ไม่แปลกที่มันจะเป็นการบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียว

เขาได้เริ่มต้นแผนการนี้ตั้งแต่ที่เขาพบเทพเจ้ามือใหม่อย่างเทพเจ้ากระดูกเน่า ที่เป็นเช่นเดียวกับเขา

เขาสร้าง ‘ข้อบกพร่อง’ จำนวนมากในบาเรียนอกอาณาจักรศักดิ์สิทธิของเขา ทำให้รอยแตกที่มันเข้ามาดูเหมือนจะอ่อนแอกว่าจุดอื่น แต่มันไม่ใช่ เขาทำให้มันจะต้องใช้พลังงานเทพเจ้าไปมากในการทำลายบาเรียที่มันคิดว่า ‘อ่อนแอกว่าจุดอื่น’ แต่ความจริงแล้วรอยแตกนั้นใช้พลังงานเทพเจ้าในการทำลายมากกว่าจุดอื่น

จากนั้นซีเว่ยก็ใช้ช่วงเวลาพิเศษก่อนสงคราม รวบรวมเหล่าผู้ศรัทธานับร้อย ทำให้เขาได้รับพลังงานเทพเจ้าจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

แต่ถึงแม้เขาจะมีรายได้มาก ซีเว่ยก็ยังคงประหยัด แม้แต่การสร้างรูปลักษณ์ใหม่ให้ตัวเอง เขาก็ยังไม่ทำ

ในขณะที่ผู้เล่นถูกพบโดยผู้ศรัทธาของเทพเจ้ากระดูกเน่า เขาก็ทำเหมือนว่าเขาอ่อนแอและไม่กล้าแสดงตัว ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความจริง ผู้เล่นยังคงมีประสบการณ์น้อยในตอนนั้น แม้แต่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมีเลเวลต่ำ พวกเขายังไม่สามารถต่อกรกับผู้ศรัทธาที่แข็งแกร่งของลัทธิกระดูกเน่าได้

ทั้งหมดนี้ทำให้เทพเจ้ากระดูกเน่าเห็นภาพลวงตาว่าซีเว่ยเป็นเทพที่อ่อนแอกว่า และเขาก็สามารถกินซีเว่ยเพื่อเพิ่มอัตลักษณ์และพลังงานเทพเจ้าของเขาได้

แต่อนิจจา หลังจากที่เขาใช้พลังงานเทพเจ้าไปถึงหนึ่งในสามเพื่อผ่านกับดักที่ซีเว่ยสร้างขึ้น เขาก็ถูกจับโดยซีเว่ย

หลังจากที่ได้สัมผัสกับเทพเจ้าอีกองค์ ซีเว่ยก็ตระหนักว่าเขาระวังตัวมากเกินไป แม้ว่าเทพเจ้ากระดูกเน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับซีเว่ย แต่ในฐานะที่เป็นเทพที่อาศัยอยู่ในยุคใกล้เคียงกับยุคกลางในโลกเดิมของเขา ก็ทำให้พวกเทพเจ้าใช้พลังได้เพียงเศษเสี้ยวที่พวกเขามี มันอ่อนแอจนถึงจุดที่ซีเว่ยต้องอายแทน นี่เป็นเพียงความอัปยศ ทั้ง ๆ ที่เทพองค์นี้ก็อยู่มานานและมีผู้ศรัทธามากกว่าซีเว่ยแท้ ๆ

มันก็เหมือนกับการที่ทั้งสองฝ่ายมีปืนไรเฟิลและกระสุนหลายนัดอยู่ในมือเหมือนกัน ซีเว่ยบรรจุกระสุนใส่ปืนไรเฟิลอย่างระมัดระวังและคอยซ่อนตัวอยู่หลังสิ่งกีดขวาง เพราะคาดว่าจะมีการดวลปืนเหมือนในหนังฮอลลีวูด

แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับใช้ปืนไรเฟิลแทนไม้กระบองโบกไปมาด้วยแรงกายเพียงอย่างเดียวขณะเขาพุ่งเข้ามาหาเขาทื่อ ๆ…มันตลกมาก ซีเว่ยเลยส่งกระสุนตรงเข้าใส่หน้าผากมันทันที

“เจ้าทำอะไรกับข้า! ทำไมข้าถึงหลุดออกไปไม่ได้” เทพเจ้ากระดูกเน่ายังคงไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เขาเป็นอยู่ และยังคงดิ้นรนต่อไป

“ฉันไม่ได้ทำเลย แกแค่โง่เกินไป” ซีเว่ยรวบร่วมพลังงานเทพเจ้าของเขาเพื่อทำลายเทพเจ้าตรงหน้า

สุดท้ายแม้ว่าศัตรูของเขาจะโง่แค่ไหนมันก็ยังเป็นเทพ พวกเขาต่างจากมนุษย์ ดังนั้นแม้ว่าซีเว่ยจะหักคอ ทุบหัว และสับเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาก็ยังไม่สามารถฆ่าเทพเจ้าได้

การฆ่าเทพมีเพียงวิธีเดียวนอกเหนือจากการปล่อยให้พวกเขาสลายหายไปเพราะไร้ซึ่งผู้ศรัทธาแล้ว ก็คือการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาโดยตรง!

ความศักดิ์สิทธิ์ของเทพ เป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา คำพูดนี้เป็นความจริงอย่างแน่นอน แต่มันก็คลุมเครือเกินไป นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสิ่งมีชีวิตในตำนานส่วนใหญ่จึงรู้ข้อเท็จจริงนี้ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่มนุษย์จะฆ่าเทพได้ นี่เป็นเพราะในขณะที่ความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเป็นจุดอ่อนของพวกเขา มันก็ยากที่จะทำลายล้างมากกว่าร่างกายของพวกเขา!

แล้วเหตุใดเทพจำนวนมากจึงตายในสงครามเทพเจ้าและปีศาจ?

เหตุผลนั้นง่ายมาก เทพเจ้ามีความสามารถในการแปลงพลังศรัทธาให้กลายเป็นพลังงานเทพเจ้า ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีในการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเทพ

พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยไหลไปรอบ ๆ ขณะที่มันถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังงานเทพเจ้าที่แข็งแกร่ง

พลังงานเทพเจ้านี้เคลือบอยู่บนหนวดของซีเว่ย ที่ปลายหนวดบางเส้นมีแสงเจิดจ้าและเปลี่ยนเป็นของแหลมคม มันเริ่มหมุนวนอย่างต่อเนื่องเหมือนสว่างขนาดจิ๋ว และเมื่อหนวดหลายเส้นถูกพันเข้าด้วยกัน มันก็ดูเหมือนกับสว่านขนาดยักษ์ที่มีทั้งเอฟเฟกต์แสงและเสียงแบบจัดเต็ม

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว! ข้าสามารถเป็นเทพภายใต้เจ้าได้!” ในที่สุดเทพเจ้ากระดูกเน่าก็คิดอะไรดี ๆ ผ่านกะโหลกหนา ๆ ของเขาได้ จากการที่เขากำลังจะถูกฆ่า เขาเริ่มพูดจาอ้อนวอนซีเว่ย “เจ้าเป็นเทพใหม่และเจ้าก็ยังไม่มีวิหารสังกัด เจ้าไม่อยากเป็นเทพเจ้าหลักของวิหารแพนธีออนหรือ ด้วยความช่วยเหลือของข้า เจ้าจะสามารถกลายเป็นเทพเจ้าหลักและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเทพเจ้าได้อย่างแน่นอน!”

“พูดดี แต่ฉันขอปฏิเสธ!” ซีเว่ยกะพริบแสง ขณะที่พลังงานเทพเจ้าของเขาควบแน่นมากขึ้นภายใต้แรงกระตุ้นของเขา “ฉันเกลียดพวกที่กินเนื้อและเลือดของมนุษย์”

“ทำไม?! มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่เติบโตเหมือนวัชพืช พวกมันสำคัญต่อเทพเจ้าอย่างเจ้ายังไง?” เทพเจ้ากระดูกเน่าไม่รู้ว่าซีเว่ยเดิมก็เคยเป็นมนุษย์ เขาจึงตะโกนถามด้วยความสับสน จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะได้ข้อสรุปว่าการอ้อนวอนซีเว่ยต่อไปนั้นไร้ประโยชน์ เขาจึงเริ่มขู่ “…หยุดได้แล้ว! ถ้าเจ้าฆ่าข้าที่นี่เทพกะโหลกจะหาเจ้าพบไม่ช้าก็เร็ว! สำหรับเทพเจ้าที่ไม่ใช่ผู้วายชนอย่างเจ้า การกระทำนี้เท่ากับการประกาศสงครามกับวิหารใต้พิภพทั้งหมดในคราวเดียว! ยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะยอมแพ้!”

“โอ้ จริงเหรอ” แสงบนตัวซีเว่ยขยับเป็นอีโมติคอนหน้ายิ้ม “สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุด คือการท้าทายตัวเองกับศัตรูเลเวลสูงกว่า!”

“เจ้ามันบ้า! ด้วยเหตุผลที่โง่เขลาเช่นนั้น…”

ซีเว่ยรู้สึกว่าศัตรูของเขาอาจกำลังพยายามทำให้เขาตายจากการที่เขาต้องมาฟังมันพล่ามไม่หยุด เขาจึงไม่รีรออีกต่อไป พลังงานเทพเจ้าของซีเว่ยหลอมรวมเป็นสว่านขนาดยักษ์ส่องแสงแพรวพราว

ช่วงเวลาต่อมาสว่านยักษ์ที่มีพลังมากที่สุดที่ซีเว่ยเคยใช้ตั้งแต่ที่เขาข้ามมายังโลกนี้ ก็ได้เสียบทะลุหัวของเทพเจ้ากระดูกเน่า เข้าทำลายสติและความศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวมันทันที!

นับจากนี้ต่อไป การดำรงอยู่ของเทพเจ้ากระดูกเน่าก็ได้หายจากโลกนี้ไปอย่างสิ้นเชิง

อันที่จริงหากเทพผู้ชั่วร้ายองค์นี้ระวังตัวมากขึ้นอีกสักหน่อย และพยายามหาทางเผชิญหน้ากับซีเว่ยในการดวล ถึงเขาจะไม่ชนะซีเว่ย แต่เขาก็คงไม่ตายอนาถแบบนี้

ขอย้อนคำพูดมันหน่อยที่ว่า ‘ความโลภคือความหายนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’ ความกระตือรือร้นที่จะกินซีเว่ยของมัน ทำให้มันต้องตกหลุมพรางอย่างน่าขัน

จากนี้ไปผู้ศรัทธาในเทพเจ้ากระดูกเน่าจะไม่ได้รับพรจากเทพเจ้าที่พวกเขาศรัทธาอีกต่อไป พวกเขาจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกครั้งด้วยภาพร่างกายที่น่าเกลียดน่ากลัวกว่าเดิม การใช้ชีวิตเช่นนี้ถือเป็นการลงโทษสำหรับพวกเขาที่ทรยศต่อมนุษย์เพื่อไขว่คว้าความแข็งแกร่ง!!

“หมอนี่อ้วนจริง ๆ …”

ซีเว่ยเริ่มดูดซับเศษชิ้นส่วนอัตลักษณ์ความเป็นเทพที่ร่วงหล่นออกมาอย่างมีความสุข เขาวิเคราะห์พลังใหม่อย่างรอบคอบ เพื่อเสริมและปรับปรุงอัตลักษณ์ความเป็นเทพเจ้าของเขา “มีขยะไร้ประโยชน์เต็มไปหมด แต่ก็มีของดีเยอะเหมือนกันแฮะ…”

เขาเหลือบมองไปทางศพของเทพเจ้ากระดูกเน่า

เทพเจ้าชั่วร้ายได้ตายไปแล้วแน่นอน แต่ร่างกายของเทพก็มีพลังงานแฝงที่แข็งแกร่ง แม้ว่าอัตลักษณ์ความเป็นเทพจะถูกทำลายและสติของมันก็หายไปแล้ว ร่างกายเปล่า ๆ ของเทพก็ยังคงอยู่ได้เป็นเวลานาน

ร่างไร้วิญญาณของเทพเจ้าที่แข็งแกร่งบางองค์ สามารถเคลื่อนไหวต่อไปได้ตามสัญชาตญาณหลังจากที่พวกเขาตาย อาจมีร่างกายเช่นนี้บางส่วนอยู่ในส่วนลึกของหุบเขาแห่งความตาย

“ดูเหมือนแผนการที่ถูกระงับไว้ก่อนหน้านี้ จะสามารถดำเนินการต่อได้แล้ว…”

—————————————————————————————————————————————————————————————————–