บทที่ 109 ประชดประชัน

บทที่ 109 ประชดประชัน

เมื่อเห็นกู้ซินเถาเป็นเช่นนี้ ซุนซื่อก็แอบคิดในใจ แล้วมองดูท่าทางร่าเริงของกู้เสี่ยวหวาน จึงรู้ว่าตอนนี้นางทำพลาดแล้ว ทำให้นางรีบปลอบกู้ซินเถาในอ้อมแขน “เด็กดี แม่พูดเล่น พวกเราไม่ไป พวกเราไม่ไป!”

ใบหน้าของกู้ฉวนลู่ซีดขาวด้วยความโกรธยามเห็นความล้มเหลวของซุนซื่อ และเมื่อเขามองไปที่กู้ซินเถาในอ้อมแขนของนาง รอยขีดข่วนบนใบหน้านั้นก็ทำให้เขาโกรธมากขึ้น จากนั้นจึงมองกู้ฉวนโซ่วผู้ประณามกู้เสี่ยวหวานซึ่งยืนอยู่ข้างเขา ในตอนนี้อีกฝ่ายได้ผละจากไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงา ดูเหมือนว่ากู้เสี่ยวหวานจะได้เปรียบจนชนะชาดลอย

กู้ฉวนลู่งุนงงเล็กน้อยที่กู้เสี่ยวหวานผู้ซึ่งไม่ได้พบมานานกว่าครึ่งเดือนจะเป็นคนช่างคิดและพูดชัดเจนมากในตอนนี้ นางดูมีพลังอำนาจมากขึ้น จนกู้ฉวนลู่มองไปที่เด็กหญิงด้วยสายตาประหลาดราวกับจะมองให้ทะลุเป็นรู

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้แสดงความอ่อนแอและมองย้อนกลับไปที่กู้ฉวนลู่ ดวงตาของนางเรียบเฉยดุจผิวน้ำนิ่ง แต่ภายใต้ดวงตาคู่นั้นมีกระแสปั่นป่วนซ่อนอยู่จนเผยประกายคมกล้าอย่างน่ากลัว สายตาแบบนี้กู้ฉวนลู่เคยเห็น และเมื่อเห็นดวงตาของเด็กอายุแปดขวบคนนี้ในตอนนี้ เขาก็รู้สึกไม่มั่นคงเล็กน้อย

“แค่กแค่ก…” กู้ฉวนลู่กระแอมไอออกมาสองครั้งแล้วละสายตาจากกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นมองไปที่กู้ซินเถาและมารดาของนางที่กำลังร้องไห้อย่างน่าสังเวชก่อนพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ร้องไห้ทำไม ทำไมยังไม่ออกไปอีก เร็วเข้า รีบไปคารวะหลุมฝังศพเพื่อพ่อแม่!”

“หัวหน้าครอบครัว ท่านก็เห็นอยู่ว่าซินเถาเจ็บมาก!” ซุนซื่อยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามหาประโยชน์จากกู้เสี่ยวหวาน แต่ลืมไปว่าครั้งที่กู้ซินเถาผลักกู้เสี่ยวหวานตกลงไปในแม่น้ำ นางก็เกือบตายเพราะความหนาวเย็น

“ยังไม่รีบไปอีก เดินไม่ดูทางแล้วจะโทษใครได้! ” กู้ฉวนลู่รู้ดีถึงความสัมพันธ์ในเรื่องนี้ เขาไม่อาจช่วยพูดให้กู้ซินเถาได้ ถ้ามันเป็นการยั่วโมโหกู้เสี่ยวหวานจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล กู้ซินเถาจะต้องทนทุกข์ทรมานมากที่สุด

กู้ซินเถาไม่รู้ว่ากู้ฉวนลู่กำลังคิดถึงตัวเองอยู่ เมื่อนางได้ยินว่าบิดาไม่ได้พูดแทนนางก็รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก ความเจ็บปวดบนใบหน้าและหลังของนางก็ทำให้นางร้องไห้มากขึ้นไปอีก

ตอนแรกซุนซื่อไม่เข้าใจว่ากู้ฉวนลู่หมายถึงอะไร แต่เมื่อเห็นสายตาของกู้ฉวนลู่ นางก็ตระหนักในหัวใจ รีบดุด่าตัวเองและเกลี้ยกล่อมกู้ซินเถา “ลูกรัก ไม่ร้องไห้แล้วนะ”

เมื่อเห็นว่ากู้ซินเถายังคงร้องไห้ ซุนซื่อทำได้เพียงใช้ไพ่ตาย “ซินเถา อย่าร้องไห้ หากเราเข้าไปในเมือง แม่จะให้เสื้อผ้าดี ๆ สักสองชุดให้กับเจ้าดีหรือไม่?”

ทันทีที่กู้ซินเถาได้ยินว่านางจะได้เสื้อผ้าใหม่ นางก็ยิ้มทั้งน้ำตา “ท่านแม่ พูดจริงหรือ? อย่าหลอกข้านะ!”

“แม่จะหลอกเจ้าได้อย่างไร แม่ต้องซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ สองชุดให้ซินเถา! ทำให้ซินเถาของแม่สวย ๆ ! ”

เมื่อได้ยินการสนทนาอันแปลกประหลาดระหว่างแม่และลูกสาว กู้เสี่ยวหวานก็ถึงกับกุมหน้าผาก เพราะแม่ของนางในชีวิตก่อนหน้านี้ทำให้ลูกไม่ร้องไห้ต้องติดสินบนลูกด้วยของเล่นหรือเงินเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาร้องไห้!

กู้ซินเถาไม่ได้ร้องไห้แล้วจริง ๆ เมื่อสักครู่นางร้องไห้คร่ำครวญหาพ่อแม่เหมือนจะเป็นจะตาย แต่ทันใดนั้น นางก็หยุดร้องไห้เหมือนฟ้าหลังฝน รอยแผลบนใบหน้าของนางยังคงมีเลือดหยดอยู่ซึ่งมันดูน่ากลัวมาก

“หัวหน้าครอบครัว ข้าจะพาซินเถากลับไปทายา!” เมื่อเห็นว่ากู้ซินเถาได้รับการปลอบจนหยุดร้องไห้ ซุนซื่อก็เอ่ยขึ้น

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่น่าอับอายของกู้ซินเถา กู้ฉวนลู่ก็กังวลว่าบาดแผลบนใบหน้าของนางจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น จึงโบกมือไล่ “รีบกลับไปแล้วใช้ยาที่ดีที่สุด!” หลังจากคำพูดของกู้ฉวนลู่ ซุนซื่อก็รีบพากู้ซินเถากลับไป

กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ตรงข้ามกู้ฉวนลู่ เมื่อมองเห็นซุนซื่อและคนอื่น ๆ ทยอยจากไปจึงหยุดหาเรื่อง หากต้องเผชิญหน้ากันจริง ๆ พวกเขาก็จะมีรากฐานที่มั่นคง กู้เสี่ยวหวานยังเด็กคงจะแข่งขันกับพวกเขาได้ยาก ดังนั้น กู้เสี่ยวหวานจึงเลือกใช้ประโยชน์เพื่อปกป้องตัวเอง หากในอนาคตนางแข็งแกร่งจนไม่กลัวสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานจะไม่ยอมจำนนต่อความอัปยศอีกต่อไป

กู้ฉวนลู่ต้องการหันหลังกลับและจากไป แต่เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานจ้องมองเขาอย่างเย็นชา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย “เจ้ามองอะไร? ”

“ข้ากำลังสงสัยว่าลุงใหญ่ไม่ละอายใจบ้างหรือ ที่ปกป้องครอบครัวนี้?” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างเย็นชา เมื่อสักครู่กู้ซินเถาสะดุดล้มและพลาดไป แต่ถ้าฝ่ามือนั้นตบหน้ากู้เสี่ยวหวานจริง ๆ นางก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไรต่อ

ด้วยฝ่ามือที่ใหญ่เช่นนั้น เกรงว่าคงจะเป็นกู้เสี่ยวหวานเองจะเป็นคนที่กลิ้งลงมา

“เด็กบ้า! ” กู้ฉวนลู่ได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวานแล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำเงิน และจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียว หลังกู้เสี่ยวหวานถูกกู้ซินเถาผลักตกลงไปในแม่น้ำ บุคลิกก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และบุคลิกท่าทางอันเย่อหยิ่งและก้าวร้าวดังกล่าวก็ทำให้กู้ฉวนลู่โมโห

กู้ฉวนลู่ชี้หน้ากู้เสี่ยวหวานด้วยนิ้วที่สั่นระริกและพูดว่า “เจ้าเด็กดื้อรั้น นั่นคือวิธีที่พ่อแม่เจ้าสอนให้พูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้หรือ? เจ้าไม่มีความเคารพต่อผู้อาวุโสได้อย่างไร!”

“ท่านลุงใหญ่ ท่านไม่รู้หรือว่าพ่อแม่ของข้าได้ตายไปนานแล้ว?” เมื่อได้ยินคำพูดกระทบกระเทียบถึงบิดามารดาของนางจากกู้ฉวนลู่ กู้เสี่ยวหวานก็นึกฉุนขึ้นมา “ท่านลุงใหญ่บอกว่า ข้าไร้การอบรมสั่งสอน นั่นก็เพราะข้าไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน แต่พี่ซินเถาเองก็ผลักข้าตกลงในแม่น้ำที่เย็นจัดช่วงฤดูหนาวอย่างไร้ปรานีเช่นกัน ก็ไม่ทราบว่าใครกันแน่ที่สั่งสอนให้รังแกคนที่อ่อนแอกว่าเช่นนี้?”

“เจ้า…” กู้ฉวนลู่กัดฟันด้วยความโกรธ เด็กหญิงคนนี้ ไม่รู้เลยว่ากลายเป็นคนโอหังไปตั้งแต่เมื่อใด เอาชนะนางไม่ได้เลยจริง ๆ

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานมีระดับเหนือเกินไปแล้ว

กู้หนิงอันที่กำลังจ้องมองกู้ฉวนลู่อย่างระมัดระวัง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ การที่พี่สาวด่าโดยไม่มีคำหยาบเลย ทำให้เขานึกชื่นชมจากใจจริง

กู้ฉวนลู่กล่าวว่ากู้เสี่ยวหวานไม่มีการศึกษาแล้วยังกล้าที่จะโต้แย้งกับลุงใหญ่อย่างเปิดเผย แต่กู้เสี่ยวหวานอธิบายว่านางบังเอิญขัดแย้งกับกู้ฉวนลู่ เพราะนางไม่มีพ่อแม่ที่จะสอนนาง อย่างไรก็ตามกู้ซินเถาซึ่งซุนซื่อยอมรับแล้วในตอนนี้ว่าเป็นคนผลักกู้เสี่ยวหวานตกลงไปในแม่น้ำในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บของเดือนสิบสองจริง ถ้าพ่อแม่ไม่สนใจลูก แล้วใครจะเป็นคนสอนนาง? พ่อแม่ที่ยังไม่ตายของกู้ซินเถาใช่หรือไม่?

การที่กู้ซินเถาผู้นี้ด้อยการศึกษากว่ากู้เสี่ยวหวาน ไม่ใช่เพราะว่ากู้ฉวนลู่และซุนซื่อด้อยกว่าคนที่ตายไปแล้วหรอกหรือ?

“เจ้า!” เมื่อกู้ฉวนลู่เข้าใจสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูด เขาก็โมโหเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามกู้ฉวนลู่ที่เคยอยู่ในโรงเตี๊ยมมาหลายปีแล้วจะกลัวเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ได้อย่างไร?

กู้ฉวนลู่พ่นลมอย่างเย็นชาภายในใจ เขามองกู้เสี่ยวหวานโดยปราศจากอารมณ์ ก่อนจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานและน้อง ๆ อย่างเย็นชา หยิบตะกร้าและเดินจากไป

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เป็นไงล่ะโดนเด็กถอนหงอก เจ็บใจไหมเอ่ยลุงใหญ่

ไหหม่า(海馬)