บทที่ 149 โต้แย้ง

บทที่ 149 โต้แย้ง

“มันเป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย” อู๋ฝานพูด

“ถ้ายังพูดต่อ เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะทุบไอ้เด็กบ้าอย่างแกได้!” เถ้าแก่ตอบรับอย่างกราดเกรี้ยว

หากคนอื่นพูดว่าของในร้านของเขาเป็นของปลอม เขาก็คงไม่โกรธ กระทั่งกล้าโต้เถียงกับอีกฝ่ายอย่างออกนอกหน้าเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนที่อู๋ฝานบอกรายละเอียดเชิงลึกของของปลอม เถ้าแก่จึงรู้สึกสับสน ทั้งยังรู้สึกอยู่ตลอดว่าอีกฝ่ายจะต้องทราบอะไรมาอย่างแน่นอน

ดังนั้น เขาจึงต้องการให้ชายหนุ่มไปให้พ้นหน้าเสียโดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่ทำธุรกิจของเขาล่มจม

“เป็นอะไร? โกรธเหรอครับ?” อู๋ฝานไม่คิดตกใจแม้แต่น้อย ตัวเขาเคยจัดการกับยอดฝีมือระดับขอบเขตมืดมาแล้วคนหนึ่ง กับเถ้าแก่ข้างถนนมีหรือจะเก็บมาใส่ใจ

“ไอ้หนู หาเรื่องตาย!” เถ้าแก่เดือดจัดจนเหวี่ยงหมัดออกไป มันพุ่งตรงเข้าหาอู๋ฝาน

ชายหนุ่มเพียงแค่ยื่นมือขวาออกไปคว้าหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้โดยง่ายดาย แล้วพูดเสียงเบา “ว่ายังไงครับ? ยังอยากต่อไหม?”

พบเห็นอีกฝ่ายต้านรับเอาไว้ได้โดยง่ายดาย เถ้าแก่ร้านจึงยิ่งเหลืออด เขาพยายามเหวี่ยงหมัดให้หลุดจากการจับกุมของอู๋ฝาน แต่ไม่ว่าพยายามหนักแค่ไหน กลับไม่อาจหลุดพ้นการควบคุมของชายหนุ่มได้ มือของอีกฝ่ายเปรียบดังเสาที่ยึดหมัดของตนเอาไว้อย่างแน่นหนา

อู๋ฝานออกแรงเพียงเล็กน้อย เถ้าแก่ก็ส่งเสียงร้องออกมาประหนึ่งหมูถูกเชือด สีหน้าบิดเบี้ยว เดิมที่เคยแสดงความโกรธจนแดงก่ำ ขณะนี้กลับกลายเป็นซีดเผือด

หลังสั่งสอนบทเรียนเล็กน้อยให้เถ้าแก่คนนี้แล้วจึงปล่อยอีกฝ่ายไป

เถ้าแก่ลูบหมัดของตนเองที่แดงก่ำเป็นรอยนิ้วบีบ พร้อมกับหันมองชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ เพียงแต่ในใจเขาเวลานี้หวาดกลัวอู๋ฝานแทบตายแล้ว

อู๋ฝานหาได้รู้ตัวไม่ ว่าระหว่างที่ตนเองสั่งสอนบทเรียนแก่เถ้าแก่ร้านแผงลอย ชายชราที่อยู่ข้างกายกลับเผยดวงตาเป็นประกายกระจ่างชัด สายตานั้นมองอู๋ฝานด้วยความสนใจ ราวกับพบเห็นสิ่งน่าสนใจที่เฝ้าตามหามาเนิ่นนาน

“ผมบอกว่ามันเป็นของปลอม ของปลอม!” อู๋ฝานยังคงพูดต่อ “อาจารย์คนที่ทำจานลายครามใบนี้ เรียกได้ว่าทำเป็นงานอดิเรกด้วยซ้ำ กระทั่งแกะสลักคำว่า หลี่ เอาไว้บริเวณก้นจานให้เห็น เป็นการเปิดเผยว่าจานลายครามใบนี้เป็นเขาทำขึ้น ตัวอักษรค่อนข้างเล็ก แกะสลักซุกซ่อนเอาไว้อย่างชาญฉลาด หากว่าไม่พิจารณาให้ดี ก็ไม่มีทางพบเห็นได้ แน่นอนว่าเขาทำก็เพราะต้องการโอ้อวดฝีมืออันยอดเยี่ยม ถึงขนาดที่แม้มีคำบ่งบอกแล้วผู้ซื้อก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นของปลอม”

“มีแกะสลักเอาไว้จริง ๆ?” ได้ยินคำของอู๋ฝาน ชายชราจึงพลิกจานลายครามมาดู พิจารณาอย่างชิดใกล้ กระทั่งนำเอาแว่นขยายจากกระเป๋าออกมาส่องสำรวจ

“มีอยู่จริง ๆ ด้วย!” เพียงไม่นาน ชายชราก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ทีนี้เชื่อผมได้หรือยัง?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“เชื่อแล้ว เชื่อแล้ว” ชายชราตอบรับ “ไม่นึกเลยว่าสหายน้อยคนนี้จะมีฝีมือประเมินของโบราณเลิศล้ำ ถึงขนาดจำแนกของเลียนแบบคุณภาพสูงขนาดนี้ได้”

ตอนที่ชายชราเอ่ยคำเหล่านี้ ใจก็เกิดนึกละอายไปชั่วครู่

เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งคุยอวดความสามารถในประเมินวัตถุโบราณให้อู๋ฝานฟัง ขณะที่ตนเองมองข้ามรายละเอียด จนกระทั่งเกือบถูกหลอกลวง

“คุณปู่ อันที่จริง ผมเชื่อว่าหากพิจารณาให้ดีกว่านี้อีกสักพักหนึ่ง คุณเองก็คงทราบได้” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “เพียงแต่จิตใจของคุณปู่ถูกรบกวนโดยเห็บหมัดสองตัวที่รวมหัวกัน จึงทำให้เร่งร้อนจนพลาดรายละเอียดไป”

“ว่าอะไรนะ?” ชายชราชะงักงัน ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างมองเถ้าแก่ร้านและชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างเคียง ทันใดนั้นเองที่อุทานร้องดังขึ้น “ชั่วร้ายจริง ๆ รวมหัวกันงั้นหรือ?”

อู๋ฝานพยักหน้ารับ

ชายวัยกลางคนที่อยู่ถัดจากชายชรา ขณะนี้เผยสีหน้าอับอายออกมา “ผมไม่ทราบว่าพวกคุณกำลังพูดเรื่องเหอะ หึ”

หลังพูดจบ อีกฝ่ายก็ลุกพรวดขึ้นและเดินจากไป

เห็นชายชราได้ทราบแล้วว่าจานลายครามเป็นของปลอม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อหาอีก ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เล่นละครกับเถ้าแก่ร้านอีกต่อไปแล้ว

ท่าทีของชายวัยกลางคนนั้นทำให้ชายชราทราบได้ทันทีว่าคำพูดของอู๋ฝานถูกต้อง อีกฝ่ายและเถ้าแก่ร้านรวมหัวกันต้มตุ๋น

“สหายน้อย หากวันนี้ไม่ได้เธอช่วย ฉันคงถูกหลอกจนย่อยยับแล้ว” ชายชรารำพึงรำพัน

เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องการใช้จ่ายเงิน ไม่สนใจเรื่องต้องสูญเงินเล็กน้อยเหล่านั้น แต่ห่วงเรื่องหน้าตาในแวดวง

ตัวเขาที่มักชอบอวดแสดงของสะสมต่อหน้ามิตรสหาย หากมีคนอื่นพบว่าเป็นของปลอมขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น?

“ผมก็แค่พูดสิ่งที่ควรพูดเท่านั้นเองครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

เห็นคนทั้งสองพูดคุยหัวเราะกันอยู่ตรงหน้า เถ้าแก่ร้านยิ่งเดือดจัด โดยเฉพาะกับอู๋ฝาน ที่เขาอยากทุบตีอีกฝ่ายจนตกตาย เพียงแต่ทราบดีว่าตนเองไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าบุกเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม

“สหายน้อย บังเอิญได้พบกันจนเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมา ไปหาที่นั่งดื่มชาพลางพูดคุยกันหน่อยเป็นยังไง” ชายชราเสนอคำขึ้น

“ได้ครับ” อู๋ฝานไม่คิดปฏิเสธ

เดิมอู๋ฝานต้องการมาแสวงโชคหาของ เผื่อว่าจะทำเงินได้บ้าง แต่หลังจากมาถึงที่นี่ จึงได้ตระหนักว่าการแสวงโชคไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่จะมีสถานการณ์พิเศษเช่นค่ำคืนที่ผ่านมา หากไม่แล้วของโบราณที่ขายส่วนใหญ่ล้วนปลอมเปลือกทั้งสิ้น ภายนอกมันดูไม่เลว แต่หากต้องการนำไปค้าหากำไร เกรงว่าจะไม่อาจทำได้

แน่นอนว่า ตอนที่มาที่นี่ อู๋ฝานก็มาเพื่อลองดูอยู่แล้ว ดังนั้นสำเร็จหรือไม่นั้นจึงไม่ใช่ประเด็น ไม่มีอะไรให้เขาต้องผิดหวังแต่อย่างใด

คนทั้งสองเดินจากไป เถ้าแก่ร้านเดือดแค้น เหยื่อรายใหญ่ถูกดึงตัวไป ใจเขายิ่งโกรธแค้นอู๋ฝานเป็นล้นพ้น

ชายหนุ่มและชายชราหาร้านน้ำชาที่ตั้งอยู่บริเวณถนนวั่งหยวนนั่งดื่ม ภายหลังแนะนำตัวกันแล้ว อู๋ฝานจึงได้ทราบว่าคนผู้นี้สกุลฟาง เป็นคนจากเมืองหลวง รักชอบในของเก่าวัตถุโบราณ มาที่เจียงโจวครั้งนี้ก็เพื่อเข้าร่วมงานประมูลฤดูร้อนของโรงประมูลดอกไม้งามที่จะจัดขึ้นในวันต่อไป

“บังเอิญจริง ๆ นะครับ คืนวันพรุ่งนี้ผมก็จะไปงานประมูลด้วยเช่นกัน พวกเราคงได้พบกันอีกครั้งแล้ว” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

“สหายน้อยอู๋ฝานก็ไปด้วยงั้นหรือ?” ชายชราเผยดวงตาเป็นประกายยามได้ยินคำของอู๋ฝาน ขณะนี้จึงเอ่ยคำต่อ “ก็ไม่แปลก ด้วยความสามารถประเมินของสหายน้อย ขนาดฉันที่คิดว่าตัวเองมีประสบการณ์ด้านนี้ไม่น้อยแล้ว ยังไม่คิดอยากพลาดงานใหญ่ระดับนั้นเลย ถึงเวลา พวกเราค่อยพูดคุยกันในสถานที่ประมูลก็แล้วกัน”

เห็นได้ว่าผู้เฒ่าฟางคนนี้เชื่อใจในความสามารถประเมินโบราณวัตถุของอู๋ฝานแล้ว ไม่แปลกหากจะต้องการพูดคุยเพิ่มเติม

“ผมคงต้องขอคำแนะนำจากปู่ฟางแล้วครับ” อู๋ฝานตอบรับ

“ฉันหรือจะกล้าให้คำแนะนำ” ผู้เฒ่าฟางตอบรับ “หากวันนี้ไม่ได้เธอบังเอิญผ่านมา ฉันก็คงถูกหลอกไปแล้ว หากปล่อยให้พวกเพื่อนของฉันได้รู้ว่าถูกหลอกซื้อของปลอมมา ไม่รู้เลยว่าตอนนั้นจะถูกหัวเราะเยาะขนาดไหนกัน”

อู๋ฝานเพียงยิ้มรับ ผู้เฒ่าฟางคนนี้ค่อนข้างห่วงหน้าตาตนเองพอสมควร

คนทั้งสองพูดคุยกันในร้านน้ำชาอยู่สักพักก่อนจะแยกย้าย หัวข้อที่สนทนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับของโบราณ อันที่จริงอู๋ฝานก็แทบไม่รู้จักของโบราณมากนัก ดังนั้นช่วงเวลาส่วนใหญ่จึงเป็นผู้เฒ่าฟางบอกเล่า ชายหนุ่มจึงเป็นผู้รับฟังที่ดีไปโดยปริยาย

เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าฟางเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับวงการวัตถุโบราณมาอย่างยาวนาน มีความรู้กว้างขวางมากมาย มีข้อมูลอ้างอิง และเรื่องราวอื่นอีกหลากหลาย ทั้งหมดรวมกันร้อยเรียงเป็นเรื่องราวแปลกใหม่สำหรับอู๋ฝานผู้เป็นมือใหม่ในวงการ หากว่าไม่ใช่เพราะแมลงรบกวนสองคนรวมหัวกันกดดันหลอกลวง เขาก็เชื่อว่าชายชราจะต้องได้ทราบความจริงด้วยตนเองอย่างแน่นอน