ตอนที่ 133 ทำธุรกิจต้องประโคมข่าว
ตอนที่ 133 ทำธุรกิจต้องประโคมข่าว
แม้ว่าการทำธุรกิจต้องประโคมข่าว แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนจากสถานีเก่าแทรกตัวเข้ามาปะปนและทำตัวเป็นปีศาจ ซูเถาได้เพิ่มกล้องอีก 20 ตัวบนภูเขาผานหลิว
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ก็เพิ่มกล้องวงจรปิดอีก 20 ตัวนอกรั้วของเถาหยาง ซึ่งสามารถมองเห็นในรัศมี 100 เมตรของเถาหยาง และสามารถถ่ายภาพคนแปลกหน้าที่เข้ามาใกล้หรือโยนสิ่งของเข้าไปข้างในได้
เธอไม่ยอมให้เหตุการณ์วางระเบิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง
เพราะว่ามีกล้องวงจรปิดหลายตัว เธอไม่สามารถดูด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงต้องหาคนมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซูเถาไปหาจวงหว่านและขอให้เธอจ้างคนดูจอมอนิเตอร์ 6-8 คน
ผู้อาวุโสเหม่ยผู้รอบรู้พูดหลังจากฟังความต้องการของเธอ
“หนูเถา ทำไมเธอไม่แยกเป็นแผนกรักษาความปลอดภัยล่ะ คนแปดคนที่เธอจ้างมาไม่เพียงแต่มีหน้าที่ดูแลกล้องวงจรปิดของภูเขาผานหลิวและเถาหยางเท่านั้น แต่ควรดูแลการป้องกันอัคคีภัย และตรวจสอบความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเฝ้าระวังบุคคลที่น่าสงสัย เหตุการณ์ที่น่าสงสัย รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้”
“อีกอย่าง คนเฝ้าหน้าจอมอนิเตอร์สี่คนก็เพียงพอแล้ว การรับสมัครคนที่สามารถอดทนต่ออารมณ์และยอมรับงานที่น่าเบื่อได้ พวกเขาต้องมีทักษะการวิเคราะห์บางอย่าง ควบคุมเหตุการณ์วิกฤตต่าง ๆ การเป็นคนเฝ้าระวัง พูดง่ายแต่ทำไม่ง่ายเลยนะ”
“ในสี่คนนี้จะเอาทหารเกณฑ์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติสี่คน หรือชายที่แข็งแกร่งมืออาชีพ ผู้อุทิศตนเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่น่าสงสัยในทันที และสามารถช่วยควบคุมเหตุการณ์เลวร้ายได้ตั้งแต่แรก”
ซูเถาพยายามคิดอย่างรอบคอบ “พี่จวงหว่าน พี่คิดว่ายังไงดีคะ”
จวงหว่านพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ฉันมีความเห็นว่าต้องมีแผนกรักษาความปลอดภัย ฉันต้องการให้ป้าชีดูแล เธอเข้างานเร็วและรู้จักเถาหยางเป็นอย่างดี ทำอะไรระมัดระวังตัวดีมาก และมีความกล้าหาญ”
ซูเถาตอบทันที “ตกลง ไว้ค่อยให้เธอมาหาฉันทีหลัง”
จวงหว่านดีใจกับป้าชีมาก “ขอบคุณเถ้าแก่!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเถาได้พบกับป้าชีในห้องทำงานชั้นหนึ่ง
ป้าชียังไม่ค่อยมั่นใจนัก เธอเอาแต่ไตร่ตรองว่าช่วงนี้งานของเธอยังไม่ดีพอหรือไม่ และถามอย่างกระวนกระวาย “เถ้าแก่ซู คุณเรียกหาฉันเหรอ”
ซูเถายิ้มและขอให้เธอนั่งลง
“เร็ว ๆ นี้ เราจะจัดตั้งแผนกรักษาความปลอดภัยแยกต่างหากเพื่อรับผิดชอบงานรักษาความปลอดภัยของเถาหยางและภูเขาผานหลิว จวงหว่านแนะนำให้คุณเป็นหัวหน้าของแผนก เธอบอกว่าคุณอยู่ในเถาหยางมานาน และคุณคอยกังวลเกี่ยวกับผู้เช่ารวมถึงสภาพแวดล้อมของเถาหยางอยู่เสมอ ทั้งยังคุ้นเคยและระมัดระวังในการทำสิ่งต่าง ๆ ดังนั้นจึงเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมมาก”
ป้าชีตกตะลึง รู้สึกได้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ หัวใจของเธอสั่นสะท้าน
ซูเถากล่าวต่อ
“เมื่อเทียบกับงานปัจจุบันของคุณ ตำแหน่งนี้อาจมีเนื้อหามากกว่าและยากกว่า ดังนั้นสวัสดิการจึงได้รับการแก้ไขตามไปด้วย เงินเดือนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงอยู่ที่แปดพันเหลียนปัง แต่รวมอาหารสามมื้อและมีที่พักให้ อีกอย่างคุณยังมีครอบครัว พักเป็นห้องชุดแบบสองห้องนอน คุณว่ายังไงคะ ชอบไหม”
ป้าชีรู้สึกเหมือนว่ามีดอกไม้ไฟจุดขึ้นบนศีรษะของเธอ
รวมอาหารและที่พักแล้วด้วย! ห้องชุดแบบสองห้องนอน ค่าเช่ารายไตรมาสสูงถึง 80,000 เหลียนปัง!
เทียบเท่ากับการที่เถ้าแก่ให้เงินเดือนเธอเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 เหลียนปัง!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแม้ว่าจะมีเงิน แต่ก็อาจไม่สามารถอาศัยอยู่ในเถาหยางได้
เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและใช้เวลานานก่อนที่เธอจะพยักหน้าอย่างแรง
“ฉันยอมรับ! ขอบคุณ ขอบคุณมากค่ะ”
ซูเถารินชาให้เธอด้วยตัวเอง
“ยินดีต้อนรับ งานรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับเถาหยาง อาจกล่าวได้ว่าหากการรักษาความปลอดภัยทำได้ไม่ดี เราจะไม่สามารถพัฒนาได้อย่างมั่นคง ดังนั้นในอนาคตคุณจะต้องมีเรื่องที่ต้องกังวลมากมาย”
ป้าชีดีใจจนแทบสำลักหลังจากจิบชา
ซูเถายิ้มและขอให้เธอมาที่คอมพิวเตอร์ “นี่คือแผนคร่าว ๆ ของแผนกรักษาความปลอดภัย”
เมื่อพิจารณาจากความรู้ที่จำกัดของป้าชี ผู้อาวุโสเหม่ยจึงวาดชุดภาพประกอบที่กระชับและเข้าใจง่ายเป็นพิเศษให้เป็นสมุดงาน
ป้าชีเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เธอพยักหน้าและพูดว่า
“เข้าใจแล้ว เราเปรียบเสมือนดวงตาของเถาหยาง เราต้องตรวจจับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดและจัดการกับพวกมัน”
ซูเถาชมเชย “ใช่แล้วค่ะ”
ป้าชีมีความมั่นใจมากขึ้น เธอหายใจเข้าลึก ๆ
“เถ้าแก่ซู ให้เวลาฉันหน่อยนะ ฉันจะดูแลและปฏิบัติกับเถาหยางอย่างดี จะไม่ให้สัตว์ประหลาดตัวไหนมาวุ่นวายได้”
ซูเถาพูดอย่างจริงใจ “คุณต้องทำงานหนักและลำบากมาก เมื่อถึงเวลา คุณตามผู้จัดการจวงไปเลือกบุคลากรได้เลย กฎระเบียบก็ให้คุณดูแล้วเมื่อครู่ เพราะฉะนั้นการเลือกบุคลากรถือว่าสำคัญเช่นกัน”
ป้าชีมีความตั้งใจมาก “เข้าใจแล้ว ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ” หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หยุดชั่วคราว
เธออายที่จะถามว่า “สำนวนนี้ใช้ในลักษณะนี้หรือเปล่า? ฉันเข้าชั้นเรียนของอาจารย์เสี่ยวเซิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่สองสามคำ”
ซูเถาให้กำลังใจเธอ “ถูกต้องค่ะ แม่นยำมาก”
ป้าชีมีความสุขมาก
ซูเถาพูดด้วยรอยยิ้ม และส่งรอยยิ้มผ่านดวงตาของเธอ
“คุณยังไม่เคยไปที่ภูเขาผานหลิว เดี๋ยวเราไปที่ภูเขาผานหลิวเพื่อกินข้าวกับทุกคน วันนี้ยังพอมีเวลาไปสำรวจและทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดูก่อน เพราะสุดท้ายมันจะอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ ประตูที่อยู่ด้านหลังโรงอาหาร คุณลองเปิดเพื่อเดินทางไปยังภูเขาผานหลิวดูได้”
……
ป้าชีไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของเธอได้เลย เธอลาหยุดครึ่งวันเพื่อกลับบ้านเป็นครั้งแรก
ระหว่างทางกลับเธอโทรหาสามีและขอให้เขาขอลากลับบ้านเพราะเธอมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ
“มีเรื่องใหญ่อะไร หรือเถาหยางจะเลิกจ้างพนักงาน”สามีที่กลับมาถึงบ้านถามเธออย่างประหม่า
ลูกสาวอายุสิบเจ็ดปีก็มองด้วยความกังวลใจเช่นกัน
ตอนนี้เสาหลักของครอบครัวคือแม่ ถ้าแม่ตกงาน เธอคงไม่สามารถหางานที่ดีกว่าเถาหยางได้
เงินเดือน 8,000 เหลียนปัง ทั้งยังรวมอาหารสองมื้อและเงินอุดหนุนต่าง ๆ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้มาก
เธอยังบอกกับเพื่อน ๆ ของเธอว่างานของแม่ของเธอในเถาหยางเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ซึ่งดึงดูดสายตาอิจฉาจากเพื่อน ๆ ของเธอได้ไม่น้อย
ชีอวิ๋นหลันจงใจแกล้งพวกเขา เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันไม่สามารถทำหน้าที่หัวหน้าแม่บ้านต่อไปได้แล้ว”
เมื่อสามีได้ฟังดังนั้นเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างจบลงแล้ว
ดวงตาของลูกสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที น้ำตาของเธอไหลออกมาและถามอย่างเสียใจ
“ทำไม แม่ทำงานได้ดี แม่เป็นคนแรกที่ไปถึงเถาหยางทุกวันและเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากที่นั่น แล้วแม่ก็พยายามเรียนหนังสืออีกด้วย แต่ทำไม…”
ชีอวิ๋นหลันเห็นปฏิกิริยาของลูกสาว จึงรีบเข้าไปกอดเธอเอาไว้
“แม่ขอโทษ แม่ล้อเล่น แม่ได้เลื่อนตำแหน่ง เถาหยางได้เพิ่มแผนกใหม่ และแม่ถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าแผนกนั้น แม้ว่าเงินเดือนจะยังเท่าเดิม แต่รวมค่าอาหารสามมื้อและที่พักแล้ว ห้องพักเป็นห้องชุดสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น เถ้าแก่บอกให้แม่พาครอบครัวเข้าไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน”
สามีแทบกระอัก “ฮะ?”
ลูกสาวก็ตะลึงและร้องเสียงหลงเช่นกัน “จริงเหรอ”
ชีอวิ๋นหลันสาบาน “เป็นเรื่องจริง ลูกจะมีห้องเล็ก ๆ ของลูกเองในอนาคต เราสามารถเป็นเหมือนผู้เช่าในเถาหยาง สามารถซื้อของใช้ประจำวันที่ชั้นล่าง และสามารถไปที่โรงอาหารเพื่อกินอาหารรสเลิศทุกประเภท และที่ชั้นล่างยังมีบ่อน้ำพุที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายด้วย”
……
ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน ซูเถาได้เพิ่มป้าชี เสวี่ยเตา และเฮยจือหม่าในรายชื่อการเคลื่อนย้าย
ส่วนไป๋จือหม่าลืมไปได้เลย มันชอบอยู่บ้านไม่ชอบออกไปข้างนอก ออกไปข้างนอกทำท่าเหมือนจะตายอย่างงั้น
เมื่อหลินฟางจือจบชั้นเรียน ซูเถาซื้อเบียร์ในร้านค้าจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้นก็เทเลพอร์ตไปที่ภูเขาผานหลิวกับเขา
ทันทีที่เขามาถึง ซูเถาก็ตกใจกับคิวยาวนอกประตู
หม่าต้าเพ่ารออยู่เป็นเวลานาน เมื่อเขาเห็นซูเถามาถึงก็วิ่งไป และรีบอธิบายว่า
“เถ้าแก่ กระแสนักท่องเที่ยวล้นหลามแล้ว ผมกระจายข่าวไปเมื่อกลางดึกเมื่อคืนนี้ ก่อนรุ่งสางวันนี้มีขบวนรถมาจากสถานีเก่าเพื่อเช็กอิน ห้องพักเต็มตั้งแต่สิบโมง คนที่ต่อแถวอยู่ด้านนอกคือคนที่รอลูกค้าเก่าเช็กเอาต์”
เมื่อซูเถาได้ยินคำพูดนั้น เธอรีบเปิดระบบเพื่อตรวจสอบจำนวนผู้เช่า จำนวนทั้งหมด 226 คน
ทะลุสองร้อยแล้ว!
ในเวลาเดียวกัน ระบบก็ส่งเสียง
[ตรงตามเงื่อนไขการอัปเกรดเลเวล 5 โฮสต์ต้องการใช้เงินหนึ่งล้านเหลียนปังในการอัปเกรดระบบหรือไม่?]