142 งานแต่งงาน ส่วนแรก
ขั้นตอนการกล่าวคำสาบานต่อพระเจ้าสิ้นสุดลงแล้ว
แขกเริ่มทยอยออกจากวิหารทีละคน
นี่เป็นงานแต่งงานระหว่าง ลูกชายคนโตของตระกูลฮาสกิตันซึ่งเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในจักรววรดิแว็ง เดอ ครุช กับลูกสาวคนโตของตระกูลคอร์คูลิส ซึ่งเป็นขุนนางจากอาณาจักร มาเวเลีย
คนที่ได้รับเชิญมาต่างก็เป็นผู้มีหน้าตาทางสังคม
มีสมาชิกหลายคนจากราชวงศ์แว็ง เดอ ครุช เช่นเดียวกับจากราชวงศ์ของอาณาจักรมาเวเลีย และพวกเขาล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจชั้นสูงซึ่งมีโอกาสเจอได้ยากแม้แต่ในโลกของชนชั้นสูง นอกจากนี้เจ้าชายแห่งอาณาจักรอาร์ตัวร์ยังเข้าร่วมงานนี้อย่างเงียบ ๆ
ถึงกระนั้น ก็เคยมีการวางแผนที่จะระงับการแต่งงาน เพราะพลังที่ทั้งสองตระกูลครอบครองนั้นมีมากมายมหาศาลเกินไป
ปู่ย่าตายายของลูกสาวคนโตของตระกูลคอร์คูลิสไม่สามารถเข้าร่วมพิธีได้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จากอาการบาดเจ็บทางร่างกาย ในกรณีนั้นจึงมีการตัดสินใจลดจำนวนแขกที่ได้เชิญลง
ไม่ใช่เรื่องหลังแต่งงาน แต่เป็นเรื่องจนถึงวันแต่งงาน
ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างทั้งสองตระกูลจพจะถูกเคลือบแคลงจากจำนวนแขก จึงต้องพิจารณาอิทธิพลที่จะส่งผลกระทบต่อโลกของชนชั้นสูง
ทั้งนี้ยังมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากในกลุ่มอายุ ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งผู้สูงวัย และผู้เยาว์วัย
กล้องของทีมตากล้องที่รออยู่ข้างนอกจับภาพเหล่าผู้มีอิทธิพลในรูปโฉมงดงามที่สวมใส่ชุดที่ตัดเย็บกันมาเป็นอย่างดี――เนื่องจากได้มีการอธิบายไปล่วงหน้าแล้ว จึงมีผู้มองด้วยความสนใจซ้ำสองสามครั้ง แต่ไม่มีใครส่งเสียงทัก
และแน่นอนว่าต้องมีกล้องของทีมงานทำการถ่ายทำระหว่างการกล่าวคำสาบานต่อพระเจ้าอยู่ภายในวิหารด้วย เลยคิดว่าคงไม่แปลกกันแล้วตอนนี้
――เจ้าสาวและเจ้าบ่าวออกมาโดยได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมือจากแขก
ฝั่งชายเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์แบบ ที่สามารถมองเห็นได้แม้จะสวมชุดสูทสีขาวอยู่ก็ตาม
ผู้ที่จับมือของเขาอยู่คือ หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์งดงามประดับด้วยลูกไม้หรูหรา
พวกเขาทั้งสองน่าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกในตอนนี้ หลังพวกเขาสาบานต่อพระเจ้าว่าพวกเขาจะมีความสุขด้วยกัน――หรืออาจขอพรให้มีความสุขเสร็จ ก็เดินจากไปเพื่อรับคำอวยพรมากมาย
แม้จะเร็วไปสักหน่อย แต่ฉันก็ขออธิษฐานให้อนาคตของทั้งสองคน
――ซ้า
“จ๊า ไปแล้วนะคะ”
ฉันขอตัวจากพลอากาศเอกคาคานะกับหัวหน้าทีมงานที่รับผิดชอบสถานที่นี้ และเริ่มออกวิ่ง
จากนั้น แทนที่จะไปยังทางเข้าด้านหน้าของวิหารอันงดงามที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว และแขกกำลังออกมา ฉันมุ่งตรงไปยังทางเข้าออกที่เป็นประตูเล็ก ๆ ด้านข้างเพื่อเข้าร่วมกับทีมงานถ่ายทำ และพลเอกกวิน เตรียมตัวเดินทางไปยังจุดถ่ายทำต่อไป
ส่วนแรกเสร็จสิ้นไปด้วยดี
ส่วนที่สองกำลังจะมาเร็ว ๆ นี้
จุดถ่ายทำต่อไปคือ คฤหาสน์ของตระกูลฮาสกิตัน
พวกเราขึ้นเรือเล็กสองลำล่วงหน้ามาก่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว และแขก
ทีมที่หนึ่งที่มาก่อนจะทำการถ่ายทำเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า และแขกที่มาถึงช้ากว่าเล็กน้อย
ส่วนที่สอง――ได้มีการเตรียมการสำหรับงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์เรียบร้อยแล้ว และถึงแม้ว่าอาหารจะยังไม่ถูกเสิร์ฟ แต่ก็มีโต๊ะมากมายในสวนอันกว้างใหญ่ ผ้าปูโต๊ะสีขาวบริสุทธิ์สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย
มากกว่าสิ่งอื่นใดคือ อากาศดี
ม๊า ถึงสภาพอากาศจะไม่ดี แต่ก็มีพื้นที่มากมายในคฤหาสน์
“――คิดว่าจากมุมนี้ถึงบริเวณนี้ก็น่าจะไม่เป็นไร”
มีการประชุมครั้งสุดท้ายกับกวิน
การถ่ายทำข้างนอก――พูดให้ตรงคือ ห้ามถ่ายทำที่อาจจะทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับแว็ง เดอ ครุชรั่วไหล แต่วันนี้ข้อจำกัดต่าง ๆ ได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
วกเราได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำที่นี่ในพื้นที่ของตระกูลฮาสกิตันได้ ทว่าก็ขึ้นอยู่กับทิศทาง และมุมของกล้อง
นอกเหนือจากจะถ่ายทำช่วงทักทายแขกได้แล้ว ดูเหมือนว่าข้อกำหนดเบื้องต้นจะให้สามารถ「ถ่ายทำโดยมีคฤหาสน์เป็นฉากหลังได้」
ขณะที่กำลังทำการยืนยันครั้งสุดท้าย ไม่นาน เจ้าบ่าวซัคเฟิร์ดและเจ้าสาวฟิเลเดีย ก็กลับมาในเรือสีขาวลำเล็กที่ตกแต่งสำหรับงานแต่งงาน
“ขอแสดงความยินดีกับงานแต่งงานด้วยนะคะ”
ฉันเดินเข้าไปหาทั้งสองคนขณะที่กำลังลงจากเรือที่เข้ามาถึงพื้นที่ถ่ายทำ จากนั้นก็ยื่นช่อดอกไม้ที่ถืออยู่ให้ และแสดงความยินดีกับพวกเขา
“ขอบคุณนะ เนีย”
ซัคเฟิร์ดมีรอยยิ้มเคอะเขินบนใบหน้าที่คมเข้ม และฟิเลเดียก็รับช่อดอกไม้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุด
การปรากฏตัวของทั้งสองคนถูกถ่ายทำไว้อย่างสวยงาม
ฟิเลเดีย ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างแปลงโฉม
จนถึงตอนนี้ เธอสวมชุดเดรสที่มีดีไซน์ของจักรวรรดิจากตระกูลฮาสกิตันที่เธอแต่งเข้า แต่จากนี้ไปจะเป็นชุดของบ้านเกิดของเธอจากอาณาจักรมาเวเลีย ถึงจะมีสีที่เหมือนกัน แต่ดีไซน์ก็ต่างกันมาก
“ต่างกันมากเลยนะค”
“เอ๊ะ? ……อา ใช่จ๊ะ”
ฉันคว้าชายกระโปรงพลิ้วไหวอันงดงามของฟิเลเดียจากคนรับใช้ของตระกูลฮาสกิตันซึ่งกำลังถือไว้ไม่ให้ลากพื้น และมุ่งหน้าไปที่ห้องรับรองพร้อมกับพวกเขาสองคน
“――ฟิ้ว เหนื่อยหน่อยนะ……ฟิล เอาน้ำหน่อยไหม?”
เมื่อเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้บนชั้นสองของคฤหาสน์ ซัคเฟิร์ดก็เทน้ำจากเหยือกบนโต๊ะลงในถ้วย
สำหรับพวกฉัน เมื่อวานกับเมื่อวานซืนคือจุดสูงสุด แต่ส่วนที่หนึ่งที่ดำเนินจนถึงเมื่อกี้ก็ทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูเหนื่อยล้าทางใจไม่ใช่น้อย
หลังจากนี้ งานปาร์ตี้ของชนชั้นสูงก็จะเริ่มต้นขึ้น โดยมีทั้งการพูดคุยกับแขก และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงจังหวะนี้ที่นี่จึงเป็นสถานที่เดียวที่ตัวเอกของงานจะได้พักหายใจ
ม๊า นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ด้วย
“……แล้ว เนีย? มีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยใช่ไหมจ๊ะ?”
ฟิเลเดียซึ่งได้รับน้ำจากซัคเฟิร์ดก็หันมาถามฉันว่าทำไมถึงมาที่นี่
ใช่แล้ว ฉันนัดหมายไว้แล้วในตอนที่พวกเราได้เจอกันเมื่อเช้า
ฉันบอกไปว่ามีเรื่องที่จะคุยด้วย ดังนั้นเลยขอเวลา
มีคนรับใช้รออยู่ใกล้ ๆ เพื่อรอช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า ดังนั้นฉันจึงมีเวลาไม่มาก
ไปกันเลยอย่าได้เสียเวลา
“นี่ค่ะ”
ฉันหยิบแผ่นคริสตัลเวทมนตร์ที่ถูกเตรียมไว้ในห้องก่อนแล้วขึ้นมา จากนั้นก็ทำให้ลอยอยู่ตรงหน้าฟิเลเดียที่นั่งอยู่หน้ากระจก และซัคเฟิร์ดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“มีผู้คนมากมายที่ต้องการส่งคำอวยพรให้กับทั้งสองคน ดังนั้นหนูจึงรับฝากไว้――ถ้าเป็นตอนนี้ก็จะสามารถร้องไห้ได้โดยไม่ต้องกลั้นไว้ค่ะ”
“……?”
“ร้องไห้?”
ดูเหมือนว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูด แต่ก็ไม่เป็นไร
พวกเขาจะเข้าใจได้ในทันทีที่ได้ดู นี่เป็นเรื่องจริง เพราะแม้แต่กับคาคานะที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยตรงก็ยังเป็นเช่นนั้น
ฉันส่งพลังเวทย์มนตร์เข้าไปต่อหน้าพวกเขาที่กำลังเฝ้าดูอยู่ และเมจิกวิชั่นก็เริ่มฉายออกมา
――ซ้า ถ้าจะร้องไห้ก็ไม่เป็นไรนะ
ในความเป็นจริงหลายคนบอกว่าจะดีกว่าถ้ามีจัดรูปแบบที่สามารถรับชมร่วมกับแขกได้
สำหรับพวกเขานี่เป็นงานแต่งงานที่สำคัญ แต่ให้พูดตามตรง สำหรับพวกเรานี่เป็นโอกาสอันดี เพราะผู้คนจำนวนมากซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะรวมบุคคลสำคัญของประเทศเข้ามาอยู่ที่เดียวกัน
หากต้องการบรรลุวัตถุประสงค์ในการขาย การโฆษณา และดึงดูดใจ ให้กับเมจิกวิชั่น การฉายให้ดูอย่างไม่ให้ตั้งตัวน่าจะส่งอิทธิพลที่มากยิ่งขึ้น
ทว่า ก็เป็นเจ้าหญิงโครเวนที่ทำให้การตัดสินใจของคนส่วนใหญ่กลับด้าน
――「พวกคุณพยายามที่จะทำให้เจ้าสาวร้องไห้กันรึไง แม้แต่ฉันที่ไม่มีแผนที่จะแต่งงานก็ยังนึกภาพออกได้ชัดเลย ทั้งเครื่องสำอางที่เลอะ ทั้งน้ำมูกที่ไหล และไม่ใช่แค่ความรู้สึกดีใจ ความรู้สึกขอบคุณเท่านั้นที่จะได้เห็น แต่ความรู้สึกเสียใจก็มองเห็นได้ชัดเหมือนกัน ต้องระวังเรื่องการแสดงออกอีก」และ
――「ถึงจะเป็นในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ข้างในใจก็ต้องกังวลเรื่องต่าง ๆ อยู่ดี แล้วยิ่งมีแขกอยู่ด้วย ใช้วิธีที่ยากต่อการร้องเรียนทีหลังจะดีกว่าน่ะ」นั่นคือสิ่งที่เธอพูด
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจังหวะนี้จึงเหมาะ
ตอนนี้เธอยังไม่ได้เปลี่ยนชุด จึงถือว่ายังคงเป็นช่วงรับคำอวยพรที่ต่อเนื่องมาจากตอนที่ออกจากวิหารได้