ปล่อยให้มันจิ้มร่างของเขาเล็กน้อย ขณะที่ความคิดของเขาปรากฏขึ้นในใจ การหายใจของเขากระชั้นถี่ขึ้นเล็กน้อย
เทพเฒ่าจันทราหยุดชั่วคราวแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ้ารู้สึกอะไรหรือไม่”
“ขอรับ…”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มในใจขณะที่สัมผัสได้ถึงพลังหยางที่พลุ่งพล่านในร่างกายของเขา แต่เขาแสร้งทำเป็นขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “มี แต่ไม่มากขอรับ”
“อืม…อืม…” เทพเฒ่าจันทราขมวดคิ้ว และจู่ๆ ก็ฝืนยิ้มขื่นออกมาแล้วกล่าวต่อว่า “เช่นนั้น เรามาลองกันอีกสักสองสามครั้ง”
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอและปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
หากเขาถูกจิ้มอีกครั้ง อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ!
“ไม่เป็นไรขอรับ ท่านผู้อาวุโส ข้าจะขอกลับไปพักฟื้น และศิษย์น้องหญิงของข้ายังคงอยู่ข้างๆ ข้า จึงไม่ใคร่สะดวกนักขอรับ”
ทันใดนั้นเทพเฒ่าจันทราพลันขมวดคิ้วทันที
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม…
……
แล้วหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม…
ในเวลานี้ ที่ด้านหน้าของเครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัวในศาลสวรรค์ ร่างของเทพเฒ่าจันทราพลันขยับแล้วตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มขณะที่ลูบเคราของเขาอย่างอารมณ์ดี
จากนั้นเขาก็สัมผัสแขนเสื้อและตระหนักว่า ในตอนนี้แหวนอาวุธเวทที่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บเป็นสองเท่าได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยใดๆ แล้ว เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เขามีท่าทางของศิษย์สำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง!”
“แค่กๆๆ” จากนั้นเจ้าหน้าที่เซียนผู้สวมเกราะสีทองข้างๆ เขาก็กระแอมไอและจู่ๆ ก็ลื่นไถล แต่ร่างของเขาก็ทรงตัวกลับมามั่นคงได้อย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่เทพเฒ่าจันทราพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมในความฝันในเวลานี้ แต่เขาก็ใช้พลังเซียนของเขาเพื่อสร้างมันขึ้นมา
เขาเกือบจะใช้พลังวิญญาณต้นกำเนิดไปหมดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาส่งความฝันไปหลายครั้งติดต่อกันมาก่อนหน้านี้…
“เทพเฒ่าจันทรา ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ขอรับ”
“ขอบคุณสหายเต๋า ขอบคุณสหายเต๋ามาก!” เทพเฒ่าจันทรากล่าวพลางหยิบกล่องผ้าจากกระเป๋าหน้าอกของเขาออกมา “นี่คือของเล็กน้อยเพื่อตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือ ขอบคุณท่านมาก”
ทว่าใบหน้าของเจ้าหน้าที่เซียนเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมขณะที่ปฏิเสธเทพเฒ่าจันทราอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “อา ข้ามิใช่เซียนผู้ละโมบเช่นนั้น!”
“ข้าปล่อยให้ท่านช่วยโดยที่ท่านไม่ได้รับประโยชน์ใดมิได้ ข้าต้องขออภัยในเรื่องนี้จริงๆ” เทพเฒ่าจันทรากล่าวอย่างสุภาพ
แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นดั่งคนหนึ่งผลักและอีกคนปฏิเสธ ทว่าในไม่ช้ากล่องผ้าก็ถูกวางไว้ในแขนเสื้อของเจ้าหน้าที่เซียนอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเทพเฒ่าจันทราก็ทำการคารวะเต๋าให้เขาก่อนจะออกจากหอเสิ่นเว่ยไป
เมื่อเจ้าหน้าที่เซียนส่งเทพเฒ่าจันทราออกไปแล้ว เขาก็นั่งอยู่ด้านหน้าหอพลางถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก
บัดนี้เจ้าหน้าที่เซียนผู้นี้ผอมบางลงกว่าเมื่อครึ่งปีก่อนมาก
ในเวลาเดียวกันที่อีกด้านหนึ่งนั้น เทพเฒ่าจันทราอารมณ์ดียิ่งในขณะที่บินไปข้างหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ฉางโซ่วช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่ดีจริงๆ
ไม่แปลกเลยที่ศิษย์สำนักตู้เซียนคนนี้จะได้รับพลังแห่งสามดาวมงคล เขาเคารพผู้อาวุโสและรู้มารยาท รวมถึงเอาใจใส่แม้แต่เซียนซึ่งถือเป็นเทพน้อยผู้ไม่มีความสำคัญใดๆ เช่นข้า
คนส่วนใหญ่มักจะพูดคุยกับข้าในเรื่องการครองคู่เท่านั้น
ทว่าในระหว่างการสนทนาที่ยาวนานกับฉางโซ่ว เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องการครองคู่เลย!
และนั่นทำให้เทพเฒ่าจันทรารู้สึกสบายอย่างยิ่งยวด
หลี่ฉางโซ่วเฉลียวฉลาดนักที่กล่าวว่า ‘ปล่อยให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ’ และเขาก็เป็นอัจฉริยะที่ฉลาดกว่าแม่ทัพแห่งศาลสวรรค์มากจริงๆ!
เพราะสุดท้ายแล้ว การครองคู่ก็เป็นเพียงเรื่องของการปล่อยให้ดำเนินไปตามธรรมชาติไม่ใช่หรือ
ฉางโซ่วคิดหนักอย่างยิ่งก่อนจะให้สัตย์สาบานว่าจะทำให้ข้า ตาเฒ่าผู้นี้รู้สึกสบายใจ…
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาสาบานร่วมกัน เนื้อหาของคำสาบานของหลี่ฉางโซ่วนั้นก็ค่อนข้างละเอียดมาก
แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เทพเฒ่าจันทราก็รู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมาก โดยเขาได้พิจารณาเงื่อนไขและสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว
เขาให้สัตย์สาบานปฏิญญาต้าเต๋าว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่พูดถึงเรื่องความเสียหายของรูปปั้นดินเหนียวอีกในอนาคต และเทพเฒ่าจันทราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการครองคู่ของหลี่ฉางโซ่ว แล้วหลี่ฉางโซ่วก็จะไม่บอกเรื่องความฝันนี้ของเขากับผู้ใด
ความจริงแล้ว เมื่อเทพเฒ่าจันทราได้ตรวจสอบรูปปั้นดินเหนียวอย่างใกล้ชิดและละเอียดแล้ว เขาก็พบว่ามันถูกห่อหุ้มด้วยพลังแห่งเต๋าสวรรค์ จึงไม่เสียหายแต่อย่างใด มันสามารถเติบโต และพันผูกด้ายแดงได้และสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
เดิมทีเทพเฒ่าจันทราเพียงแค่กังวลเท่านั้น…
แต่เขาไม่คาดคิดว่า หลี่ฉางโซ่วจะห่วงใยเรื่องผลกระทบต่อตำแหน่งของเขาในฐานะเทพเฒ่าจันทรา คำพูดเหล่านั้นช่างบีบคั้นหัวใจของเขาจริงๆ!
มันง่ายสำหรับเขาหรือ
เดิมทีเขาก็ไม่มีเบื้องหลังใดและขอบเขตพลังของเขาก็ไม่สูงเช่นกัน แต่เขาก็ได้รับแต่งตั้งจากเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ดำรงตำแหน่งนี้ เขาต้องจัดการติดต่อกับโลกภายนอกและทำธุระให้ศาลสวรรค์และเต๋าสวรรค์
เทพเฒ่าจันทราจึงไม่กล้าล่วงเกินขุนนางสวรรค์ชั้นสูงแห่งศาลสวรรค์ให้ขุ่นเคืองใจ
เขาไม่กล้ารุกรานผู้ที่ครองขอบเขตพลังสูงกว่าเขา
และเขาก็ไม่กล้ายั่วยุผู้ใดที่มีภูมิหลังแข็งแกร่ง…
อย่างไรก็ตาม ตำหนักครองคู่เป็นสถานที่ที่ละเอียดอ่อน หากเขาเห็นแก่ตัว เขาจะถูกสายฟ้าเทพสวรรค์ม่วงทำให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างง่ายดาย…
‘ท่านผู้อาวุโส ชีวิตของท่านช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก’
เทพเฒ่าจันทราแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะเอามือไพล่หลัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี
เทพเฒ่าจันทราอายุหมื่นปีแล้ว เขาย่อมรู้ว่าชีวิตของเขาลำบากเพียงใด!
บัดนี้ผู้ที่เข้าใจข้า จงเจริญด้วยอายุขัยยิ่งยืนนาน!
หากทำได้ ข้าก็อยากจะทำให้ศิษย์จากสำนักตู้เซียนผู้นี้เป็นคนสนิทของข้า!
ใช่แล้ว เขาพูดถึงเรื่องราวอาจารย์ของเขาด้วย
หลังจากที่ผ่านความยากลำบากมาแล้วมากมาย แต่สหายเต๋าฉีหยวนก็ยังไม่ใส่ใจต่อคำวิจารณ์เกี่ยวกับตัวเขา แต่กลับใช้พลังใจและความพากเพียรอย่างมากของเขาจนกลายเป็นเซียนจั๋ว
ฉางโซ่วใช้เรื่องราวนี้เพื่อให้กำลังใจข้าให้ใช้ชีวิตที่ยากลำบากนี้ต่อไป…
และในภายภาคหน้า หากสหายเต๋าฉีหยวนประสงค์จะมาเข้าร่วมศาลสวรรค์ ข้าจะต้องช่วยเขาอย่างแน่นอน!
ของขวัญชดเชยสำหรับสหายน้อยฉางโซ่วนั้นไม่มีอะไรเลยจริงๆ!
เขาแค่เกลียดตัวเองที่เตรียมการมาน้อยเกินไป!
ในหอโอสถของยอดเขาหยกน้อยในสำนักตู้เซียน บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วตื่นจากความฝันและมองสำรวจสภาพแวดล้อมของเขาไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตานั้น เขาก็ตระหนักว่าศิษย์น้องหญิงน้อยอยู่ห่างจากเขาออกไปสามสิบฉื่อโดยหันหลังให้เขาในขณะที่ใบหน้าของนางแดงก่ำ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็มองลงไปที่เสื้อคลุมของเขา…
อืม…
มันยากจะอธิบายได้จริงๆ
ในความฝันของเขานั้น เขาถูกต้นเซียงจิ้มร่างกาย เขาไม่อาจทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นเพียงเซียนบุรุษธรรมดาที่ยังไม่อาจตัดขาดความรู้สึกและกิเลสตัณหาออกไปได้
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าของเขาโดยไม่ทิ้งร่องรอย แล้วเก็บแหวนที่ปรากฏขึ้นมาในมือซึ่งมาจากที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้พลางแย้มยิ้มออกมา
“ข้าตื่นแล้ว”
“ศิษย์พี่…ศิษย์พี่” ทันใดนั้นไหล่ของหลิงเอ๋อร์น้อยพลันสั่นสะท้าน ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้ากลับมามองเขา จากนั้นนางจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ข้า ข้าจะกลับไปก่อน…แล้วข้าจะกลับมาทีหลังนะเจ้าคะ!”
และทันทีที่กล่าวจบ นางก็วิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองในขณะที่มีควันขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากศีรษะ…
ชั่วเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็แย้มยิ้มออกมากะทันหันแล้วปิดการใช้งานค่ายกลโดยรอบให้นาง แต่ก็อดจะบ่นพึมพำในใจของเขาไม่ได้ ความจริงแล้วนางยังไม่ได้รักข้าจริงจังขนาดนั้น