เด็กร้องไห้เป็นมีลูกกวาดกิน
นายหญิงสามร้องโวยวายเช่นนี้ครั้งหนึ่ง แม้นกล่าวว่าสุดท้ายเป็นหวังซีที่ช่วยเหลือพวกนางเอาไว้ในตอนท้ายก็ตาม แต่ท้ายที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ตัดสินใจให้หวังซีและฉังเคอไปร่วมงานชมบุปผาของวังหลวงด้วยกันทั้งหมด
ด้านหวังซีจึงวุ่นกับเรื่องตัดอาภรณ์และทำเครื่องประดับขึ้นมา
วันนี้นัดห้องเสื้อเมฆาคำนึงมาตัดชุด
“เชิญคุณหนูสี่มาตอนนี้เลยก็แล้วกัน!” หวังซีกล่าว เปลี่ยนเป็นชุดใส่อยู่บ้านแล้วไปพบช่างตัดเสื้อผ้า “คุณหนูหกปั๋วเองก็ตัดชุดกับห้องเสื้อเมฆาคำนึงเช่นกัน อย่างน้อยชุดของพวกเราก็ไม่ซ้ำกับของคุณหนูหกปั๋วแน่นอน”
นางยังเอาเรื่องที่ตนกับฉังเคอจะได้เข้าร่วมงานชมบุปผาของวังหลวงไปบอกพวกคุณหนูรองอู๋กับลู่หลิงด้วย ทุกคนต่างบอกเล่าว่าตัวเองจะสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับอะไรเข้าวังให้นางฟังอย่างกระตือรือร้น
หวังหมัวมัวขานรับคำยิ้มๆ แล้วออกไป
ไป๋กั่วกลับรู้สึกว่าหวังซีสวมชุดที่เอามาจากสู่จงก็ดีมากพอแล้ว
หวังซีกล่าว “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ข้าไม่คิดจะเป็นที่โดดเด่น อย่าแตกต่างจากผู้อื่นดีกว่า”
ไป๋กั่วรับคำ เดินไปหน้ามุขเป็นเพื่อนหวังซี
ห้องเสื้อเมฆาคำนึงส่งช่างตัดชุดมาสามคนและป้ารับใช้อีกเจ็ดถึงแปดคน หอบผ้าแบบใหม่มาด้วยหนึ่งกองใหญ่
เห็นหวังซีเข้ามา คนทั้งกลุ่มรีบก้าวออกมาทำความเคารพ กล่าวถ้อยคำประจบเยินยอ
หวังซีโบกมือให้อย่างสบายๆ ดื่มน้ำชาและกินขนมรอฉังเคอ เมื่อนางมาถึงแล้วถึงได้เริ่มเลือกแบบผ้า
ฉังเคอกระซิบบอกนางว่า “ท่านแม่ข้าให้เงินมาสองร้อยตำลึง บอกว่าท่านพ่อข้ามอบให้นางมา”
ซึ่งก็หมายความว่า แม้แต่นายท่านสามก็ทราบเรื่องนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสนับสนุนการกระทำของภรรยาและบุตรสาวด้วย
ความรู้สึกที่หวังซีมีต่อนายท่านสามดีขึ้นมาไม่น้อย
นางกับฉังเคอเลือกเสื้อผ้าสี่ชุดตามคำแนะนำของช่างตัดเสื้อจากห้องเสื้อเมฆาคำนึง หนึ่งในจำนวนนั้นสำหรับสวมใส่ตอนเข้าวัง อีกสามชุดที่เหลือเอาไว้สำหรับสับเปลี่ยนเผื่อมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น
ช่างตัดเสื้อของห้องเสื้อเมฆาคำนึงเห็นเช่นนั้นแล้วบอกพวกนางว่า “ได้ยินว่าชุดที่คุณหนูซือเลือกเป็นชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหังโจวสีเหลืองห่านลายสี่แฉกขั้วผลไม้และลายกุมภ์ ยังเตรียมชุดสีเขียวน้ำทะเลสาบปักลายกิ่งก้านดอกไม้สีชมพูหนึ่งชุด ชุดสีม่วงอ่อนทอลายคลื่นน้ำสีทองหนึ่งชุดและชุดสีขาวพระจันทร์ลายทางสีเงินอีกหนึ่งชุด ส่วนชุดที่คุณหนูสามของจวนพวกท่านเลือกเป็นชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหังโจวสีฟ้าน้ำทะเลทอลายดอกไม้สีทอง ส่วนชุดที่เตรียมสำรองไว้มีชุดสีส้มนวลเจือสีชมพูของผลซิ่งปักลายดอกไม้หนึ่งชุด ชุดสีเหลืองอ่อนลายข้าวหลามตัดหนึ่งชุด และชุดสีเหลืองอมเขียวปักลายแปดขุมทรัพย์อีกหนึ่งชุด”
นี่มีทั้งเหลืองและเขียว คล้ายต้องการเอาสีสันที่เข้ากับฤดูร้อนมาใช้ทั้งหมด โดยไม่รู้ว่ามันดูผสมกันจนยุ่งเหยิงเหลือจะกล่าว ไม่เหมือนอาภรณ์ของหวังซีและของฉังเคอ หวังซีเหมาะกับสีสันสดใสงดงาม จึงใช้สีแดงเป็นหลัก ชุดหลักเป็นสีแดงกุหลาบ จากนั้นชุดที่เตรียมเผื่อเอาไว้เป็นสีส้มอมแดง สีชมพูอ่อนและสีแดงชาด ส่วนฉังเคอเหมาะกับสีที่ดูเรียบแต่หรูหรา จึงใช้สีเขียวเป็นหลัก ชุดหลักเป็นสีเขียวน้ำทะเลสาบ ส่วนชุดที่เตรียมสำรองไว้เป็นสีเขียวอมเหลือง สีเขียวอ่อนและสีเขียวหญ้า
ช่างตัดเสื้อของห้องเสื้อเมฆาคำนึงผู้นั้นยังบอกนางด้วยว่า “คุณหนูหกปั๋วเองก็เหมาะกับสีที่เรียบแต่ดูหรูหราเช่นกัน นางจึงเลือกชุดสีขาวพระจันทร์ ส่วนคุณหนูรองอู๋ชอบสีที่ค่อนข้างสว่าง จึงเลือกชุดสีเหลืองอมเขียว”
หวังซีเห็นนางมีข้อมูลเยอะ จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ดูแล้วช่างตัดเสื้อช่างใส่ใจนัก ไม่มีอะไรที่ท่านไม่รู้เลย!”
ช่างตัดเสื้อผู้นั้นเป็นคนพูดเก่งผู้หนึ่ง กล่าวยิ้มๆ ว่า “คุณหนูหกปั๋วหาได้ห้ามไม่ให้ท่านรู้ว่านางสวมใส่สีอะไร ข้าจึงยิ่งไม่จำเป็นต้องปิดบัง”
ดูทีแล้วเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของคุณหนูหกปั๋วนี่เอง!
เห็นได้ชัดว่าคุณหนูหกปั๋วปฏิบัติต่อนางไม่เลวเลยทีเดียว
หวังซีอดเลิกคิ้วไม่ได้ ถามว่า “คุณหนูซือกับคุณหนูสามของจวนพวกข้าก็ตัดอาภรณ์กับร้านของพวกเจ้าหรือ”
“ที่ไหนกันเจ้าคะ” ช่างตัดเสื้อผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มตาหยี “เพียงแต่ว่าร้านของพวกข้านั้นนอกจากตัดอาภรณ์แล้วยังขายผ้าจากเจียงหนานด้วย ก็เลยได้ติดต่อกับคนในแวดวงเดียวกันไม่น้อย บังเอิญทุกคนพูดกัน ข้าเลยได้ยินมาก็เท่านั้น”
น่าจะเป็นการตั้งใจไปสืบข่าวมามากกว่ากระมัง!
อย่างไรก็ตาม ห้องเสื้อเมฆาคำนึงทำการค้าอย่างเอาใส่ใจเช่นนี้ การค้าย่อมทำได้ดีและไปได้ไกลแน่นอน
หวังซีมองพวกเขาด้วยมุมมองใหม่ เอ่ยถามว่า “ช่างตัดเสื้อยังมีอะไรแนะนำอีกหรือไม่”
ช่างตัดเสื้อผู้นั้นเองก็ไม่บ่ายเบี่ยง กล่าวยิ้มๆ ว่า “คุณหนูซือกับคุณหนูสามของจวนพวกท่านเชิญหมัวมัวชราสองสามท่านที่ออกมาจากสำนักเย็บปักถักร้อยมาตัดชุดให้ ล้วนเป็นแบบที่ใช้กันเป็นประจำในวังหลวง ไม่เหมือนพวกข้า ใช้แบบและผ้าที่ส่งมาจากซูหัง โดยเฉพาะชุดสำหรับฤดูร้อนนี้ ชุดที่พวกข้าตัดออกมาทั้งเบาบางและระบายอากาศได้ดี ทั้งดูงดงามและมีรสนิยมอีกด้วย ครานี้ฮองเฮาและเหนียงเหนียงอีกหลายท่านในวังหลวงล้วนตัดอาภรณ์กับร้านของพวกข้า”
หวังซีประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกว่าดีร้ายซือจูก็อยู่จิงเฉิงมานานหลายปี ตระกูลซือเองก็นับว่าเป็นตระกูลขุนนางที่พอมีชื่อเสียงของเมืองหลวง เหตุใดจึงไม่มีคนเตือนซือจูสักคำหนึ่ง
ช่างตัดเสื้อผู้นั้นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ซูเฟยเหนียงเหนียงทรงโปรดปรานฝีมือของสำนักเย็บปักถักร้อย เสื้อแขนกว้างที่พระนางสวมในงานครบรอบร้อยวันขององค์ชายสามในปีนั้นก็เป็นฝีมือของสำนักเย็บปักถักร้อย…
…เมื่อก่อน ฮองเฮาเหนียงเหนียงก็ทรงโปรดปรานฝีมือของสำนักเย็บปักถักร้อยเช่นกัน แต่หลายปีมานี้เพราะได้รับอิทธิพลจากคุณหนูหกปั๋ว ถึงได้ค่อยๆ มาโปรดปรานอาภรณ์ของห้องเสื้อเมฆาคำนึงของพวกข้า”
ด้วยเหตุนี้ห้องเสื้อเมฆาคำนึงถึงได้ให้ความสำคัญกับคุณหนูหกปั๋วมากขนาดนี้
หวังซีเกิดความสนใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า “จะว่าไปแล้วตระกูลพวกข้าก็ทำกิจการค้าผ้าเช่นกัน คราก่อนก็ได้รู้จักตระกูลเฝิงจากร้านพวกเจ้า ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ใดเป็นคนดูแลร้านของพวกเจ้าที่จิงเฉิง? วันไหนมีเวลาว่าง ข้าต้องเชิญหลงจู๊ของพวกเจ้าไปดื่มน้ำชาด้วยกันสักครั้ง ขอบคุณเขาที่ทำให้พวกข้าได้ทำการค้ากับตระกูลเฝิงไปหลายครั้ง”
การที่ช่างตัดเสื้อผู้นั้นได้รับเลือกจากห้องเสื้อเมฆาคำนึงให้ออกมาติดต่อกับตระกูลใหญ่ตระกูลโต แน่นอนว่าย่อมเป็นคนเฉลียวฉลาดมากผู้หนึ่ง นางรีบยอบกายทำความเคารพหวังซีครั้งหนึ่ง กล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นข้าขอเป็นตัวแทนขอบคุณท่านแทนหลงจู๊ของพวกข้าก่อน เมื่อกลับไปแล้วข้าจะไปแจ้งให้หลงจู๊ของพวกข้าทราบ ดูว่าคุณหนูใหญ่มีเวลาว่างเมื่อไร ให้หลงจู๊ใหญ่ของพวกข้ามาคารวะท่านสักครั้งหนึ่ง…
…ร้านของพวกข้ายังมีผ้าอีกหนึ่งชุดอยู่ระหว่างทาง เป็นผ้าโปร่งบางที่ขอให้ตระกูลเฝิงที่หูโจวช่วยทอให้ โปร่งบางเหมือนปีกจักจั่นจริงๆ หน้าร้อนสวมใส่หกถึงเจ็ดชั้นก็ไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด ความจริงแล้วตั้งใจส่งเข้าวังหลวงไปถวายให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงตัดชุดทางการ แต่ว่าปีนี้พระพลานามัยของฮองเฮาเหนียงเหนียงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอยู่ตลอด หน้าร้อนของปีนี้ก็ผ่านพ้นมากว่าครึ่งแล้ว ต่อให้ส่งเข้าวังหลวงไปคาดว่าปีนี้ก็ตัดชุดไม่ทันอยู่ดี มิสู้มอบให้เหล่าคุณหนูได้สวมใส่เล่นอยู่ที่บ้านดีกว่า”
หรือไม่ก็สวมใส่ออกไปเฉิดฉายในงานเลี้ยงทั่วไปต่างๆ
ต้องรู้ว่า ทุกๆ ปีไม่รู้ว่าสำนักกิจการภายในได้รับของของบรรณาการส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายเพียงใด จะถูกนำไปถวายต่อเบื้องพักตร์ของบุคคลสำคัญหรือไม่ นอกจากสายสัมพันธ์แล้วยังต้องโชคดีอีกด้วย
ถึงแม้ผ้าโปร่งบางพวกนี้ของห้องเสื้อเมฆาคำนึงจะโชคไม่ค่อยดีนัก
แต่มอบให้สตรีชั้นสูงอย่างพวกนางสวมใส่ไปร่วมงานเลี้ยง ก็เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ห้องเสื้อเมฆาคำนึงได้เช่นกัน
หวังซียิ่งสนใจห้องเสื้อเมฆาคำนึงมากขึ้น
นางจดจำน้ำใจของช่างตัดเสื้อผู้นี้เอาไว้ ตกรางวัลหนักให้คนที่ติดตามมาด้วยถ้วนทั่วกันทุกคน
ทุกคนย่อมดีใจเป็นอย่างมาก แนะนำเครื่องประดับและผ้าเช็ดหน้าแบบใหม่ให้หวังซีอีกสองสามชิ้น หวังซีสั่งจองทุกชิ้น
กระทั่งส่งคนของห้องเสื้อเมฆาคำนึงออกไปแล้ว นางรีบให้คนนำจดหมายไปส่งให้หลงจู๊ใหญ่ ให้เขาช่วยสืบเรื่องห้องเสื้อเมฆาคำนึง
ด้านฉังเคอกลับเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา
หวังซีใช้ศอกกระทุ้งนาง ถามว่า “เป็นอะไร”
ฉังเคอส่ายศีรษะ กล่าวว่า “เปล่า! ข้าแค่กำลังคิดถึงซือจู ตอนเป็นเด็กนางได้รับความนิยมมาก เหตุใดพอโตขึ้นมากลับสู้สมัยเด็กไม่ได้ ทุกคนตัดชุดอะไรบ้างก็ไม่บอกนาง ความเคลื่อนไหวในวังหลวงนางก็ไม่รู้ เข้าวังไปร่วมงานชมบุปผาครานี้ คงไม่เกิดอะไรขึ้นกับนางหรอกกระมัง”
“จะเกิดอะไรขึ้นได้” หวังซีไม่เห็นด้วย กล่าวยิ้มๆ ว่า “นางกับองค์หญิงฟู่หยางเข้ากันได้ดีมาตั้งแต่ต้น ต่อให้นางรู้ว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์ตามแบบฉบับของซูหัง นางจะละทิ้งซูเฟยเหนียงเหนียงกับองค์หญิงฟู่หยางไปเลียนแบบฮองเฮาเหนียงเหนียงหรือ? หากพูดว่านางทำพลาดตรงไหน ก็ตรงที่เลือกยืนฝั่งเดียวกับซูเฟยเหนียงเหนียงเร็วเกินไป”
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นตัวนาง นางจะแสร้งทำตัวเป็นเด็กสาวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร สนใจแค่เรื่องเล่นสนุกกับองค์หญิงฟู่หยางเท่านั้น จากนั้นอะไรกำลังเป็นที่นิยมก็ตัดอาภรณ์และสวมใส่เครื่องประดับแบบนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่อาจต่อว่านางว่าทำไม่ถูกต้องได้ นางเองก็ไม่ถูกตีตราว่าเป็นพวกของซูเฟยเหนียงเหนียงด้วย
เว้นแต่ซือจูอยากแต่งกับโอรสทั้งสองของซูเฟยเหนียงเหนียง นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
แต่เวลานี้เรื่องแต่งตั้งรัชทายาทยังไม่แน่นอน การแต่งเข้าวังหลวงอาจไม่ใช่เรื่องดี
กระนั้นก็ตาม ใช้ไม่ได้กับคนที่อยากประสบความสำเร็จอยู่ข้างมังกรเหล่านั้น
หวังซีคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ซือจูกลับส่งคนมาสืบว่าพวกหวังซีตัดชุดที่ไหน ตัดกี่ชุดและตัดชุดแบบใดบ้าง
น่าเสียดายที่คนของหวังซีรักษาความลับเก่งมาโดยตลอด อีกทั้งคนที่สวนร่มหลิวก็เป็นคนของตระกูลหวังทั้งหมด หมัวมัวข้างกายซือจูตามสืบอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่ได้ความชัดเจนอะไร รู้แค่ว่าเชิญช่างตัดเสื้อของห้องเสื้อเมฆาคำนึงมา ส่วนตัดกี่ชุดและเรื่องอื่นๆ นั้น กลับสอบถามอะไรออกมาไม่ได้เลย
ซือจูบันดาลโทสะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “มีพวกเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร?”
ข้ารับใช้ข้างกายนางไม่กล้าเปล่งเสียง ทว่าในใจคิดว่าหวังซีใช้จ่ายอย่างใจกว้าง และเนื่องจากคนของสวนร่มวสันต์สนิทสนมกับคนของสวนร่มหลิวจึงได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่คุณหนูของพวกนางกลับเอาแต่โมโหด้วยเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เสมอ
ถ้าคุณหนูของพวกนางได้แต่งงานกับราชวงศ์ คงเอาชนะหวังซีได้สักครั้งหนึ่ง
สีหน้าของฉังเหยียนไม่สู้ดีมาตลอด เห็นเช่นนั้นแล้วกล่าวโน้มน้าวซือจูว่า “พี่สาวอย่าโมโหเลย ต่อให้สวมอาภรณ์เหมือนกัน ก็ไม่เสมอไปว่าจะได้นั่งด้วยกัน”
เมื่อถึงวันงานนางติดตามไปกับซือจู ซือจูสนิทสนมกับองค์หญิงฟู่หยาง ที่นั่งของพวกนางย่อมสะดุดตากว่าอย่างแน่นอน
ซือจูถึงได้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
กระทั่งถึงวันเดินทางเข้าวัง ซือจูมองหวังซีที่แต่งตัวโดดเด่นดุจดอกไม้ฤดูร้อนแล้วรู้สึกเพียงว่าหวังซียังไม่ประสาไม่รู้แผ่นฟ้าสูงผืนดินลึก เข้าวังยังแต่งกายโดดเด่นสะดุดตาเช่นนี้อยู่อีก ทว่าเมื่อเห็นฉังเคอที่สวมชุดเพ่ยจื่อสีเขียวน้ำทะเลสาบ ด้านนอกยังคลุมด้วยผ้าโปร่งบางอีกหนึ่งชั้นนั้นแล้วก็ตกใจเป็นอย่างมาก
นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องออกมาแล้วฉังเคอจะงดงามกว่าฉังเหยียนเสียอีก
ภายในใจของคนจวนหย่งเฉิงโหวทุกคนก็รู้สึกมาตลอดเช่นกันว่าฉังเหยียนหน้าตาดีกว่าฉังเคอ
บัดนี้ฉังเคอที่สวมเครื่องประดับไข่มุกยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้น งามงดชดช้อย คล้ายบงกชตูมชูช่อรอวันเบ่งบาน เดินออกมาจากเงาของพี่สาว ทำให้คนแค่มองครั้งเดียวก็ยากจะลืมเลือน
“นี่ นี่อาเคอของพวกเรานี่นา!” ฮูหยินผู้เฒ่าขยี้ตา หันไปกวักมือเรียกฉังเคอ “มานี่มา มาให้ข้าดูอย่างถี่ถ้วนสักหน่อย”
หลายวันมานี้ฉังเคอถูกหวังซีพ่นคำแนะนำใส่หูมาตลอดว่าต้องยืดตัวให้ตรง แต่ยังคงเดินไปหาฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไม่ชินเท่าไรนัก
“เด็กสาวยิ่งโตยิ่งเปลี่ยนไปมากจริงๆ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างตื้นตันใจ
ซือจูอดมองไปที่นายหญิงรองครั้งหนึ่งไม่ได้
นายหญิงรองหน้าซีดเล็กน้อย
คนตระกูลฉังล้วนหน้าตาดี หาไม่กูไหน่ไนใหญ่ของตระกูลฉังคงไม่ได้แต่งไปที่จินหลิง และมารดาของหวังซีก็คงไม่ได้แต่งเข้าตระกูลหวังเช่นกัน ฉังเหยียนแต่งกายงดงามมาตั้งแต่เด็ก ส่วนฉังเคอกลับไม่ค่อยพูดมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นธรรมดาที่ฉังเหยียนจะสะดุดตากว่าฉังเคอ
ทว่าตอนนี้กลับตรงกันข้าม
ทุกคนต่างชื่นชมโอ้อวดฉังเคอ จนลืมฉังเหยียนไว้ข้างๆ
ฉังเหยียนที่สวมชุดเพ่ยจื่อปักลายงดงามหรูหราของราชวังกำหมัดแน่น
หวังซีพึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้มาก นางจับมือฉังเคอเอาไว้อย่างยิ้มแย้ม กล่าวเย้าฮูหยินผู้เฒ่าว่า “วันนี้ท่านต้องขอบคุณข้า ชุดที่พี่สาวสี่สวมใส่ในวันนี้ข้าเป็นคนช่วยเลือกให้นางทั้งสิ้น ผ้าโปร่งบางผืนนี้ ข้าหาตั้งนานกว่าจะหาได้! วันนี้ข้านัดกับคุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ว่าจะไปชมงิ้วด้วยกัน ถึงเวลาท่านห้ามพวกข้าไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ”
งานเลี้ยงของวังหลวง ก็มีการร้องรำทำเพลงเช่นกัน
……………………………………………………………….
ตอนต่อไป