ตอนที่ 67.2 ผู้ที่เข้าใจข้า จงเจริญ! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกเหมือนว่า กำลังเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ ทันใดนั้นเขาก็คิดแล้วขับเคลื่อนเมฆไปข้างหน้าก่อนจะโค้งคำนับให้ชายชรา

“ข้า หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียน ขอน้อมพบผู้อาวุโสขอรับ”

ในขณะนั้น เทพเฒ่าจันทราก็เผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขพลางกล่าวว่า “ในที่สุด ข้าก็ได้พบเจ้า ไม่ต้องมากพิธีหรอก”

“นี่คือความฝันซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างความเพลิดเพลินให้เจ้าได้ เช่นนั้น พวกเรานั่งลงพูดคุยกันเถิด ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า จากนั้นชายทั้งสองก็นั่งลงคนละด้านแล้วพูดคุยกัน

พวกเขามองหน้าและยิ้มให้แก่กัน ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ

สิ่งที่เทพเฒ่าจันทราคิดคือ คนผู้นี้น่าจะพูดคุยด้วยได้ง่าย

ขณะที่หลี่ฉางโซ่วรู้สึกก็คือ ดูเหมือนว่า เฒ่าจันทราผู้นี้…ดูไม่อ่อนแออย่างที่เคยคาดคิดไว้

“ผู้อาวุโส โปรดบอกข้ามาตามตรงเถิดขอรับว่าเกิดอันใดขึ้น ผู้น้อยรู้ว่าท่านยุ่ง จึงไม่กล้ารั้งท่านไว้ให้ล่าช้ามากเกินไปขอรับ”

“แค่กๆ…ได้สิ” เทพเฒ่าจันทราครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาก่อนจะกระแอมไอในลำคอแล้วกล่าวว่า “อ่า…ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ร่างกายของเจ้ามีอันใดผิดปกติหรือไม่”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วกล่าวว่า “แค่มีอาการคันนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ขอรับ”

เทพเฒ่าจันทราขมวดคิ้วและรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “อืม…เจ้ายังรู้สึกว่าพลังหยางของเจ้าควบแน่นขึ้นมาหรือไม่ หัวใจของเจ้าเต้นแรงขึ้นหรือไม่ และรู้สึก…มีความปรารถนาขึ้นมาในร่างกายหรือไม่”

“ข้าไม่รู้เรื่องนั้นขอรับ”

“ช้าก่อน” เทพเฒ่าจันทราโบกมือ แล้วจู่ๆ กระถางต้นเซียงก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา “นี่คือสมบัติวิญญาณ ต้นเซียง ข้าจะใช้กิ่งไม้นี้จิ้มร่างของเจ้าเพื่อสัมผัสดูว่าเจ้ารู้สึกหรือไม่”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับอย่างร่วมมือ แต่ลึกๆ แล้ว เขากำลังคิดเรื่องนี้ในใจ

ความฝันนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

ลองคิดดูดีๆ ก็ดูเหมือนว่ายังมีตำราบางเล่มที่บันทึกเรื่องราวของการเดินทางข้ามผ่านความฝัน…

จากนั้น กิ่งหนึ่งของต้นเซียงก็ยื่นเข้าไปหาหลี่ฉางโซ่ว ปล่อยให้มันจิ้มร่างของเขาเล็กน้อย ขณะที่ความคิดของเขาปรากฏขึ้นในใจ การหายใจของเขากระชั้นถี่ขึ้นเล็กน้อย

เทพเฒ่าจันทราหยุดชั่วคราวแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ้ารู้สึกอะไรหรือไม่”

“ขอรับ…”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มในใจขณะที่สัมผัสได้ถึงพลังหยางที่พลุ่งพล่านในร่างกายของเขา แต่เขาแสร้งทำเป็นขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “มี แต่ไม่มากขอรับ”

“อืม…อืม…” เทพเฒ่าจันทราขมวดคิ้ว และจู่ๆ ก็ฝืนยิ้มขื่นออกมาแล้วกล่าวต่อว่า “เช่นนั้น เรามาลองกันอีกสักสองสามครั้ง”

หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอและปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

หากเขาถูกจิ้มอีกครั้ง อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ!

“ไม่เป็นไรขอรับ ท่านผู้อาวุโส ข้าจะขอกลับไปพักฟื้น และศิษย์น้องหญิงของข้ายังคงอยู่ข้างๆ ข้า จึงไม่ใคร่สะดวกนักขอรับ”

ทันใดนั้นเทพเฒ่าจันทราพลันขมวดคิ้วทันที

ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม…

……

แล้วหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม…

ในเวลานี้ ที่ด้านหน้าของเครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัวในศาลสวรรค์ ร่างของเทพเฒ่าจันทราพลันขยับแล้วตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มขณะที่ลูบเคราของเขาอย่างอารมณ์ดี

จากนั้นเขาก็สัมผัสแขนเสื้อและตระหนักว่า ในตอนนี้แหวนอาวุธเวทที่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บเป็นสองเท่าได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยใดๆ แล้ว เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เขามีท่าทางของศิษย์สำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง!”

“แค่กๆๆ” จากนั้นเจ้าหน้าที่เซียนผู้สวมเกราะสีทองข้างๆ เขาก็กระแอมไอและจู่ๆ ก็ลื่นไถล แต่ร่างของเขาก็ทรงตัวกลับมามั่นคงได้อย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่เทพเฒ่าจันทราพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมในความฝันในเวลานี้ แต่เขาก็ใช้พลังเซียนของเขาเพื่อสร้างมันขึ้นมา

เขาเกือบจะใช้พลังวิญญาณต้นกำเนิดไปหมดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาส่งความฝันไปหลายครั้งติดต่อกันมาก่อนหน้านี้…

“เทพเฒ่าจันทรา ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ขอรับ”

“ขอบคุณสหายเต๋า ขอบคุณสหายเต๋ามาก!” เทพเฒ่าจันทรากล่าวพลางหยิบกล่องผ้าจากกระเป๋าหน้าอกของเขาออกมา “นี่คือของเล็กน้อยเพื่อตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือ ขอบคุณท่านมาก”

ทว่าใบหน้าของเจ้าหน้าที่เซียนเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมขณะที่ปฏิเสธเทพเฒ่าจันทราอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “อา ข้ามิใช่เซียนผู้ละโมบเช่นนั้น!”

“ข้าปล่อยให้ท่านช่วยโดยที่ท่านไม่ได้รับประโยชน์ใดมิได้ ข้าต้องขออภัยในเรื่องนี้จริงๆ” เทพเฒ่าจันทรากล่าวอย่างสุภาพ

แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นดั่งคนหนึ่งผลักและอีกคนปฏิเสธ ทว่าในไม่ช้ากล่องผ้าก็ถูกวางไว้ในแขนเสื้อของเจ้าหน้าที่เซียนอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเทพเฒ่าจันทราก็ทำการคารวะเต๋าให้เขาก่อนจะออกจากหอเสิ่นเว่ยไป

เมื่อเจ้าหน้าที่เซียนส่งเทพเฒ่าจันทราออกไปแล้ว เขาก็นั่งอยู่ด้านหน้าหอพลางถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก

บัดนี้เจ้าหน้าที่เซียนผู้นี้ผอมบางลงกว่าเมื่อครึ่งปีก่อนมาก

ในเวลาเดียวกันที่อีกด้านหนึ่งนั้น เทพเฒ่าจันทราอารมณ์ดียิ่งในขณะที่บินไปข้างหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

ฉางโซ่วช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่ดีจริงๆ

ไม่แปลกเลยที่ศิษย์สำนักตู้เซียนคนนี้จะได้รับพลังแห่งสามดาวมงคล เขาเคารพผู้อาวุโสและรู้มารยาท รวมถึงเอาใจใส่แม้แต่เซียนซึ่งถือเป็นเทพน้อยผู้ไม่มีความสำคัญใดๆ เช่นข้า

คนส่วนใหญ่มักจะพูดคุยกับข้าในเรื่องการครองคู่เท่านั้น

ทว่าในระหว่างการสนทนาที่ยาวนานกับฉางโซ่ว เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องการครองคู่เลย!

และนั่นทำให้เทพเฒ่าจันทรารู้สึกสบายอย่างยิ่งยวด

หลี่ฉางโซ่วเฉลียวฉลาดนักที่กล่าวว่า ‘ปล่อยให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ’ และเขาก็เป็นอัจฉริยะที่ฉลาดกว่าแม่ทัพแห่งศาลสวรรค์มากจริงๆ!

เพราะสุดท้ายแล้ว การครองคู่ก็เป็นเพียงเรื่องของการปล่อยให้ดำเนินไปตามธรรมชาติไม่ใช่หรือ

ฉางโซ่วคิดหนักอย่างยิ่งก่อนจะให้สัตย์สาบานว่าจะทำให้ข้า ตาเฒ่าผู้นี้รู้สึกสบายใจ…

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาสาบานร่วมกัน เนื้อหาของคำสาบานของหลี่ฉางโซ่วนั้นก็ค่อนข้างละเอียดมาก

แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เทพเฒ่าจันทราก็รู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมาก โดยเขาได้พิจารณาเงื่อนไขและสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว

เขาให้สัตย์สาบานปฏิญญาต้าเต๋าว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่พูดถึงเรื่องความเสียหายของรูปปั้นดินเหนียวอีกในอนาคต และเทพเฒ่าจันทราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการครองคู่ของหลี่ฉางโซ่ว แล้วหลี่ฉางโซ่วก็จะไม่บอกเรื่องความฝันนี้ของเขากับผู้ใด

ความจริงแล้ว เมื่อเทพเฒ่าจันทราได้ตรวจสอบรูปปั้นดินเหนียวอย่างใกล้ชิดและละเอียดแล้ว เขาก็พบว่ามันถูกห่อหุ้มด้วยพลังแห่งเต๋าสวรรค์ จึงไม่เสียหายแต่อย่างใด มันสามารถเติบโต และพันผูกด้ายแดงได้และสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์

เดิมทีเทพเฒ่าจันทราเพียงแค่กังวลเท่านั้น…

แต่เขาไม่คาดคิดว่า หลี่ฉางโซ่วจะห่วงใยเรื่องผลกระทบต่อตำแหน่งของเขาในฐานะเทพเฒ่าจันทรา คำพูดเหล่านั้นช่างบีบคั้นหัวใจของเขาจริงๆ!

มันง่ายสำหรับเขาหรือ

เดิมทีเขาก็ไม่มีเบื้องหลังใดและขอบเขตพลังของเขาก็ไม่สูงเช่นกัน แต่เขาก็ได้รับแต่งตั้งจากเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ดำรงตำแหน่งนี้ เขาต้องจัดการติดต่อกับโลกภายนอกและทำธุระให้ศาลสวรรค์และเต๋าสวรรค์

เทพเฒ่าจันทราจึงไม่กล้าล่วงเกินขุนนางสวรรค์ชั้นสูงแห่งศาลสวรรค์ให้ขุ่นเคืองใจ

เขาไม่กล้ารุกรานผู้ที่ครองขอบเขตพลังสูงกว่าเขา

และเขาก็ไม่กล้ายั่วยุผู้ใดที่มีภูมิหลังแข็งแกร่ง…

อย่างไรก็ตาม ตำหนักครองคู่เป็นสถานที่ที่ละเอียดอ่อน หากเขาเห็นแก่ตัว เขาจะถูกสายฟ้าเทพสวรรค์ม่วงทำให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างง่ายดาย…

‘ท่านผู้อาวุโส ชีวิตของท่านช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก’

เทพเฒ่าจันทราแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะเอามือไพล่หลัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี

เทพเฒ่าจันทราอายุหมื่นปีแล้ว เขาย่อมรู้ว่าชีวิตของเขาลำบากเพียงใด!

บัดนี้ผู้ที่เข้าใจข้า จงเจริญด้วยอายุขัยยิ่งยืนนาน!

หากทำได้ ข้าก็อยากจะทำให้ศิษย์จากสำนักตู้เซียนผู้นี้เป็นคนสนิทของข้า!

ใช่แล้ว เขาพูดถึงเรื่องราวอาจารย์ของเขาด้วย

หลังจากที่ผ่านความยากลำบากมาแล้วมากมาย แต่สหายเต๋าฉีหยวนก็ยังไม่ใส่ใจต่อคำวิจารณ์เกี่ยวกับตัวเขา แต่กลับใช้พลังใจและความพากเพียรอย่างมากของเขาจนกลายเป็นเซียนจั๋ว

ฉางโซ่วใช้เรื่องราวนี้เพื่อให้กำลังใจข้าให้ใช้ชีวิตที่ยากลำบากนี้ต่อไป…

และในภายภาคหน้า หากสหายเต๋าฉีหยวนประสงค์จะมาเข้าร่วมศาลสวรรค์ ข้าจะต้องช่วยเขาอย่างแน่นอน!

ของขวัญชดเชยสำหรับสหายน้อยฉางโซ่วนั้นไม่มีอะไรเลยจริงๆ!

เขาแค่เกลียดตัวเองที่เตรียมการมาน้อยเกินไป!

ในหอโอสถของยอดเขาหยกน้อยในสำนักตู้เซียน บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วตื่นจากความฝันและมองสำรวจสภาพแวดล้อมของเขาไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตานั้น เขาก็ตระหนักว่าศิษย์น้องหญิงน้อยอยู่ห่างจากเขาออกไปสามสิบฉื่อโดยหันหลังให้เขาในขณะที่ใบหน้าของนางแดงก่ำ

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็มองลงไปที่เสื้อคลุมของเขา…

อืม…

มันยากจะอธิบายได้จริงๆ

ในความฝันของเขานั้น เขาถูกต้นเซียงจิ้มร่างกาย เขาไม่อาจทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นเพียงเซียนบุรุษธรรมดาที่ยังไม่อาจตัดขาดความรู้สึกและกิเลสตัณหาออกไปได้

หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าของเขาโดยไม่ทิ้งร่องรอย แล้วเก็บแหวนที่ปรากฏขึ้นมาในมือซึ่งมาจากที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้พลางแย้มยิ้มออกมา

“ข้าตื่นแล้ว”

“ศิษย์พี่…ศิษย์พี่” ทันใดนั้นไหล่ของหลิงเอ๋อร์น้อยพลันสั่นสะท้าน ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้ากลับมามองเขา จากนั้นนางจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ข้า ข้าจะกลับไปก่อน…แล้วข้าจะกลับมาทีหลังนะเจ้าคะ!”

และทันทีที่กล่าวจบ นางก็วิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองในขณะที่มีควันขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากศีรษะ…

ชั่วเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็แย้มยิ้มออกมากะทันหันแล้วปิดการใช้งานค่ายกลโดยรอบให้นาง แต่ก็อดจะบ่นพึมพำในใจของเขาไม่ได้ ความจริงแล้วนางยังไม่ได้รักข้าจริงจังขนาดนั้น