ตอนที่ 152 จำกันได้

ตอนที่ 152 จำกันได้

เมื่อเห็นเริ่นม่านลี่ดูประหลาดใจขนาดนั้น เหยาอี้หนิงจึงอดที่จะเอ่ยเสียไม่ได้ “คุณแสดงท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน หรือเพราะแม่ของผมไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของคุณตาคุณยาย คุณถึงได้ดูถูก?”

แน่นอนว่าในใจของเริ่นม่านลี่กำลังดูถูก

หากเหยาจิ้งถงไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของนายท่านเหยามาตั้งนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นเหยาอี้หนิงก็ไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของนายท่านเหยาเช่นกัน หล่อนมาแต่งงานกับลูกชายของลูกสาวบุญธรรมเขาหรือนี่ นี่มันอะไรกัน

แต่ในตอนนี้เริ่นม่านลี่ก็ไม่กล้าแสดงท่าทางอะไรออกมา เพราะตนแต่งงานกับเหยาอี้หนิงไปแล้ว แต่ก็ยังใส่ใจเรื่องที่ว่าใครเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่านเหยากันแน่ “ตอนนี้พวกแม่กับคนอื่นมาที่นี่ หรือว่าลูกสาวแท้ ๆ ของเขาคุณตาจะอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ยังไงผิดพลาดอะไรหรือเปล่า”

เหยาอี้หนิงก็หวังให้ผิดพลาด แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องถูก ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“แม่ของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็คือหล่อนคนนั้น”

“อะไรนะ…”

ใบหน้าของเริ่นม่านลี่ดูตกใจ หลังจากนั้นก็รีบส่ายหัวอย่างแรงก่อนจะพูดขึ้น “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยังไงกัน” หล่อนไม่สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้ มันรับไม่ได้มากกว่าเรื่องที่เหยาอี้หนิงไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของนายท่านเหยาเสียอีก

ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นฉินมู่หลานที่มาจากชนบทที่หล่อนเกลียดชังมากที่สุดก็จะกลายเป็นหลานสะใภ้ของนายท่านเหยา เป็นไปได้อย่างไรกัน จากนี้ไปสถานะของตนจะต่ำเตี้ยกว่าฉินมู่หลานอีกอย่างนั้นเหรอ

เหยาอี้หนิงเห็นท่าทางตกใจของภรรยาก็เข้าใจในสิ่งที่หล่อนจะสื่อได้ เพราะตัวเขาเองในตอนแรกก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน

“พอแล้ว คุณรีบไปเก็บข้าวของเถอะ เราจะออกเดินทางกันแล้ว”

แต่ถึงอย่างนั้นเหยาอี้หนิงก็พบว่าเริ่นม่านลี่ยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาจึงขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง ก่อนจะพูดขึ้น “ทำไมคุณถึงไม่ไปเก็บของเล่า คุณไม่อยากไปเมืองหลวงกับพวกเราเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เริ่นม่านลี่ก็ตอบโต้ จากนั้นจึงกัดฟันพูดขึ้น “เปล่า ฉันต้องไปอยู่แล้ว”

หล่อนอยากจะเห็นว่าแม่ของเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของนายเหยาจริงหรือเปล่า นอกจากนี้ก็อยากจะเห็นว่าตอนที่นายท่านเหยารับลูกสาวแท้ ๆ กลับไป เหยาอี้หนิงกับคนอื่นจะยังอยู๋ในตระกูลเหยาต่อไปได้ไหม เพราเรื่องราวทั้งหมดนี้มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับชีวิตของหล่อน

เมื่อคิดเช่นนี้ เริ่นม่านลี่ก็รีบไปจัดการเก็บของ

หลังจากทั้งสองเก็บของและมาถึงบ้านของเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉินมู่หลานกับคนอื่นก็เก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลุงเหยาก็เจอรถแล้วเช่นกันเช่นกัน จึงแบ่งกลุ่มคนนั่งรถสองคันแล้วมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปพร้อมกัน

ฉินมู่หลานกับคนอื่นนั่งอยู่บนรถ

ในขณะนี้ เหยาจิ้งจือก็มองดูลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้ด้วยความเป็นกังวล ก่อนจะพูดขึ้น “อาหลี่ มู่หลาน ถ้าไปถึงปักกิ่งแล้ว ฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลเหยาล่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดที่จะพูดไม่ได้ “แม่ครับ หากไม่ใช่อย่างที่พูด ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะตามหาครอบครัวอื่นให้แม่ต่อครับ”

ฉินมู่หลานก็เข้ามาพูดด้วย “ใช่ค่ะแม่ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย หากว่าไม่ใช่ เราก็ใช้เวลาดี ๆ ในปักกิ่ง แล้วค่อยกลับไงคะ”

เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ข้าง ๆ ในตอนแรกรู้สึกกังวลว่าเขาอาจจะไม่ดีพอสำหรับภรรยา แต่เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของภรรยา เขาก็รีบพูดอีกครั้ง “ใช่แล้วจิ้งจือ อย่ากังวลไปเลย”

เมื่อเห็นคนในครอบครัวพูดแบบนี้ เหยาจิ้งจือจึงรู้สึกโล่งใจทีละน้อย

บนรถอีกคันหนึ่ง เริ่นม่านลี่ไม่เอ่ยพูดอะไร และเหยาจิ้งถงก็กำลังจินตนาการถึงตอนที่เหยาจิ้งจือปรากฎตัว หล่อนในตอนนี้รู้สึกโล่งใจมากสีหน้าดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด กลับกันกับเหยาอี้หนิงที่ในใจยังคงกังวลอยู่ แต่เนื่องจากลุงเหยาอยู่ในรถคันนี้ด้วย เขาจึงไม่พูดอะไร

กลุ่มคนกลับเมืองหลวงด้วยความคิดที่แตกต่างกัน

ครั้นถึงที่หมาย ลุงเหยาก็ลงจากรถเดินมาหาเหยาจิ้งจือทันที ก่อนจะพูดขึ้น “คุณหนูจือจือครับ ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”

ขณะที่พูดเขาก็รีบนำทางไป

เหยาจิ้งจือมองไปยังประตูใหญ่เรียบ ๆ ตรงหน้า สีหน้าดูไม่สบายใจนิดหน่อย รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ หลังจากตามลุงเหยาเข้าไปก็ยิ่งรู้สึกประหม่าขึ้นไปอีก

เพียงแค่เห็นคานแกะสลักและการทาสีของอาคารในลานบ้านที่มีเสน่ห์แปลกตาก็มองเห็นฐานะของบ้านหลังนี้ออกทันที ตระกูลเหยาช่างเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง

ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย พวกเขาสองคนเดินตามหลังเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง แล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

ในขณะนี้เหยาจิ้งถงได้จับตาดูเหยาจิ้งจือตลอด หลังจากเห็นสีหน้าไม่สบายใจของหล่อน มุมปากก็ยกขึ้นนิดหน่อย แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนแบบนี้ ไม่คู่ควรจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหยาเลยสักนิด

หลังจากกลุ่มคนมาถึงห้องโถงแล้ว ลุงเหยาก็รีบบอกให้ทุกคนนั่งลง และเขาก็วางแผนที่จะไปเชิญนายท่านเหยากับคุณนายเหยาด้วยตัวเอง

แต่ไม่ทันที่ลุงเหยาจะต้องเข้าไปเอ่ยเชื้อเชิญ นายท่านเหยาก็พาคุณนายเหยามาที่นี่เองแล้ว

“ซื่อหง ใครมาเหรอ ทำไมคุณถึงพาฉันออกมาด้วยล่ะ”

นายท่านเหยาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “คุณไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง เป็นแขกที่มาจากแดนไกล”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณนายเหยาก็อดที่จะหันไปมองนายท่านเหยาพร้อมรอยยิ้มเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ทำไมคุณนี่ลับลมคมในเยอะจริง ฉันอยากจะเห็นนักว่าใครมา”

นางนึกถึงญาติและเพื่อนฝูงหลายคนที่อยู่ห่างไกลเอาไว้ในใจแล้ว แต่ก็ยังคาดเดาไม่ออกว่าใครมากันแน่

เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองถึงห้องโถง แวบแรกที่เห็นก็คือครอบครัวของเหยาจิ้งจือกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า

ถึงนายท่านเหยาจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้เจอเหยาจิ้งจือจริง ๆ ก็ยังรู้สึกอึ้ง “เธอ…” โนเวลพีดีเอฟ

นายท่านเหยายังพูดไม่ทันจบประโยค คุณนายเหยาก็คว้าจับข้อมือของเขาเอาไว้ก่อน ก่อนจะเอ่ยแทรกขึ้น “ซื่อหง หล่อน…หล่อนเป็นใครกัน? หล่อน…”

หลังจากพูดจบ หญิงชราก็น้ำตาคลอ ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้ เพียงได้เห็นเหยาจิ้งจือ นางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้

เหยาจิ้งจือเห็นคุณนายเหยาเป็นเช่นนั้น ดวงตาจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเช่นกัน

แม้หล่อนจะลืมเรื่องสมัยเด็กไปก็ตาม แต่เมื่อได้เห็นผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว กลับรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยบางอย่าง

นายท่านเหยาเห็นคุณนายเหยาเป็นเช่นนี้ จึงช่วยประคองนางให้นั่งลง “คุณอย่าเพิ่งตื่นเต้น ให้ผมอธิบายให้ฟังก่อน”

แต่ถึงอย่างนั้น คุณนายเหยาก็ไม่อยากนั่งลงเลย นางแค่อยากทราบว่าเหยาจิ้งจือที่อยู่ตรงหน้าคือใครกันแน่ ทำไมถึงมาปรากฎตัวตรงหน้าอีกครั้งได้

เมื่อเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ นายท่านเหยาก็ทำได้เพียงเล่าเรื่องอันยาวเหยียดให้กระชับสั้นลงว่าพวกเขาเจอกันได้อย่างไร หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “มีความเป็นไปได้มากที่หล่อนจะเป็นจือจือของพวกเรา ผมเลยให้เหยาซานพาตัวหล่อนกลับมา”

“หล่อนคือ หล่อนคือจือจือของพวกเราชัดๆ”

คุณนายเหยาเดินตรงเข้าไปหาเหยาจิ้งจือด้วยท่าทางตื่นเต้น อยากจะสัมผัสแก้มหล่อนแต่ก็ไม่กล้า ด้วยกลัวว่าลูกจะเกลียดตัวเอง

เหยาจิ้งจือมองเห็นท่าทางระมัดระวังของหญิงชรา ความวิตกกังวลในตอนแรกก็จางหายไป นำแก้มไปแนบอิงกับฝ่ามือของหญิงชราโดยไม่รู้ตัว แล้วจ้องมองตรงไปที่นาง

คุณนายเหยารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มช่องว่างในใจ จากนั้นก็สวมกอดเหยาจิ้งจือ

นายท่านเหยาเห็นดังนี้ ดวงตาจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน

และเหยาจิ้งถงก็ได้เห็นท่าทางของท่านเหยาและคุณนายเหยาตอนที่ได้พบกับเหยาจิ้งจือ แววตาจึงเข้มขึ้น ผู้อาวุโสทั้งสองคนไม่เคยแสดงท่าทางเช่นนี้กับตนเลย

เมื่อเห็นว่าครอบครัวหาสมาชิกที่พลัดพรากไปเจอ เริ่นม่านลี่ก็เอ่ยจากด้านข้าง “คุณตาคุณยายคะ แค่คนหน้าเหมือนหรือเปล่า แน่ใจได้ยังไงว่าเป็นลูกสาวแท้ ๆ มีความสุขกันเกินไปแล้วค่ะ พวกเราลองตรวจเลือดดูก่อนดีไหมคะ”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

มีคนร้อนตัวหลังจากเขาเจอญาติกันล่ะ กังวลเหลือเกินว่าชีวิตของครอบครัวพี่หลี่หลังจากนี้จะสงบสุขไหม เพราะคนที่ร้อนตัวมันต้องหาทางกำจัดแน่ๆ

ไหหม่า(海馬)