บทที่ 155 หยก

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 155 หยก

บทที่ 155 หยก
ซ้างชุนเซวี่ยขมวดคิ้วมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้น เธอรู้ถึงความน่ากลัวของมังกรเพลิงทั้งสองได้เป็นอย่างดีว่า ถ้าหากว่ามีหนึ่งหรือสองตัว เธอคนเดียวก็สามารถจัดการได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นคงต้องหนีอย่างเดียว
หากแต่ตอนนี้ชายชราคนนี้กลับสามารถใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเพื่อจัดการมังกรสองตัวได้ในคราวเดียว ซึ่งอันที่จริงแล้วหญิงสาวก็ไม่ได้ประหลาดใจกันมันมากนัก เธอไม่ลังเลที่จะปล่อยพลังน้ำแข็งออกมา
สายลมแห่งความเยือกเย็นค่อย ๆ ไหลออกมาผ่านมือที่โบกขึ้นลง ลูกศรน้ำแข็งโปร่งแสงเริ่มค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ก่อนที่มันจะถูกยิงเข้าใส่เป้าหมาย
ชายชราที่เห็นแบบนั้นจึงหยิบบางอย่างขึ้นมา ทันใดนั้นก็ปรากฏสายลมรุนแรงที่ทำให้ลูกศรน้ำแข็งพลาดเป้าออกไป
น้ำแข็งของซ้างชุนเซวี่ยนั้นน่ากลัว แต่มันก็ไม่สามารถทะลวงการป้องกันของชายชราเข้าไปได้ นี่ทำให้เธอกัดฟันด้วยความขุ่นเคือง
ถ้าเป็นแบบนี้ แม้ว่าจะรวมการโจมตีของทั้งสามคนเข้าด้วยกันก็คงไร้ประโยชน์อยู่ดี ตอนนี้หญิงสาวทำได้แค่เพียงขัดขวางไม่ให้ชายลึกลับคนนี้หนีไปได้เท่านั้น
เมื่อมองไปที่ดาบของฉู่เหิน ชายชราก็ขมวดคิ้วพร้อมกับเรียกกำแพงดินออกมาขวางฉู่เหิน
ท่างด้านฉู่เหิน เขาชักดาบออกมาพร้อมกับถ่ายเทพลังแห่งสวรรค์และโลกเข้าไปด้านในตัวดาบ หลังจากที่ผสมกันเข้าไปแล้ว สายลมก็พลันแผ่ออกมา เพียงชั่วพริบตาดาบก็มีขนาด 7 หรือ 8 เมตร ตอนนี้ฉู่เหินสามารถใช้ดาบได้คล่องแคล่วมากกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งพลังของดาบก็เพิ่มสูงขึ้นมาก
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังของดาบถึงขีดสุดแล้ว ฉู่เหินก็ตัดสินใจตวัดดาบโจมตีเต็มกำลังจนทำให้เกิดแรงระเบิดขึ้น กำแพงเริ่มมีรอยแตกร้าว การโจมตีในครั้งนี้ทำให้ชายชราถึงกับตกตะลึง
ฉู่เหินหงุดหงิดที่ดาบของเขาไม่สามารถทำลายกำแพงนี้ได้ในครั้งเดียว ดังนั้นจึงเร่งพลังลงไปในดาบอีกครั้ง หลังจากที่ดาบหนามปรากฏออกมา ชายหนุ่มก็ปล่อยให้มันลอยไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างต่อเนื่อง!
ฉู่เหินใช้วิชายกลอยอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงพลังของมันทุกครั้งที่มันหมุนด้วยความเร็วสูงสุด ซึ่งพลังของดาบมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มทำให้เขาควบคุมยากขึ้น
จนกระทั่งตอนนี้ สายตาของฉู่เหินก็ยังจ้องมองไปยังกำแพงเบื้องหน้า เขาฟันมันลงไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเลด้วยพลังสูงสุดของดาบเล่มนี้ ครั้งนี้มันสามารถตัดผ่าตั้งแต่หัวจรดเท้าได้เลยในทันทีจนได้ยินเสียงปริแตกอย่างชัดเจน
กำแพงที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ในตอนนี้ได้ถูกผ่าออกเป็นสองท่อนด้วยฝีมือของฉู่เหิน เมื่อจัดการเสร็จสิ้นเขาก็พุ่งไปหาชายชราทันที และเมื่อเห็นว่าพลังนี้มันไม่ได้กำลังถดถอยลงไป นั่นหมายความว่าเขาพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
ชายชราเริ่มหวาดกลัวเพราะไม่คิดว่าชายคนนี้จะฝ่าการป้องกันของเขาเข้ามาได้ด้วยการฟันเพียงสองครั้ง ต่อให้เขาจะหนีหรือซ่อนก็คงจะเป็นไปได้ยากแล้ว ในมือชายชราถือสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับหยก เขารีบปามันออกไปทันที
ก้อนหยกนั่นถึงจะเล็กแต่มันก็บรรจุพลังเอาไว้มากมาย ทันทีที่มันถูกขว้างออกมา ก้อนหยกก็พลันส่องแสงสว่างครอบไปทั่วท้องฟ้า
มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉู่เหินปาดาบออกมาพอดี เมื่อคมดาบปะทะเข้ากับก้อนหยก ดาบของเขาก็เริ่มมีรอยแตกร้าว
แรงส่งดาบนั่นไม่ได้หายไปในทันที หากแต่มันกลับแทงทะลุลึกลงไปยิ่งกว่าเดิมพร้อมด้วยเสียงประหลาดที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานนักก็เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกับกำแพงที่พังทลายลงมารวมไปถึงแสงที่สาดส่อง ก่อนที่ก้อนหยกจะร่วงลงไปกับพื้น
แม้ว่าดาบจะถูกลดพลังทำลายล้างไปด้วยก้อนหยก แต่ตัวดาบก็ยังคงทรงพลังอยู่บ้าง ถึงจะไม่สามารถตัดผ่านร่างของคู่ต่อสู้ได้ แต่มันก็ทำให้ชายชราตกใจถึงกับผงะออกมา ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดาบของฉู่เหินตัดผ่านหัวไหล่ซ้ายของชายชราไปพอดี
การป้องกันของชายชราถูกผ่าเข้ามาได้อย่างง่ายดายจนแขนของเขาขาดออกมาราวกับเต้าหู้นิ่ม ๆ ชายชรากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“แกกับฉันก็เหมือนกันนั่นแหละน่า สักวันฉันจะฆ่าแก” ชายชราพูดด้วยความขุ่นเคืองและวิ่งหนีไปด้วยความรวดเร็วชนิดที่ฉู่เหินก็ได้แต่ตะลึง เขาไม่คิดว่าชายชราจะวิ่งได้รวดเร็วแบบนี้
ฉู่เหินเดินมาหยิบก้อนหยกที่อยู่บนพื้นนั่นก่อนที่จะพุ่งไล่ตามชายชราไปด้วยความรวดเร็วพอ ๆ กัน
ระหว่างที่ชายชรากำลังวิ่งหนี ผ้าเช็ดหน้าและตราประทับขนาดใหญ่ก็ร่วงหล่นลงมาตามทาง ทั้งสามเก็บมันไปตามทางก่อนที่จะออกวิ่งไล่ล่าต่อ
เพียงชั่วพริบตาฉู่เฟิงก็จัดการตัวนิ่มลงได้ ตอนนี้ไม่มีสัตว์กลายพันธุ์อีกแล้ว ฉู่เฟิง โจวหู่และคนอื่นๆ เองก็รีบตามฉู่เหินไปทันที
พวกคนที่อยู่ในศูนย์บัญชาการต่างก็ตะลึงและเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถของฉู่เหินใหม่ การที่ปล่อยชายชราไปแบบนี้ก็ทำให้พวกเขาปวดหัวไม่น้อย ในระหว่างที่พวกเขากำลังจับตามองภาพนี้อยู่ก็ได้เริ่มวางแผนใหม่อีกครั้ง
ชายชราปลดปล่อยพลังออกมาและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขามั่นใจว่าจะสลัดทุกคนหนีออกไปได้ แต่ไม่นานนักฉู่เหินก็วิ่งตามเขามาด้วยความรวดเร็วถ้าเป็นแบบนี้ต่อเขาน่าจะต้องถูกจับตัวไปแน่
เมื่อคิดได้แบบนั้น ชายชราจึงยิ่งวิ่งให้เร็วขึ้นไปอีก ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในหัวของเขาเริ่มเบลอไปหมด ฉู่เหินเองก็ไล่ตามไปติด ๆ ไม่คิดจะปล่อยเป้าหมายให้คลาดสายตา
“เจ้าเด็กเหลือขอ แกนี่มันเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก แกกล้าที่จะวิ่งตามฉันจริง ๆ สินะ? ฉันไม่ยอมตายไปโดยที่ไม่มีแกตามไปด้วยหรอก”
พอได้ยินแบบนั้นจากชายชรา ฉู่เหินก็ไม่สนใจและวิ่งตามต่อไปอย่างไม่รู้จบ ถึงแม้เขาจะทำลายห้องทดลองและจัดการพวกสัตว์กลายพันธุ์ไปมากก็ตาม แต่มันก็ยังความคับแค้นอัดแน่นอยู่ในอก มันคือเรื่องราวระหว่างชายชราและฉู่เหินที่ตอนจบคงมีแต่ตอนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายเท่านั้น
ชายชราไม่ได้มีลูกเล่นอะไรทั้งนั้น เขาพุ่งไปยังภูเขาที่ใกล้ที่สุดพร้อม ๆ กันกับฉู่เหินที่ไล่ตามกันมา ระหว่างที่พวกเขากำลังวิ่งขึ้นลง มันก็ใช้เวลาไม่นานนักที่พวกเขาจะมาถึงภูเขาลูกนี้
ภูเขาปาเซียนคือเขาที่สูงที่สุดในเมืองจิงเหมิน ด้วยความสูงกว่า 1000 เมตร ถ้ามีใครปีนขึ้นไปต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก หากแต่ฉู่เหินและชายชราคนนี้กลับวิ่งขึ้นไปยังยอดเขาด้านบนด้วยความรวดเร็ว ต้องขอบคุณที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้ไม่งั้นก็น่าจะหัวใจวายตายกันไปแล้ว
Next